รีวิวเที่ยวเชียงคาน จ.เลย 3 วัน 2 คืน 2 คน แบบไม่มีรถส่วนตัว บอกเลยว่ารอด!

ปล่อยใจไปเลยเลียบริมโขงที่เชียงคานจ.เลย 3 วัน 2 คืน แบบไม่มีรถส่วนตัว และขับรถไม่เป็น บอกเลยว่าไม่มีปัญหา อีกทั้งยังตอบโจทย์สาย Slow Life ชอบธรรมชาติ ทริปนี้เก็บเกือบทุกแลนมาร์คเด็ดที่ทุกรีวิวบอกว่าต้องมา ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิวภูทอกสกายวอล์คพระใหญ่ถนนคนเดิน คาเฟ่เด็ด หรือคาเฟ่ลับ ครบ จบในทริปนี้ที่เชียงคาน

ออกเดินทาง

ทริปนี้เลือกเดินทางกับแอร์เมืองเลยในราคาคนละ 596 บาท โดยรถบัสจะเริ่มออกเดินทางจากสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 ในเวลา 19:30 ใช้เวลาเดินทาง 10 ชั่วโมงโดยประมาณก็จะถึงในเวลา 05:00 ซึ่งเป็นจุดจอดรถของแอร์เมืองเลยซึ่งอยู่ใกล้กับถนนคนเดินเชียงคานเลย

วันแรก

ตอนเช้า | วันแรกที่เชียงคานเริ่มต้นกันที่แรกกับจุดชมวิวภูทอกทะเลหมอก หลังจากลงรถที่จุดจอดของแอร์เมืองเลยก็จะมีคุณลุงสามล้อมารอรับนักท่องเที่ยวแล้ว ใช้เวลานั่งชมวิวตอนเช้าตรู่ให้ลมตีหน้าเล่นๆ ประมาณ 10 นาที ก็จะถึงจุดชมวิวแล้ว เสียดายที่มาช่วงกลางปีเลยมีหมอกจางๆ แทน แต่บรรยากาศก็ยังเงียบสงบและมีลมอ่อนๆ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับทริปนี้

ชมวิวที่แก่งคุดคู้เสร็จก็ปั่นจักรยานกลับมาที่ถนนคนเดิน แวะดื่มน้ำคลายร้อนที่ร้าน With A View Hotel @Chiangkhanบรรยากาศเงียบสงบอีกเช่นเคย

ตอนบ่าย | มื้อที่สองของวันแรกต่อกันด้วยเฝอสไตล์ยูนนานที่ร้านเวียงเวียต ViengViet จะบอกว่าอร่อยและคุ้มมาก พนักงานค่อนข้างเป็นกันเอง และที่สำคัญที่นี่มีแอร์!!! ใครต้องการหนีร้อนช่วงบ่ายบอกเลยร้านนี้ตอบโจทย์มากๆ เพราะร้านส่วนใหญ่ที่ถนนคนเดินจะไม่มีแอร์ เพราะฉะนั้นเป็นตัวช่วยที่ดีมากๆ 

ตอนเย็น | ช่วง 17:00 ถนนคนเดินหรือตลาดกลางคืนก็เริ่มครึกครื้น เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวและของอร่อย เพราะตลาดกลางคืนเริ่มเปิดแล้ว ราคาอาหารและเครื่องดื่มที่นี่ก็อยู่ในราคาปกติ และที่สำคัญมาเที่ยวตรงช่วงที่มีการจัดงานเทศกาลประจำปีของเชียงคานแบบไม่ได้ตั้งใจพอดีก็เลยจะมีร้านเปิดเยอะมากกว่าปกติอีกด้วย

วันที่ 2

ตอนเช้า | เริ่มวันที่ 2 ด้วยการตักบาตรข้าวเหนียวเพื่อเพิ่มความปังให้กับทริปนี้ โดยนักท่องเที่ยวและคนท้องที่ก็จะเริ่มมานั่งรอพระกันตั้งแต่ 06:00 จนไปถึง 07:00 โดยนักท่องเที่ยวที่สนใจจะตักบาตรข้าวเหนียวก็สามารถซื้อชุดตักบาตรได้จากชาวบ้านคนท้องที่แถวถนนคนเดินได้เลย ในราคาชุดละ 100 บาท

สถานที่ต่อไปก็คงหนีไม่พ้นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คของเชียงคานนั่นก็คือสกายวอล์คพระใหญ่ภูคกงิ้ว ค่าบัตรเข้าชมคนละ 60 บาท เดินทางจากถนนคนเดินไป-กลับด้วยรถสามล้อคนละ 250 บาท ตอนแรกส่วนตัวแล้วคิดว่าราคาค่อนข้างแพง  แต่พอได้คำนวณระยะทางและระยะเวลาที่คนขับรถต้องรอแล้วก็คิดว่าค่อนข้างสมเหตุสมผล และก็ถือว่าได้เป็นการกระจายรายได้ให้กับคนในชุมชนที่นี่

