อื่นๆ

ผีหลอกโรงพยาบาลหลอน

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
ผีหลอกโรงพยาบาลหลอน

ผีหลอกโรงพยาบาลหลอน 

(เครดิตรูปภาพ โดย Alexander Fradellafra จาก Pixabay )

เรื่องภูตผีจิตวิญญาณ  เรื่องดังกล่าวนั้น หลายๆ คนอาจจะมีความเห็นที่แตกต่างกัน ซึ่งบ้างก็ไม่เชื่อถือกันเสียทีเดียว  

แต่สำหรับผมแล้ว เชื่อสนิทใจแบบไม่มีข้อแม้เลย ว่ามันมีมวลสาร หรือ พลังงานบางอย่างที่บางครั้งถูกเรียกว่า สิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาตินั้นมันมีอยู่จริง

เรื่องมันก็มีอยู่ว่า  ผมเคยทำงานเป็นรปภ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว อยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง  ในจังหวัดเล็กๆทางภาคตะวันออก ซึ่งไม่ขอเอ่ยนามจังหวัดนะครับ เนื่องด้วยว่าเป็นจังหวัด ที่ไม่ใหญ่ และโรงพยาบาลดังกล่าว ก็เป็นโรงพยาบาลของรัฐอีกด้วย.  

โรงพยาบาลแห่งนี้ จะมีตึกของผู้ป่วยนอกหรือตึกอำนวยการที่อยู่ด้านหน้าสุด 

ตึกแรกนั้นถูกออกแบบให้มีห้องโถงอยู่ตรงกลางและมีความกว้างขวางพอสมควร

โดยชั้นบนแต่ละชั้น ต้องเดินวนเป็นวงกลม เพื่อไปติดต่องานตามแผนกต่างๆนั่นเอง

Advertisement

Advertisement

ซึ่งแบ่งเป็นชั้นต่างๆ สูงถึง 5 ชั้นด้วยกัน โดยมีขนาดใหญ่โตพอสมควร 

ความซวยของตัวผมเองนั้นได้เกิดขึ้นที่นี่  และ จนถึงตอนนี้ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมานั้นครั้งใดเป็นต้องทำบุญใส่บาตรไปให้เขาอยู่เสมอเลยหล่ะครับ

รปภ  อย่างพวกผมในเวลานั้น มีหน้าที่หลักๆในการกระจายจุด ดูแลรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลในทุกๆตึก และ มีเพื่อนที่เข้าเวรด้วยกันมากถึง 8 คน แต่ด้วยเหตุผลที่ว่า

อาณาบริเวณของโรงพยาบาลอันกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นทางเข้า หรือ ทางออก และตึกต่างๆ ที่มีอย่างมากมาย  จึงทำให้ต้องกระจายกันอยู่ และ สื่อสารกันด้วยวิทยุสื่อสารเท่านั้น โดยในทุกๆชั่วโมงจำเป็นที่จะต้องออกจากป้อมไปเดินตรวจ 

โดยเรื่องดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นที่ตึกแรกนี่หล่ะครับ

คุณลองนึกภาพของตึกที่ไม่มีคนอยู่ แม้แต่คนเดียว และ มีแต่ความมืดปกคลุมตั้งแต่ชั้น 2 จนถึงชั้น 5 ดูซิว่ามันจะหลอนขนาดไหน  สำหรับชั้น 4 ซึ่งเป็นชั้นสำคัญที่สุด จะมีไฟเปิดอยู่ตลอดทั้งชั้นจนถึงเวลาเที่ยงคืน จึงจะมีคำสั่งให้รปภขึ้นไปปิดไฟทั้งชั้น และ ปิดประตูตึกเพื่อป้องกันความปลอดภัย

Advertisement

Advertisement

ผมต้องเดินไปเพียงคนเดียว  ทิ้งจุดเฝ้าที่หน้าโรงบาล ให้เพื่อนอีกคนหนึ่งมาเฝ้ารอ

เพื่อขึ้นไปทำหน้าที่ปิดชั้น 4  แต่เพียงลำพัง ซึ่งก็เวียนกันปฏิบัติหน้าที่อย่างนี้ตลอดมา

ตกเดือนละ 2 ครั้ง  ที่ต้องขึ้นมาจุดนี้ 

ผมชอบเดินคู่กับโทรศัพท์มือถือเปิดเพลงเบาๆ ร้องเพลงไปด้วย เพื่อกันความเหงากับความกลัว โดยมีไฟฉายเล็กๆ อีก 1 กระบอก และ วิทยุสื่อสาร เพื่อเดินตรวจตราดู เผื่อว่าจะมี มิจฉาชีพขึ้นไปขโมยเอกสาร หรือ ขโมยเงินตู้บริจาคตามจุดต่างๆในโรงพยาบาล 

เวลาตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ เที่ยงคืนเห็นจะได้   จุดที่ผมตรวจ และ ทำหน้าที่จะเป็นจุดชั้น 4 ของตึกผู้ป่วยนอก ผมขึ้นมาชั้น4 ทางลิฟท์

ต้องเดินออกจากลิฟท์แล้วเลี้ยวซ้ายจะผ่านประตูใหญ่ทางฝั่งซ้ายมือ

ซึ่งเป็นประตูบานพับขนาดใหญ่ คู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินไปผลักเปิดประตูทั้งสองให้อ้า

Advertisement

Advertisement

ออกจากกันแล้วไปไล่ปิดไฟที่บริเวณ ส่วนงานต่างๆของตึกชั้น 4 ซึ่ง  โดยต้องเดินเป็นวงกลมเพราะตรงกลางเป็นห้องโถงใหญ่อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว

ซึ่งจุดนี้ผมมีหน้าที่ที่ต้องไปปิดไฟ  ในคืนวันนั้น ผมจำไม่ได้ว่าเป็นวันพระหรือไม่ แต่รู้สึกเสียวสันหลังชอบกล อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

การปิดไฟจำเป็นที่จะต้องปิด จากส่วนที่ลึกที่สุดของตึก แล้วจึงค่อยๆเดินวนย้อนกลับมาที่ลิฟท์ โดยจะมีห้องโถงซึ่งอยู่ตรงกลางสามารถมองลงไปข้างล่างถึงชั้น 1 ได้   ตอนนั้นผมได้ปิดไฟจากทางห้องคอมพิวเตอร์ มาจนถึงขอบของระเบียงที่สามารถมองลงไปถึงชั้นล่าง ระหว่างนั้นผมได้ยินเสียงดังปึ้ง อยู่ที่ชั้น 1 ผมจึงรีบส่องไฟฉายลงไปดู  แต่ทุกท่านเชื่อไหมว่า ถ้าผมรู้ว่าจะเจอกับอะไร

 ผมจะไม่ส่องไฟลงไปเด็ดขาด   ภาพที่เห็นนั้นคือ ชายวัยกลางคนยืนอยู่  แบบเอียงๆ ซึ่งอยู่ในไฟสลัว บริเวณเก้าอี้รอตรวจโรค   ผมส่องไฟลงไปที่ชายผู้นั้น ในทีแรกนึกว่าเป็นคนไข้ที่กลับตึกไม่ถูก หรือ หลงทางมา

จึงพยายามเพ่งดู  และ ตะโกน พี่ๆ เสียงดังก้องห้องโถง 

 แต่พอส่องไฟดู ปรากฏว่าชายคนนั้น   แหงนหน้าที่มีแต่สีแดงๆ คล้ายเลือดอาบหน้า 

มองขึ้นมา  เขาผู้นั้นเดินแบบช้าๆ ผ่านจากทาง ด้านหน้าเคาน์เตอร์ไปทางห้องบัตรแล้ว

หายไปทางเดินลัดไปทางห้องฉุกเฉิน  ผมนี้ขาอ่อนเลย จึงรีบ

แจ้งทางวิทยุสื่อสาร ลงไปที่ป้อมหน้า ว่าช่วยมาดูหน่อยว่าชั้น 1 มีใครเดินไปหรือไม่ หรือ มีผู้ป่วยบาดเจ็บหนัก โดยผมคิดว่า ผมไม่ได้ตาฝาดเป็นแน่

 เพื่อนร่วมงานได้วิ่งไปดูด้วยความเร่งรีบ และ วิทยุกลับมาบอกว่าไม่มีใครเลย ที่หน่วยฉุกเฉินต่างพากันทำหน้างงๆ  

 นี่คือสิ่งที่เพื่อนผมแจ้งขึ้นมา 

เท่านั้นแหละ ผมรีบปิดไฟอีกประมาณ 5 ดวงที่เหลือ และ พยายามกวาดไฟฉายไป รอบๆ เนื่องจากตอนนั้นสติไม่อยู่กับตัวแล้ว  แต่ยังไม่ได้พูดอะไร ไปในวิทยุสื่อสาร 

เพราะเกรงจะเป็นที่ตกอกตกใจของทุกๆจุดที่เข้าเวรในวันนั้น 

หรือว่าจะเป็นวันซวยของผมก็ไม่ทราบได้ ขนาดสวมพระเครื่องยังโดนดี  เพราะ ประตูบานใหญ่ที่เปิดอ้าไว้ก่อนที่ผมจะเดินผ่านกลับไปที่ขึ้นลิฟ  ผมจำเป็นต้องดึงมันมาปิดเข้าหากัน และล็อคกุญแจ  

เหงื่อของผมยิ่งซึมหนักไปอีกเพราะ ประตูนั้น มันปิดได้เอง โดยผมไม่ได้จับเลย  ซึ่งบริเวณโดยรอบนั้นที่ไม่มีลมแม้แต่น้อย เหตุการณ์นั้นมันเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาผมอีกด้วย  เหมือนมีคนจับมันผลัก และ ปิดเข้าด้วยแรงของมนุษย์ เลยทีเดียว  

