อื่นๆ
หยุดกลัวการถูกเกลียด

คนที่อยากเป็นคนดีคือคนที่กลัวว่าจะถูกคนอื่นเกลียด จึงไม่กล้าพูดสิ่งที่อยากพูดออกไปตรง ๆ คนประเภทนี้จะยอมเก็บตัวตนของตัวเองไว้ แล้วปรับตัวหรือแสดงท่าทีให้เข้ากับอีกฝ่าย เวลาถูกขอร้องก็ไม่กล้าปฏิเสธ จะไม่กล้าพูดว่า “ขอตัวกลับก่อนนะ” ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นในที่ประชุม หรือ ไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากคนอื่นค่ะและต้องพยายามอยู่คนเดียว
ขอบคุณภาพจาก unsplash.com
คนประเภทนี้จึงเกิดความเครียดและความรู้สึกอึดอัดได้ง่าย ในทางกลับกัน มีคนอีกมากมายค่ะที่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้ แม้จะมีคนเกลียดก็ยังใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขได้
เมื่อเราลองคิดเรื่องนี้เราจะเข้าใจได้ว่า การถูกเกลียดไม่ใช่ปัญหาแต่ปัญหาคือเจ้าตัว “กลัวว่าจะถูกเกลียด” ต่างหากล่ะ
สรุปคือ สังคมของเรามีทั้งคนที่ “กลัว” ถูกคนอื่นเกลียดและคนที่มองว่าการถูกเกลียด “ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต”
Advertisement
Advertisement
เราลองคิดถึงปัญหาจากการถูกเกลียดค่ะ
ใครที่กลัวถูกคนอื่นเกลียด ให้ลองคิดดี ๆ ว่าหากถูกเกลียดแล้วชีวิตเราจะลำบากหรือจะเกิดผลเสียอะไรบ้าง
จากนั้นให้เราคิดต่อว่าถ้าเราพยายามทำให้คนอื่นชอบจะมีข้อดีและข้อเสียต่อตัวเองยังไง แล้วก็ลองนำมาเปรียบเทียบกันค่ะ
ข้อเสียของการถูกเกลียดมีอะไรบ้าง เรามาดูกันค่ะ
น่าจะมีแค่การมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกัน ทำให้พูดคุยกันลำบากหรือเปล่า ยกตัวอย่างเช่น สังคมในที่ทำงาน บริษัทจ้างพนักงานมาเพราะต้องการให้ทุกคนทำผลงานได้ดี เพราะฉะนั้นแม้จะถูกบางคนในที่ทำงานเกลียด แต่ถ้าคุณยังทำงานได้ดีก็ย่อมไม่มีปัญหาค่ะ
ขอบคุณภาพจาก unsplash.com
สิ่งที่สำคัญในที่ทำงานคือการสร้างผลงานให้ดีและได้รับค่าจ้างหรือผลตอบแทนจากสิ่งนั้น หากเราสร้างผลงานที่ดีให้ทีม แผนก หรือบริษัทได้ แม้มีคน “ไม่ชอบชี้หน้า” คุณบ้างก็ชั่งมันค่ะ อย่างน้อยก็น่าจะยังมีคนอื่นที่ชื่นชมเราว่า เราทำงานได้ดีและสามารถพึ่งพาได้ คงเป็นเรื่องยากค่ะที่เราจะถูกคนเกลียดทั้งบริษัท
Advertisement
Advertisement
เราเองเคยทำงานล่วงเวลาในบริษัทเยอะจนเพื่อร่วมงานพากันวิพากษ์วิจารณ์ แต่ในทางกลับกันนะคะเราเองก็ทำงานได้ดี หากเราทำงานและสร้างผลงานได้ดี เราก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องความสัมพันธ์กับคนอื่นหรอกค่ะ
