อื่นๆ
รอยต่อเบญจเพส

เบญจเพส หรือช่วงอายุ 25 ปีที่เราต่างรู้จักกันดี ว่าช่วงวัยนี้เป็นช่วงวัยอันตรายที่สุดของชีวิตเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นวัยที่หลายคนเชื่อกันว่าเสียชีวิตง่ายมากที่สุด แบบอยู่ ๆ ก็มีเหตุการณ์อุบัติเหตุต่าง ๆ ให้ถึงแก่ความตายขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่ความจริงแล้วไม่ว่าคนเราจะอายุเท่าไหร่ก็ตามถ้ามันถึงที่ตาย มันก็ต้องตายด้วยกันทั้งนั้น ขอแค่อย่าใช้ชีวิตอย่างประมาทก็พอ ฉันเคยคิดแบบนี้ ... จนกระทั่งมีเหตุการณ์หนึ่งซึ่งเกิดขึ้นกับฉันทำให้ฉันต้องลบล้างความคิดเก่านั้นไปตลอดกาล เพราะมันทำให้ฉันได้เรียนรู้ว่าต่อให้เราไม่ใช้ชีวิตอย่างประมาทเลยแม้สักนิดเดียว แต่ก็อาจมีเหตุการณ์ทำให้เกือบตายหรือตายได้เลยเช่นกัน
เครดิตรูปภาพ : ภาพโดย bertvthul จาก Pixabay
ปัจจุบันฉันอายุ 24 ปี อีกเพียงแค่อาทิตย์เดียวก็จะครบ 25 ปีแล้ว ฉันกำลังเดินทางไปจังหวัดหนึ่งซึ่งอยู่ห่างไกลจากบ้านเกิดของฉันนับพันกว่ากิโลเมตรเลยทีเดียว แต่เพราะเป็นงานศพของคุณตาคนสำคัญของครอบครัวฉัน ทำให้ฉันต้องเดินทางไป พระอาทิตย์กำลังจะตกดินอีกไม่กี่ร้อยเมตรก็จะถึงที่จัดงานศพซึ่งเป็นบ้านคุณตาของฉัน ฉันเดินทางมาพร้อมกับครอบครัวอีกสามคน มีคุณพ่อคุณแม่และน้องชายของฉัน
Advertisement
Advertisement
เครดิตรูปภาพ : ภาพโดย Free-Photos จาก Pixabay
แต่ในระหว่างที่ฉันกำลังจะขับรถถึงตัวบ้านของคุณตา จู่ ๆ ฝนก็กระหน่ำเทลงมาอย่างหนักอย่างไม่ปี่ไม่มีขลุ่ย จนทำให้ฉันมองเห็นทางข้างหน้าไม่ค่อยชัดเจน แม้จะเปิดที่ปัดน้ำฝนช่วยแล้วก็ตาม แต่ด้วยปริมาณฝนที่ตกหนักอย่างมาก ทำให้ฉันขับรถไปข้างหน้าด้วยความลำบาก ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มอย่างรวดเร็ว ฉันเปิดไฟหน้ารถแสงจ้าส่องไปเบื้องหน้า ก่อนจะพบกับร่างหนึ่งยืนขวางหน้ารถอยู่ ฉันรีบเหยียบเบรกแทบไม่ทัน เพราะกลัวจะขับรถชนเขา
เครดิตรูปภาพ : ภาพโดย Stefan Keller จาก Pixabay
คุณพ่อซึ่งนั่งข้างฉันมาตลอดทางหันมาถามว่า “มีอะไรรึเปล่า ทำไมถึงเบรกกะทันหันแบบนี้” ฉันแปลกใจอย่างมาก ก่อนจะเอ่ยถามคุณพ่อ “คุณพ่อไม่เห็นผู้ชายที่ยืนขวางหน้ารถเราเหรอคะ?” คำถามของฉันพาให้คุณแม่และน้องชายพร้อมคุณพ่อชะเง้อคอมองไปหน้ารถพร้อมกัน ก่อนที่ทุกคนจะตอบแทบพร้อมเพรียงกันว่า “ไม่เห็นมีอะไรเลยนี้” ฉันรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาทันใด คุณพ่อคุณแม่ก็เหมือนจะรู้ฉันคงเจอดีเข้าแล้ว จึงปลอบใจว่าคงตาฝาดไม่มีอะไรหรอก และยื่นสร้อยพระมาให้ฉันคล้องคอ ฉันรับมาสวมใส่รู้สึกสบายใจมากขึ้น ก่อนจะขับรถเดินทางต่อไป