ผมเห็นดังนั้นผมลืมเรื่องปิดประตู กับ การลงลิฟท์ไปทันที ผมวิ่งผ่านบันไดทางลงที่มีอยู่หน้าลิฟท์  ตั้งแต่ชั้นที่ 4 ลงไปทันทีเนื่องจาก ทนไม่ไหวแล้วกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เมื่อถึงชั้นที่  2 ไฟชั้นต่างๆ เหล่านั้น ทุกๆ ชั้นได้ถูกปิดจนหมดแล้ว   ผมได้ยินเสียง ไอแห้งๆและเสียงที่เหมือนกับการหายใจไม่ออกของผู้ที่ป่วยหนักมากๆดังแว่วมา ซึ่งเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนเพราะตึกหน้าสุดของตึกผู้ป่วยนอกนั้นมันเป็นตึกของห้องแลป และ บัญชีการเงิน กับ งานวิชาการเพียงเท่านั้น ไม่มีคนป่วยหลับนอนอยู่ที่ตึกนี้อย่างแน่นอน  จะมีส่วนที่ตรวจโรคอยู่ชั้นหนึ่งเพียงเท่านั้นซึ่งก็ปิดให้บริการเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่ตอนหนึ่งทุ่มเป็นต้นมา

และที่สำคัญในเวลานั้น จะมีแค่ผมเพียงแค่คนเดียว ซึ่งเป็นเวรขึ้นไปปิดตึก ผมจึงมั่นใจได้ว่าเสียงนั้นไม่ได้เป็นเสียงของมนุษย์อย่างแน่นอน  เมื่อวิ่งจนถึงชั้นล่าง

ผมนั่งพิงฝาพักจนหายเหนื่อยแล้ว จึงรวบรวมสติได้สักระดับหนึ่ง จึงบอกกับเพื่อนร่วมงานว่าวันนี้เจอดีเข้าแล้ว หลังจากนั้น จึงขอพักอยู่ชั้นล่าง และ ตรวจเฉพาะชั้น 1 เพียงเท่านั้น  โดยที่ห้องฉุกเฉินกับ ตึก ผู้ป่วยนอกนัั้นเป็นตึกเดียวกัน   

แต่ผมยังข้องใจกับเสียงที่ดังปึ๊ก อยู่ที่ชั้นหนึ่งว่ามีรอยอะไรหรือไม่  หรือ มีรอยเลือดของผู้ชายคนนั้นอีกหรือเปล่า

ซึ่งในระหว่างที่เดินไปสำรวจดู ก็ไม่พบว่ามีอะไรที่จุดนั้นแต่อย่างใด  เวลาดังกล่าวบริเวณชั้นหนึ่งเขตห้องโถงนั้นมืดหมดแล้ว

  ในตอนนั้นเองผมรู้สึกเหมือนกับว่ามีสายตาจ้องมองลงมา

ผมจึงตัดสินใจส่องไฟฉายไปที่ชั้น 4  

เห็นชายคนดังกล่าว เลือดเต็มหน้า ยืนเกาะระเบียงมองมาผมอีกด้วย เท่านั้นหล่ะสติหลุดเลย ผมทั้งวิ่งทั้งร้องไปที่ห้องฉุกเฉิน  จนเจ้าหน้าที่ห้องฉุกเฉิน พากันตกใจ ซึ่งกว่าจะเรียกสติได้ก็กินเวลานานมากเลยทีเดียวจำไม่ได้ว่าพูดอะไรไปบ้างในตอนนั้น

วันถัดมาลาป่วยอีกสองวันเพื่อไปรดน้ำมนต์ และ ทำบุญ  ต่อมาไม่นานเริ่มทำงานแบบไม่มีความสุข

จึงตัดสินใจเปลี่ยนงานมาเป็น ฝ่ายขายของสินค้าประเภทเครื่องดื่มแทน

จากที่สอบถามประวัติของที่นั่น ผมคาดว่าน่าจะเป็นดวงวิญญาณของ ชายจิตเวชผู้ซึ่งเคยกระโดดตึกลงมาเสียชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาลของจังหวัดนี้ โดยข่าวดังกล่าวนั้นถูกปิดเป็นความลับ และ น้อยคนที่จะรู้ 

แต่ที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นก็คือ เขายังไม่ไปไหนอีกเหรอ และ ทำไมต้องเป็นผมที่เจอกับเหตุการณ์อย่างนี้ด้วย ตำแหน่ง รปภ นี่มันช่างเป็นตำแหน่งที่ นอกจากเสี่ยงภัยจากคนไข้จิตเวชแล้ว

ยังต้องมาเสี่ยงกับผี อีกหรือนี่  คุ้ม หรือ ไม่ประการใด ทุกท่านก็ลอง คิดดูละกันครับ!!!!

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์