อื่นๆ

รถแบตหมด ต้องทำอย่างไร? ฉบับไม่เครียด

1.1k
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
รถแบตหมด ต้องทำอย่างไร? ฉบับไม่เครียด

การระบาดของ โควิด-19 นอกจากจะสร้างปัญหาให้ชีวิต หลายคนต้องกักตัวอยู่บ้าน ถึงแม้ราคาน้ำมันจะถูกยั่วยวนเหลือเกินแต่ก็ได้แต่มองตาปริบ ๆ เพราะต้องอยู่บ้านแทบไม่ได้มีโอกาสไปไหนเลย รถจอดไว้นานยังสร้างอีกปัญหาที่คาดไม่ถึง เมื่อถึงเวลาจะเอามาใช้ปรากฏว่า รถแบตหมด แล้วจะทำอย่างไรดี... เราจะมาดูวิธีแก้ในแบบฉบับที่เข้าใจง่าย ไม่เครียด แล้วจะรู้ว่าแบตหมด ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจเลย

ขอสารภาพว่าตัวผู้เขียนเองมีประสบการณ์รถแบตหมดมาแล้วหลายครั้ง ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องแบตหมด จะขอเล่าอาการที่เป็นสัญญาณว่า แบตใกล้จะหมด กันก่อน เริ่มจากการสตาร์ทรถจะมีเสียงสตาร์ทลากยาวกว่าปกติ , กระจกไฟฟ้าเวลากดเปิด-ปิด จะเริ่มหนืด และไฟหน้ารถตอนกลางคืนจะสว่างน้อยกว่าปกติ เหยียบเร่งเครื่องทีไฟสว่างที นั่นแหละคือสัญญาณว่าควรจะเปลี่ยน ประจวบเหมาะกับช่วงกักตัวแบบนี้จอดทิ้งไว้หลายวันไม่ได้ขับไปไหนมาไหน เอามาสตาร์ทอีกทีแบตลาโลกไปซะแล้ว อันดับแรก ตั้งสติ..!! แล้วทำตามวิธีต่อไปนี้

Advertisement

Advertisement

แบตเตอร์รี่หลากหลายยี่ห้อ1. ทำ CPR คืนชีพให้แบต ถ้าเราทำให้รถสตาร์ทติด สามารถขับไปที่ร้านเพื่อทำการเปลี่ยนได้ จะประหยัดค่าบริการมาเปลี่ยนที่บ้าน 100-300 บาทเลยทีเดียว เริ่มจากเปิดฝากระโปรงรถ ดูที่ตัวแบตจะเห็นจุกที่เป็นฝาสี ๆ บางรุ่นก็เป็นร่องกากบาทให้ใช้เหรียญหมุนออกมาเลย มองลงไปจะเห็นแท่งตะกั่วที่โผล่ให้เห็น หาน้ำกลั่นมาเติมเอาแค่ท่วมแท่งตะกั่ว ถ้าไม่มีน้ำกลั่นเป็นน้ำกรองก็ได้ ไหน ๆ แบตมันหมดไม่มีอะไรจะเสียแล้ว เติมให้ครบทุกช่องปิดจุกกลับเหมือนเดิมทิ้งไว้สักครึ่งวันให้ตะกั่วคืนสภาพอีกครั้ง จากนั้นปิดวิทยุ , ปิดแอร์ เพื่อใช้พลังงานที่เหลือเพียงน้อยนิดไปกับการสตาร์ท ยกมือไหว้แม่ย่านาง 1 ครั้ง ทำการสตาร์ท ถ้าติดขับรถไปเปลี่ยนที่ร้าน ถ้าไม่ติดข้ามไปข้อต่อไป

แบตเตอร์รี่ในรถยนต์2. หาสายมาต่อพ่วงจั๊มแบต วิธีที่คลาสสิคคือการขอต่อพ่วงกับรถคันอื่น ควรให้ผู้มีประสบการณ์ต่อพ่วงให้ ถ้าจำเป็นต้องทำเอง เราจะเห็นสายต่อพ่วงมี 2 สี คือสีแดง และสีดำ สีที่ทำแยกมามีเหตุผลนะ เพราะเราต้องเอาสายสีแดงไปหนีบกับขั้ว + คันที่แบตหมด กับขั้ว + คันที่แบตดี และสายสีดำต่อกับขั้ว - คันที่แบตดี ปลายอีกข้างหนีบกับตัวถังคันที่แบตหมด ไม่ต้องกลัวสับสนเพราะขั้วแบตจะบอกไว้อย่างชัดเจนว่าอันไหน + หรือ – จากนั้นให้คันแบตดีสตาร์ทเครื่อง เหยียบเร่งเครื่องเป็นระยะ แล้วคันที่แบตหมดทำการสตาร์ท พอติดแล้ว เสียงสวรรค์..!

Advertisement

Advertisement

จากนั้นแกะที่หนีบขั้วแบตย้อนจากหลังสุดไปแรกสุด คือจาก สีดำที่หนีบตัวถัง - สีดำอีกฝั่งคันที่แบตดี – สีแดงคันที่แบตดี - สีแดงคันที่แบตเสีย เป็นอันเรียบร้อย จากนั้นขอบคุณผู้ใจดีที่เสียสละมาช่วยเหลือ อย่าเผลอดับเครื่องล่ะ ให้รีบขับไปร้านเพื่อเปลี่ยนแบต