ในทางกลับกันถ้าหากเรากังวลเรื่องความสัมพันธ์กับคนในที่ทำงานมากเกินไป เราก็อาจจะไม่มีสมาธิกับงานตรงหน้า แทนที่จะเหนื่อยกับการกังวลเรื่องของคนอื่นมากเกินไป สู้เราเอาแรงมาใช้กับการทำงานจะเป็นประโยชน์มากกว่านะ
แม้ถูกเพื่อนกลุ่มแม่บ้านเกลียดก็ไม่เป็นอะไรค่ะ
จะหยิบยกพูดถึงกลุ่มแม่บ้านละกันนะคะเพราะเราเองก็มีหลานค่ะและได้หยิบยกประสบการ์ณตรงมาเล่าค่ะ ให้เราลองคิดถึงกรณีเพื่อนกลุ่มแม่บ้านหรือสมาคมผู้ปกครองซึ่งเป็นกลุ่มสังคมที่เกี่ยวพันกันด้วยเรื่องของลูกดูบ้าง
ถึงแม้จะไม่มีใครชวนไปไหนหรือไม่มีใครสนใจเราเลย แต่ถ้าลูกเรายังเติบโตได้ดีก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรค่ะ
Advertisement
Advertisement
สมาคมผู้ปกครองมีขึ้นเพื่อรักษาผลประโยชน์ของเด็ก เพราะฉะนั้นขอแค่สมาคมยังเอื้อประโยชน์กับลูกของเราได้ เราก็ไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจความสัมพันธ์ในกลุ่มเพื่อนแม่บ้านค่ะ
การไม่มีเพื่อนในกลุ่มแม่บ้านยังช่วยให้เราไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งพบปะสนทนากับตามร้านกาแฟ ทำให้มีเวลาเป็นของตัวเองและได้ใช้เวลาทำสิ่งที่ชอบ กลุ่มแม่บ้านที่มีฐานะบางกลุ่มยังชอบนัดพบปะจิบน้ำชากันตามโรงแรม ถ้าไม่เข้าร่วมมันก็จะทำให้เราประหยัดเงินได้อีกมากค่ะ
คุณกลัวว่าหากไม่เข้าร่วมจะไม่รู้ข้อมูลข่าวสารรึเปล่า จะบอกว่าสมัยนี้ข้อมูลต่าง ๆ หาได้จากอินเตอร์เน็ตทั้งนั้น นอกจากนี้ถ้าเราเข้าร่วมงานอื่น ๆ สำหรับแม่บ้านก็จะเจอเพื่อนที่ไม่เข้าร่วมสมาคมผู้ปกครองหรือกลุ่มแม่บ้านเหมือนกันได้ด้วยค่ะ
ขอบคุณภาพจาก unsplash.com
กลัวว่าลูกจะถูกแกล้ง?
ปกติแล้วระดับชนชั้นทางสังคมของผู้ใหญ่กับเด็กจะแตกต่างกัน เด็ดตัดสินแค่ว่าเล่นด้วยแล้วสนุกหรือเปล่า เพราะฉะนั้นเราไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรให้มากเกินไป ต่อให้มีผู้ใหญ่มากเป่าหูว่า “อย่าไปเล่นกับเด็กคนนั้นนะ” ทำให้ลูกถูกแกล้ง เราก็ขอความช่วยเหลือกับทางโรงเรียนได้ค่ะไม่ต้องกังวล
ถ้าหากแก้ปัญหาไม่ได้จริง ๆ เราอาจให้เด็กทำกิจกรรมหรือเข้าชมรมอื่น ๆ นอกโรงเรียนเพื่อให้เด็กรู้สึกว่ายังมีจุดยืนของตัวเอง
บางคนอาจจะคิดว่า “ต้องทำขนาดนั้นเลยหรอ” แต่สภาพจิตใจของผู้ใหญ่ถ่านทอดไปสู่เด็ก การฝึกให้เด็กมีจิตใจที่เข้มแข็งก็ต้องอาศัยผู้ใหญ่ที่มีจิตใจเข้มแข็งเหมือนกันค่ะ
เพราะฉะนั้น หากเราต้องทนเหนื่อยกับกรเข้าสังคมกลุ่มแม่บ้าน สู้ด้าวออกมาจากกลุ่มไปเลยจะเป็นประโยชน์กับเด็กมากกว่าด้วยนะคะ
สังคมเพื่อนบ้านก็เช่นกันค่ะ
