ไลฟ์แฮ็ก

สูตรคิดอย่างง่าย ทุนประกันชีวิตสักเท่าไหร่ถึงจะพอ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
สูตรคิดอย่างง่าย ทุนประกันชีวิตสักเท่าไหร่ถึงจะพอ

(Credit Cover Image : Photo by NordWood Themes on Unsplash)

ในโลกที่สุดแสนจะไม่แน่นอน ใครๆ ก็รู้ว่า “ประกันชีวิต” เป็นการ “ซื้อความมั่นใจ”

มีไว้สักนิดก็รู้สึกปลอดภัย ว่าคงพอจะป้องกันผลกระทบจากสถานการณ์ที่เราทำนายไม่ได้ ช่วยให้เราอุ่นใจว่าได้สร้างเกราะคุ้มกันภัยให้กับคนที่เรารัก

เป้าหมายที่สำคัญอันดับหนึ่งของการซื้อประกัน คือเพื่อให้คนในครอบครัวเรายังดำเนินชีวิตต่อไปได้  โดยมีเงินสักก้อนไว้ทดแทนรายได้ที่ขาดหาย หากเราเกิดเสียชีวิตไปอย่างกะทันหัน

ใครๆ ก็รู้เหตุผลของการซื้อประกันชีวิตในจุดนี้ แต่คุณเคยสงสัยเหมือนฉันไหม ว่าเราควรต้องซื้อประกันชีวิตสักเท่าไหร่ถึงจะพอ

Photo by Jonathan Daniels on UnsplashPhoto by Jonathan Daniels on Unsplash


คน ๆ หนึ่งควรจะทำประกันชีวิตสักเท่าไหร่ ที่จะไม่น้อยเกินกว่าที่คนข้างหลังจะพออยู่ต่อไปได้ แต่ก็ไม่มากมายจนเราอดตายเพราะไม่มีเบี้ยจะส่ง

Advertisement

Advertisement

ฉันไปเจอสูตรลัดสูตรนี้ มีกูรูการเงินเขาประมาณการให้คร่าวๆ ว่า

วงเงินคุ้มครองประกันชีวิต = รายได้ของคนๆ นั้น 5 - 7 ปี

สูตรนี้คิดคำนวณมาจากไหน ก็มาจากแนวคิดที่ว่า เมื่อเราเกิดเป็นอะไรไป  เราหวังว่าเงินคุ้มครองชีวิตที่เราทำประกันไว้ คงช่วยให้สมาชิกครอบครัวดำเนินชีวิตต่อไปได้ อย่างน้อยสักชั่วระยะเวลาหนึ่ง  

ประมาณการกันว่า กว่าครอบครัวหนึ่งจะปรับตัวให้เข้ากับการสูญเสียรายได้หลักไป น่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 5 ปี

Photo by Xavier Mouton Photographie on UnsplashPhoto by Xavier Mouton Photographie on Unsplash


อือม์ ก็เข้าใจง่ายดีนะ งั้นแปลว่าตามสูตรนี้ หากคุณมีเงินเดือนสัก 50,000 บาท หรือมีรายได้ต่อปี 600,000 บาท ก็ควรมีทุนประกันทิ้งไว้ให้คนข้างหลังราว (600,000 X 5) = 3 ล้านบาท

และถ้าอยากให้ปลอดภัยมาก ๆ หรือมีกำลังพอที่จะซื้อได้ อาจพิจารณาซื้อประกันที่มีทุนประกันมากขึ้นเป็น (600,000 X 7) = 4.2 ล้านบาท

Advertisement

Advertisement

ในกรณีที่คุณมีเงินเก็บเย็น ๆ หรือทรัพย์สินสำรองไว้อยู่แล้ว ก็สามารถนำเงินเย็นก้อนนั้นไปหักออกจากทุนประกันได้ เช่น คุณมีเงินสดเก็บไว้แล้ว 2.2 ล้านบาท ก็อาจซื้อประกันที่มีทุนประกัน 2 ล้านบาทก็ได้