การจั๊มแบตเตอร์รี่3. ใช้ Power Bank Jumpstart เป็นเทคโนโลยีที่มีมาได้สักพักใหญ่แล้ว ลักษณะคล้ายกับ Power Bank ที่ใช้ชาร์จโทรศัพท์แต่มีขนาดใหญ่กว่า และกำลังไฟมากพอที่จะใช้สตาร์ทรถติด หลักการเดียวกับการพ่วงแบตรถยนต์ เพียงแต่มีต้นขั้วจาก Power Bank เห็นอย่างนี้หลายคนอยากซื้อเก็บไว้ประจำรถใช่ไหมล่ะ แต่ข้อเสียนิดเดียวคือราคาแอบแรง เกือบเท่าแบตเตอร์รี่ลูกหนึ่งเลยทีเดียว มันจึงไปอยู่ในมือของช่างเสียมากกว่า เวลาเรียกใช้บริการจั๊มแบตนอกสถานที่ เราจะเห็นช่างถืออุปกรณ์ตัวนี้มาแก้ปัญหาให้รถเรา แต่ใครพอมีกำลังซื้อมันก็มีประโยชน์นะ บางรุ่นสามารถใช้ชาร์จโทรศัพท์ได้ด้วย มีไว้ก็อุ่นใจดี

Advertisement

Advertisement

4. โทรตามให้ช่างมาเปลี่ยนแบต วิธีที่ทำให้ปัญหาจบแบบไม่วุ่นวาย ดูเหมือนไม่มีอะไรแค่โทรตามเอง แต่มันมีเทคนิคที่จะทำให้เราเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด ผู้เขียนมีประสบการณ์ตรงมาแนะนำให้ฟัง เริ่มจากหาข้อมูลโทรตามร้านที่ ใกล้ที่สุด จะทำให้เสียค่าบริการนอกสถานที่น้อยที่สุด หรือใกล้มาก ๆ อย่างเช่นแค่หน้าหมู่บ้านเหมือนที่ผู้เขียนเคยใช้บริการ ก็อาจจะไม่เสียค่าบริการเลย ถ้าสุ่มโทรมั่วเช่นร้านอยู่ปากเกร็ด ให้มาเปลี่ยนที่รังสิต โดนค่าบริการหลายร้อยแน่นอน

ช่างเปลี่ยนแบตเตอร์รี่โดยก่อนโทร เราต้องมีข้อมูลที่ชัดเจนบอกกับทางร้าน เช่น ยี่ห้อ , รุ่นรถ , รุ่นแบตลูกเดิมที่อยู่ในรถ (ดูได้จากด้านบนของแบต) ถ้าไม่ระบุรุ่นให้แจ้งงบประมาณที่เราต้องการ เดี๋ยวทางร้านจะจัดแจงหารุ่นที่เหมาะสมให้เราเอง คงไม่ลงลึกไปถึงประเภทของแบตเตอร์รี่เพราะต้องว่ากันอีกยาว ถ้าไม่มั่นใจ ให้เลือกเอารุ่นเดิมที่มากับรถเพื่อความสบายใจ เพราะอย่างน้อยยี่ห้อของลูกเก่า ก็อยู่กับเรามานาน

แนะนำให้เปลี่ยนกันไปแล้ว ขอทิ้งท้ายวิธีการดูแลรักษาแบตคู่ใจให้อยู่กับเราไปนาน ๆ สมัยนี้นิยมแบตแห้ง หรือแบตที่ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น คงไม่ห่วงอะไรมาก อันที่จริงคำว่าแบตแห้งไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องมีน้ำกลั่นนะ ข้างในยังมีของเหลว แต่ใช้เป็นเจลที่ระเหยได้ช้ามาก กว่าจะระเหยจนหมดก็ยังมีมากพอเลี้ยงแท่งตะกั่วข้างในจนหมดอายุการใช้งาน ส่วนแบตน้ำก็ยังต้องดูแลรักษาหมั่นเติม และตรวจเช็คน้ำกลั่นตามปกติ ส่วนใหญ่คนที่ยังเลือกแบตรุ่นนี้อยู่จะทราบดี

ส่วนเรื่องการไม่ชาร์จแบตบนรถ ขอใช้ความเห็นส่วนตัวสวนกระแส เพราะโดยหลักการแล้วการชาร์จมือถือใช้ไฟเพียง 5V 1A – 5V 2.1A ซึ่งน้อยมาก ไม่ได้บอกว่ามันไม่มีผลกับแบตนะ มันมีแต่น้อยมาก จากประสบการณ์ใช้งานของผู้เขียนเองเสียบ GPS , กล้องหน้ารถ พร้อมกับการเปิดเพลงตลอดเวลา แบตทุกลูกผ่านหลัก 2 ปีขึ้นไปถึงเปลี่ยน ราคาแบตเตอร์รี่สมัยนี้ไม่ได้แพงมากมายอะไร ขอขับรถแบบได้อรรถรสความบันเทิงดีกว่า แบตหมดก็แค่เปลี่ยน ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรมากมาย คิดเสียว่าซื้อความบันเทิงบนรถ

พฤติกรรมการใช้รถจากที่กล่าวมา สรุปได้แบบสั้น ๆ ว่าถ้าเราพบอาการของ แบตใกล้จะหมด ในช่วงต้นบทความ และรีบเปลี่ยน เราจะข้ามข้อ 1–4 ไม่ต้องวุ่นวายอะไรกับชีวิตเลย แต่ถึงอย่างไรทราบไว้ถือเป็นเรื่องมีประโยชน์ ถ้าไม่เจอเรื่องแบบนี้กับตัวเอง อย่างน้อยเราสามารถใช้ความรู้ที่มีช่วยเหลือผู้อื่นได้ รู้ไว้มีประโยชน์แน่นอน เมื่อโควิด-19 หมดไป ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ เรากับรถคู่ใจ คงออกไปเที่ยวกันได้เช่นเดิม ถึงวันนั้นอย่าลืมว่าอุตส่าห์รอดจากโควิดแล้ว ต้องขับขี่อย่างมีสติ และปลอดภัยไม่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อคนที่เรารักนั่นเอง

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์