อื่นๆ
สมบัติผี

ปู่ชาเป็นคนหวงสมบัติมาก แกไม่ชอบให้ใครไปยุ่งกับของหรือสมบัติของแก ถึงแม้จะเป็นลูกหลานของแกก็ตาม ถ้าแกไม่ได้ให้ก็จะไม่มีใครกล้าแตะต้องของของปู่ชาเด็ดขาด ซึ่งลูกหลานของปู่ชาเองก็จะรู้กันดี ถึงแม้ปู่ชาเป็นคนที่มีสมบัติมาก แต่ก็ไม่มีใครกล้าขอหรือเข้าไปยุ่ง จนกว่าแกจะอยากมอบให้เอง
ที่มาภาพจาก https://www.freepik.com/free-photo/
วันหนึ่งปู่ชาได้เรียกลูกหลานทุกคนมาที่บ้าน และได้บอกกลับลูกหลานว่า “ที่ปู่เรียกทุกคนมาวันนี้ก็เพราะว่าปู่ไม่แน่ใจว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเท่าไร จึงจะแบ่งทรัพย์สินของปู่ให้ลูกหลานทุกคนตามความเหมาะสม เผื่อว่าปู่ตายไปลูกหลานจะได้ไม่ต้องมานั่งทะเลากัน”
เมื่อปู่ขาพูดจบ สิงห์ที่เป็นลูกคนโตของปู่ชาก็พูดว่า “พ่อยังมีเวลาอยู่กับพวกเราอีกตั้งนาน ทำไมถึงรีบแบ่งสมบัตินักเล่า พวกเราทุกคนก็ไม่มีใครเดือดร้อนเงินทองกันสักหน่อย”
Advertisement
Advertisement
ปู่ชาก็ตอบว่า “แบ่งๆ ให้มันจบๆ ไปนั่นแหล่ะดีแล้ว ข้าจะไดไม่ต้องกังวล”
จากนั้นทุกคนก็น้อมรับในการตัดสินแบ่งสมบัติของปู่ชาโดยไม่มีใครโต้แย้ง และปู่ชาได้กำชับกับลูกหลานไว้เรื่องหนึ่งว่า “พวกมึงจำไว้ให้ดีนะว่ามีของสิ่งหนึ่งที่กูรักมาก กูไม่ให้ใคร เมื่อกูตายให้ใส่โลงฝังไปพร้อมกับกูห้ามเผาเด็ดขาด”
สิงห์ได้ถามปูชาว่า “มันคืออะไรครับพ่อ”
ที่มาภาพจาก https://www.freepik.com/free-photo/
ปูชาจึงหยิบแหวนทองวงใหญ่ฝังทับทิมเม็ดใหญ่ไว้ตรงกลาง และมีเพชรเม็ดเล็กๆ ฝังไว้รอบๆ ดูแล้วสวยงามและมีค่ามาก ปู่ชาได้พูดว่า “แหวนวงนี้เป็นแหวนที่แม่ข้าให้ ข้ารักมาก พวกมึงจำไว้ให้ดีว่า อย่าให้ใครเอาไปเด็ดขาด แหวนต้องอยู่กับกูเท่านั้น” ซึ่งลูกหลานทุกคนก็รับคำปู่ชาอย่างไม่ขัดข้อง
หลังจากวันนั้นผ่านไปได้ 6 เดือน ปู่ชาก็ได้ป่วยและเสียชีวิตลง ลูกหลานก็ได้นำศพของปู่ชามาประกอบพิธีทางศาสนา โดยทำตามที่ปู่ชาสั่งไว้ทุกประการไม่มีบกพร่อง และเมื่อถึงวันฝังศพ สิงห์ลูกชายคนโตก็ได้นำแหวนทองของปู่ชาสวมไว้ที่นิ้วของปู่ชา แล้วนำร่างของปู่ชาฝังไว้ที่ป่าช้าในพื้นที่ที่เตรียมไว้ ระหว่างนั้น อั่ม ซึ่งเป็นหลานชายของสัปเหร่อได้เห็นแหวนที่ศพของปู่ชา และคิดว่าคงมีราคาแพง จึงเกิดความคิดที่จะขโมยแหวนวงนั้น
Advertisement
Advertisement
หลังจากเสร็จพิธีฝังศพคืนวันนั้น อั่มได้ชวนเพื่อนมาอีกสองคนคือ โชคและจ้อย มาขุดศพของปู่ชา เพื่อขโมยแหวน ระหว่างที่ขุดศพอยู่นั้น ก็มีเสียงหมาหอนดังมาเป็นระยะ แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจ เอาแต่นั่งหน้าตั้งตาชุดหลุมศพ เพื่อหวังจะเอาแหวนไปขายเปลี่ยนเป็นเงินก้อนโต จนพวกเขาขุดศพขึ้นมาได้ อั่มรีบชี้ให้โชคกับจ้อยดูแหวนที่นิ้วองปู่ชา เมื่อโชคเห็นก็ได้พูดว่า “โห นี่มันแหวนทองทับทิมผังเพชรเลยนี่หว่า วงนี้น่าจะขายได้หลายแสนเลยนะ”
อั่มจึงตอบว่า “นั่นสิของมีคาคาแบบนี้เอามาฝังไว้เฉยๆ เสียดายของเปล่าๆ”
จากนั้นทั้งสามก็รีบถอดแหวนออกจากนิ้วปู่ชาแล้วรีบฝังศพทันที ระหว่างที่กำลังฝังศพอยู่นั้น จ้อยก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินมาใกล้ๆ จ้อยพยายามมองหาที่มาของเสียง และทำให้เขาต้องตกใจเพราะเขาเห็นคนมายืนจ้องหน้าด้วยสายตาที่โกรธแค้น เขารีบร้อยเรียกให้ อั่มกับโชคดู เมื่อทั้งสามเห็นชายคนนั้นก็ยิ่งทำให้ตกใจกันจนสติแทบหลุด เพราะร่างของชายคนนั้นคือร่างเดียวกันกับคนที่นอนอยู่ในโลง นั่นคือปู่ชานั่นเอง ทันใดนั้นผีปู่ชาก็ได้ชี้หน้าทั้งสามคนและพูดว่า “พวกมึง ไอพวกระยำ เอาของกูคืนมา” พร้อมกับจับแขนของอั่มไว้แน่น
Advertisement
Advertisement
เมื่อรู้สึกตัวอั่มก็เห็นเพื่อนของเขาทั้งสองวิ่งหนีไปแล้ว ทิ้งให้เขาอยู่กับผีของปูชาลำพัง อั่มหลับตาไม้กล้ามองหน้าปู่ชา เขาร้องเสียงดังว่า “ผมกลัวแล้วครับ ผมขอโทษ ผมไม่เอาแหวนแล้ว” จากนั้นเขาได้สะบัดมือสุดแรงจนหลุดจากปู่ชา แล้วโยนหวนทิ้งและวิ่งหนีออกจากป่าช้าทันที เมื่อมาถึงบ้านเขาก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้สัปเหร่อลุงของเขาฟัง รุ่งเช้าสัปเหร่อจึงพาทั้งสามคน พร้อมกับหลวงพ่อที่วัดมาทำพิธีขอชมาปู่ชา จากนั้นมาพวกเขาก็ไม่กล้าแอบขโมยของศพอีกเลย
ความคิดเห็น






