อื่นๆ
ศิลปะแห่งการหยิบยิม (Appropriation Art) คืออะไร
%20คืออะไร%20(1).png)
เมื่อโลกได้รู้จักความงาม นักคิดด้านศิลปะก็ไม่รั้งรอที่จะใช้ความคิดในการกำหนดนิยามพร้อมทฤษฏีทางศิลปะในแนวทางต่างๆ อย่างพลั่งพลู จนถึงปัจจุบัน แนวทางการสร้างสรรค์งานศิลปะเริ่มจากการลอกเลียนธรรมชาติไม่ว่าจะใช้วิธีขีดเขียน ระบายสี ปั้น แกะสลักไปจนถึงการทำภาพพิมพ์ สู่การพัฒนามาจนเป็นศิลปะบนระบบดิจิทัลในโลกปัจจุบัน
โลกหมุนวนไม่รู้กี่ล้านรอบผ่านวันและคืนนับไม่ถ้วนจากยุคหิน สู่ยุคกรีก-โรมัน ยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยา เดินทางผ่านเส้นทางสายไหมไปอย่างยาวนาน ลองผิดลองถูกสู่ยุคศิลปะเหมือนจริง จนเปลี่ยนแปลงความคิดไปสู่ยุคศิลปะประทับใจแล้วมุ่งหน้าแหกกฎสู่ลัทธิเหนือความจริงเพื่อประชดประชันสังคมการเมืองและวัฒนธรรมที่น่าเบื่อหน่าย จนมาสู่ยุคดิจิทัลที่เรายืนอยู่ท่ามกลางความเร็วของระบบ WIFI ที่มีความเร็วสูง ซึ่งศิลปะก็ได้มีการพัฒนาตัวของมันเรื่อยมาอย่างแยบยล
Advertisement
Advertisement
หลายคนคงสงสัยเกี่ยวกับชื่อบทความเรื่องนี้ แต่เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ง่ายขึ้น ผมเข้าประเด็นเลยละกัน “ศิลปะแห่งการหยิบยืม” ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Appropriation Art เป็นแนวทางการสร้างสรรค์งานศิลปะที่เมื่อศิลปินทำงานจากสิ่งที่เขาคุ้นชินจนเริ่มเบื่อหน่ายเขาจะเริ่มมองหาสิ่งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวใหม่ๆ โครงสร้างขององค์ประกอบใหม่ๆ การใช้โครงสร้างของสีใหม่ จนมาถึงที่สุดของการทำงานสร้างสรรค์ทางศิลปะ ศิลปินก็จะนำบางส่วนในภาพผลงานของศิลปินที่ตนชื่นชอบหรือผลงานเด่นๆ ที่คนรู้จักมาเป็นส่วนประกอบในการทำงาน ซึ่งวิธีการสร้างสรรค์เช่นนี้มีมาตั้งแต่ยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาซึ่งมีการสร้างสรรค์แบบการหยิบยืมทั้งงานจิตรกรรมและประติมากรรม
ที่มาของภาพ : ผลงานสร้างสรรค์โดยผู้เขียน
ผมเองก็ได้นำวิธีการสร้างสรรค์ศิลปะแบบการหยิบยืม มาใช้กับผลงานของผมเช่นกัน เช่น ภาพผลงานจิตรกรรม ชื่อ พาราควอธ เทคนิคสีอะคริลิคบนผืนผ้าใบ ขนาด 70x100 เซนติเมตร ปี พ.ศ. 2562 โดยผมได้นำภาพกู่ตะโกนร้องของ เอ็ดวัด มุงก์ (Edvard Munch) เป็นศิลปินชาวนอร์เวย์ มาดัดแปลงใส่เรื่องราวเหตุการณ์การใช้สารพาราควอธ ซึ่งเป็นสารเคมีที่มีผลรุนแรงต่อสุขอนามัย มานำเสนอเพื่อให้ภาพนี้เป็นการกระตุ้นเตือนให้ประชาชนและผู้สนใจตระหนักและรณณรงค์ไม่ใช้สารเคมีเหล่านี้
Advertisement
Advertisement
อย่างไรก็ตาม วิธีการสร้างสรรค์ศิลปะแบบการหยิบยืมดังกล่าวนี้ เป็นเสมือนแฟชั่นที่เกิดขึ้นในบางช่วงของการทำงานของศิลปินเท่านั้น มิใช่สิ่งที่ปรากฏอยู่คงทนยาวนาน และเมื่อวันหนึ่งท่านอาจเดินไปเที่ยวหอศิลป์หรือมีโอกาสพบเจอผลงานศิลปะลักษณะนี้ ท่านจะได้รู้เท่าทันและอธิบายให้เพื่อน ๆ ได้เข้าใจได้ ซึ่งนับว่าเป็นเกร็ดความรู้แบบเท่ๆ ที่เราเล่าสู่กันฟัง แบบเก๋ๆ ได้
ที่มาของภาพ : ผลงานสร้างสรรค์โดยผู้เขียน
***ภาพปก : ผลงานสร้างสรรค์โดยผู้เขียน

สกนธ์ผู้หลงใหลในงานศิลปะและวัฒนธรรม
ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์
Advertisement
Advertisement
Advertisement
Advertisement
Advertisement
ข้อตกลงและเงื่อนไข|Copyright © True Digital & Media Platform Company Limited. All rights reserved