กลับมาถึงที่ถนนคนเดินก็พักดื่มน้ำกันที่ร้านคาเฟ่ดัง Itsara 잇사라 ที่ไม่มาไม่ได้ เพราะทุกรีวิวต้องมีร้านนี้อยู่ในนั้น และรีวิวนี้ก็เช่นกัน ราคาค่อนข้างถูกและบรรยากาศก็ดี ไม่ถึงกับเย็นมากแต่มีลมอ่อนๆ เพราะอยู่ติดริมโขง

ตอนบ่าย | มื้อเที่ยงวันที่ 2 ก็ได้ลองอีกหนึ่งร้านดังของที่นี่ นั่นก็คือ จุ่มนัวยายพัด ตอนแรกได้ยินก็ เอ๊ะ! มันคืออะไรนะ แต่พอได้มากินก็ อ๋ออออ คล้ายๆ เย็นตาโฟแห้งที่มีน้ำขลุกขลิกแบบนัวๆ ตามชื่อร้านเลย เย็นตาโฟราดหน้าอะไรประมาณนั้น ที่สำคัญคือราคาถูกมากแบบมาก ปกติ 40 พิเศษ 50 อร่อยแบบไม่ต้องปรุงเลย ใครมาเชียงคาน ขอร้องเลยว่าแวะมาหน่อยเถอะ อยู่แถวถนนคนเดินอีกเช่นเคย

ตอนเย็น | ก็ยังสามารถหาของกินง่ายเหมือนเดิมที่ถนนคนเดินหรือตลาดกลางคืน ขอมาซ้ำรอยอีกรอบเพราะของกินเยอะมาก เดินวนจนไม่รู้จะกินอะไรเลย วันนี้โชคดีที่ออกมาเร็วหน่อยก็เลยได้ชมพระอาทิตย์ตกดิน สวยมากแบบก.ไก่ไม่รู้จบ

วันสุดท้าย

ตอนเช้า | วันสุดท้ายด้วยความไม่ได้วางแผนอะไรก็เลยไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี ก็เลยตัดสินใจว่าจะปั่นจักรยานไปอีกหนึ่งคาเฟ่ดังที่อยู่ติดกับแก่งคุดคู้ นั่นก็คือ บ้านติดดินนั่นเอง ทุกคนอาจจะตกใจว่าปั่นจักรยานมาเลยหรอ คำตอบคือ ใช่! ระยะทางไม่ใช่ปัญหาแต่อากาศประเทศไทยนี่สิ โหดเกิน!!! บอกเลยว่าระหว่างทางกว่าจะมาถึงร้อนและชื้นมากๆ หลังเปียกเลยทีเดียว 

ตอนเที่ยง | มื้อเที่ยงวันสุดท้ายอร่อยมากกับร้านเฝอ เดอ เลย Pho de Loei เจ้าของร้านน่ารักมาก ชวนคุยเป็นกันเอง มีแนะนำด้วยว่าควรกินยังไง 

ตอนเย็น | จบทริปนี้ด้วยคาเฟ่มินิมอลๆ ที่หาเจอใน Google Map แบบงงๆ แต่ร้านน่ารักมากๆ แบบไม่งง ดีใจที่ได้เจอร้านนี้ เกือบพลาดแล้ว ร้านชื่อว่า Flowa’coffee บรรยากาศดีมากและที่สำคัญคือมีแอร์! ราคาก็น่ารัก แถมมีน้องแมวด้วย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งคาเฟ่ที่อยากให้ทุกคนมา อยู่ไม่ไกลจากตัวถนนคนเดินมาก ใครที่เช่าจักรยานสามารถปั่นจักรยานมาได้เลย 

ทริปเชียงคาน 3 วัน 2 คืนที่ใช้ชีวิตอยู่แต่ถนนคนเดินจริงๆ บอกเลยว่าใครที่ชอบเที่ยวสไตล์แบบ Slow Life อยากมาพักผ่อนปล่อยใจจริงๆ บอกเลยว่ามาที่นี่เถอะ ได้พักผ่อนจริงๆ เพราะเงียบสงบและเต็มไปด้วยธรรมชาติ แต่ส่วนตัวคิดว่า 2 วัน 1 คืนก็อาจจะเพียงพอแล้วที่จะเที่ยวที่นี่และสถานที่รอบๆ ใครอยากหาสถานที่สงบๆ ได้พักผ่อน หนีความวุ่นวายจากชีวิตการทำงาน บอกเลยว่าเชียงคานรอทุกคนอยู่!

ภาพประกอบทั้งหมดโดย ผู้เขียน

แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “ท่องเที่ยว”