นี่แค่เป็นสูตรคิดแบบประมาณการคร่าวๆ พอให้ได้ไอเดีย ไม่ใช่สูตรเป๊ะตายตัว เพราะสถานการณ์ในแต่ละครอบครัวต่างกันมาก

Photo by Juliane Liebermann on UnsplashPhoto by Juliane Liebermann on Unsplash


เช่น สาวโสดตัวคนเดียว ไม่มีพ่อแม่  ไม่มีลูก ไม่มีภาระ มีทรัพย์สินมากมาย มีรายได้เหลือเก็บ ไม่มีใครต้องห่วงใย จะไม่ทำประกันชีวิตเอาไว้เลยก็ไม่มีใครว่า

ขณะที่ชายกลางคนที่มีลูกหนึ่งกับภรรยา เริ่มมีภาระให้ห่วงกังวล อาจซื้อประกันที่มีทุนประกันเท่ารายได้ของเขา 7 ปี

ส่วนคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวลูกสอง แถมยังเป็นเสาหลักของครอบครัว พ่อแม่เริ่มเข้าสู่วัยชราและไม่มีรายได้ อาจตัดสินใจทำประกันชีวิตที่มีวงเงินคุ้มครองเท่ารายได้ 10 ปีไปเลย

Advertisement

Advertisement

ไม่มีสูตรการเงินใดที่ใช้ได้กับทุกคนแบบ 100% คุณควรพิจารณาเงื่อนไขของชีวิตตัวเองให้ดีก่อนซื้อประกันชีวิต

หรือถ้าไม่แน่ใจ จะลองตอบแบบสอบถาม Life Insurance Cover Calculator ในเว็บไซต์ moneycontrol.com ก็ได้

Photo by Tyler Franta on UnsplashPhoto by Tyler Franta on Unsplash


ส่วนข้อสงสัยที่ว่า จะซื้อประกันชีวิตพ่วงออมเงินดีไหม เดี๋ยวนี้มีประกันแบบใหม่ๆ แลดูเป็นการลงทุนไปในตัวด้วยนะ 

อันนี้ก็แล้วแต่สะดวกแบบไหน แต่ตัวฉันมองว่าเป้าหมายที่สำคัญของประกันชีวิต คือเพื่อให้มีเงินทดแทนรายได้ที่ขาดหายไปเป็นประเด็นหลัก ฉันจึงแยกการประกันชีวิตออกจากการลงทุน เรียกว่าไม่เอาสองสิ่งนี้มาเกี่ยวข้องกัน

ยิ่งถ้ารายได้ของคุณจำกัด ก่อนจะตัดสินใจซื้อประกันชนิดใด ควรแน่ใจว่ารายได้ของคุณเพียงพอที่จะชำระเบี้ยตลอดสัญญา

อย่าผูกพันตัวเองให้ต้องส่งเบี้ยประกันปีละมากมาย จนกลายเป็นภาระหนักเกินจะรับไหว โดยเฉพาะในวันที่คุณขาดรายได้ขึ้นมากะทันหัน

นักการเงินหลายคนก็ล้วนเตือนให้ระวัง อย่าทำประกันที่ต้องส่งเงินสูงเกิน 10% ของรายได้  เพราะอาจมีโอกาสที่คุณอาจส่งเบี้ยประกันไปไม่ตลอดรอดฝั่ง

อย่าลืมว่าการซื้อประกันเป็นสัญญาที่มีผลผูกพันยาวนาน เพราะฉะนั้นอย่าตกปากใจอ่อนตกลงซื้อประกันแบบง่ายๆ

อย่าซื้ออะไรที่ตัวคุณเองยังงงใจ ยอมเสียเวลาสักหน่อย ตรวจสอบเงื่อนไขและรายละเอียดก่อนให้ดี ว่านี่คือสิ่งที่คุณต้องการจริง ๆ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์