Advertisement
Advertisement
เครดิตรูปภาพ : ภาพโดย Jay George จาก Pixabay
แต่แล้วฉันกลับได้ยินเสียงแว่วดังเข้ามาให้หูตลอดทางขณะที่ขับรถ “ไป-อยู่-ด้วย-กัน-ไหม…” เสียงยานครางชวนขนหัวลุก ทำเอาฉันเหงื่อแตกพลั่ก กัดเม้มริมฝีปากด้วยความกลัว เพราะเกรงตัวเองจะกรีดร้องออกไป และทุกคนในรถจะตกใจกันไปด้วย เนื่องจากอีกแค่นิดเดียวก็จะถึงบ้านคุณตาอยู่แล้ว ฉันพยายามรวบรวมสติและสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับขับรถต่อไป หากถามว่าผู้ชายคนที่ฉันเห็นใช่คุณตาของฉันหรือเปล่า ตอบได้เลยว่า …ไม่ใช่อย่างแน่นอน ผู้ชายที่มายืนขวางหน้ารถฉันเมื่อครู่ ไม่ได้มีหน้าตาละม้ายคล้ายคุณตาของฉันเลยแม้แต่น้อย
เครดิตรูปภาพ : ภาพโดย carolynabooth จาก Pixabay
หลังจากที่ฉันเดินทางถึงบ้านคุณตา ฉันเข้าไปจุดธูปไหว้เคารพศพคุณตาตามปกติ ฉับพลันหางตาของฉันก็เหลือบไปเห็นร่างของผู้ชายคนที่ยืนขวางรถฉันมายืนอยู่ข้างโลงศพของคุณตาทางด้านขวามือของฉัน ขาของฉันแข็งลุกขึ้นยืนไม่ได้ด้วยความกลัวสุดขีด จนคุณพ่อทักอีกว่าตกลงมีอะไรใช่ไหม ฉันเลยตัดสินใจเล่าให้คุณพ่อฟังไปตามความจริง คุณพ่อจึงพาฉันไปรดน้ำมนต์ซึ่งมีอยู่แล้วในบ้านคุณตา ก่อนจะพาฉันไปสวดมนต์ขออโหสิกรรม และสวดบทแผ่เมตตาพร้อมนึกถึงวิญญาณผู้ชายที่ฉันเห็นเมื่อครู่
Advertisement
Advertisement
เครดิตรูปภาพ : ภาพโดย Pete Linforth จาก Pixabay
คุณพ่อเล่าให้ฟังเป็นเรื่องปกติ นี่คือสัญญาณทักว่าฉันกำลังเข้าสู่ช่วงวัยเบญจเพสแล้ว จะใช้ชีวิตต่อจากนี้ให้ระมัดระวังมากยิ่งขึ้น และหมั่นสวดมนต์แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวร รวมถึงวิญญาณเร่ร่อนสัมภเวสีทั้งหลายที่เข้ามาขอส่วนบุญอยู่เสมอ หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นฉันจึงสวดมนต์แผ่เมตตาทุกคืน แม้จะเจออะไรแปลก ๆ ชวนหลอนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากและไม่ร้ายแรงอย่างที่คิด … สัพเพ สัตตา ต่างคนต่างอยู่กันเถอะนะ ฉันขอร้องTT
=====================
เล่าเรื่องโดย : Neemmy BK
เครดิตรูปภาพหน้าปก : ภาพโดย Albrecht Fietz จาก Pixabay
ความคิดเห็น