แม้ถูกเพื่อนบ้านเกลียดก็ไม่ได้ส่งผลกับการใช้ชีวิตของเรา มีน้อยครั้งมากที่ในชีวิตประจำวันต้องเจอสถานการ์ณที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ต่าง ๆ จากเพื่อนบ้านค่ะ
บางคนอาจจะคิดว่า “ที่บ้านนอกไม่เป็นแบบนั้นหรอก” หรือ “เวลาทำกิจกรรมในท้องถิ่นก็ยังต้องเจอกัน” คนอื่นอาจจะวิพากษ์วิจารณ์คุณว่า “เขาเป็นคนแบบนี้ล่ะ” แต่อย่างมากก็ไม่มีคนคุยด้วยเท่านั้นเอง
สรุปคือ แม้ถูกคนรอบข้างเกลียดบ้างก็แทบจะไม่ส่งผลเสียกับเราเลย คนที่กลัวว่าจะถูกคนอื่นเกลียดมักคิดไปเองว่า “สาเหตุที่ถูกเกลียดเป็นเพราะขาดคุณสมบัติของความเป็นมนุษย์” ซึ่งน่าจะมาจากการปลูกฝังตั้งแต่เด็ก หรือเพราะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับ “การให้ความสำคัญแก่ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล” ที่มีอยู่อย่างล้นหลามในสังคมปัจจุบันมากเกินไปจึงทำให้เชื่อแบบนั้น
การเป็นคนดีจะส่งผลดีต่อตัวเราจริงหรอ?
การไม่ถูกเกลียดย่อมไม่เป็นการสร้างศัตรูก็จริง เมื่อไม่มีศัตรูก็ไม่มีการกระทบกระทั่ง ทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิต การไม่ถูกเกลียดจึงมีข้อดีเหมือนกันนะ
แต่ที่จริงแล้ว คนที่ชอบพูดจาว่าร้ายเราก็เป็นแค่พวกปากหอยปากปูคนที่มีวุฒิภาวะจะไม่มากล่าวหาหรือหาเรื่องคนอื่นแบบนี้ รวถึงคนที่เป็นผู้ใหญ่จริง ๆ ก็จะไม่เสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระแบบนี้
ขอบคุณภาพจาก unsplash.com
สรุป คือ คนที่พูดจนว่าร้ายคุณ นอกจากเป็นพวกไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว ยังเป็นคนที่ไม่มีความสำคัญกับคุณเลย จึงไม่ควรเข้าใกล้หรือเพิกเฉยไปเลยจะดีกว่าค่ะ
“การทำตัวเป็นคนดีเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเหงา ไม่ได้ก่อให้เกิดผลดีเลย มีแต่จะส่งผลเสียต่อตัวเองมากกว่าค่ะ”
ทั้งหมดนี้ที่เราเขียนถึงเรื่อง จงเลิกกลัวการถูกเกลียด เพราะอยากให้ได้เห็นหลาย ๆ มุมมอง หลาย ๆ ความคิดที่เราได้รวบรวมจากการอ่านหนังสือดี ๆ “เลิกเป็นคนดีแล้วชีวิตจะมีความสุข” เราสามารถที่จะมีความสุขได้โดยที่ไม่ต้องไปใส่ใจหรือสนใจคนที่ไม่ชอบเรา เพราะสังคมเรามันก็มีทั้งคนที่กลัวโดนคนเกลียดและคนที่ไม่ได้สนใจว่าใครจะเกลียด มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ในชีวิตเราค่ะ....
ขอบคุณภาพปกจาก unsplash.com
บอกเล่าผ่านตัวหนังสือ I ทุกความรู้สึก I ทุกความประทับใจ I ทุกแรงบันดาลใจที่จะให้ทำคุณก้าวข้ามผ่านควา
ความคิดเห็น






