อื่นๆ

หยุดคิดมากกับการมีเพื่อนน้อย

6.5k
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
หยุดคิดมากกับการมีเพื่อนน้อย

คนทั่วไปมักคิดว่าการอยู่คนเดียวทำให้เหงา การพึ่งพาแต่ตัวเองทำให้ต้องสูญเสียความสัมพันธ์กับคนอื่น หรือคนไม่มีเพื่อนคือคนมีปัญหา คงไม่มีใครอยากเข้าใกล้คนที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง คนที่ไม่เคยพอใจหรือเอาแต่วิพากษ์วิจารณ์คนอื่นอยู่ตลอดเวลา แต่คนพวกนี้จะคิดว่าตัวเองเอาตัวรอดได้เอง เพราะฉะนั้นต่อให้มีคนเข้าใกล้ เขาก็ไม่ใส่หรอกค่ะ  

ภาพจาก unsplash.com                                                                             ขอบคุณภาพจาก unsplash.com

ในทางกลับกัน คนที่มักยึดติดกับความคิดของคนอื่นและรู้สึกว่าคนมีเพื่อนน้อยช่างไม่มีค่า พวกเขากลัวความโดดเดี่ยวหรือการใช้ชีวิตเพียงลำพังอย่างมากและเข้าหาเพื่อนฝูงอยู่เสมอ จึงต้องเก็บกดความเป็นตัวเองเอาไว้และคอยเอาใจคนอื่นจนรู้สึกเหนื่อยค่ะ 

นอกจากนี้ครอบครัว คุณครูที่โรงเรียนและคนในสังคมยังชอบพูดกดดันว่า “มีเพื่อนไว้เยอะ ๆ ดีกว่า” ต้องมีเพื่อนเยอะถึงจะคุณค่า มีเพลงที่ร้องว่า “เมื่อเรียนชั้นปีที่หนึ่งจะมีเพื่อนได้ถึงร้อยคนไหมนะ” นี่อาจเป็นอีกสิ่งที่ปลูกฝังหรือล้างสมองให้พวกเราใส่ใจความสัมพันธ์กับเพื่อนฝูง จริง ๆ แล้วการมีคนอยู่ 100 คนเท่ากับมีแนวคิดหรือมุมมองที่ต่างกันไป 100 แบบ ถ้าเราคิดจะเป็นเพื่อนกับคน 100 คน แปลว่าต้องปรับตัวให้เข้ากับความคิดทั้ง 100 แบบนั้น แน่นอนว่าเราคงอยากให้ทั้ง 100 คนนั้นเข้ากับเราได้ดี แต่คนที่จะพยายามปรับตัวเองให้เข้ากับคนทั้ง 100 คน ต้องแสดงบทต่าง ๆ และพูดอย่างที่ใจคิดไม่ได้ เมื่อใจสื่อถึงกันไม่ได้ก็ยิ่งเหงาซึ่งเป็นรูปแบบความสัมพันธ์ที่เรา ๆ มักเจอ  

Advertisement

Advertisement

ภาพจาก unsplash.com                                                                              ขอบคุณภาพจาก unsplash.com 

เราไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนเป็นร้อย

เราอาจจำเป็นต้องคบหาคนให้หลากหลายเพื่อเพิ่มทักษะเราสื่อสารหรือการใช้ชีวิตในสังคม แต่เราคิดว่าการมีเพื่อนน้อยไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย โดยเฉพาะในวัยเด็กสิ่งที่จำเป็นก็คือความสัมพันธ์แน่นแฟ้น เด็กส่วนใหญ่จึงมองหาคนที่เข้าใจความอึดอัดของตัวเองและเป็นที่ปรึกษาเรื่องกลุ่มใจที่ไม่อาจคุยกับพ่อแม่ได้ เช่น ผลการเรียน ความรัก หรือเส้นทางในอนาคต “การจะสร้างสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นย่อมต้องใช้เวลาและเพื่อนที่มีมุมมองหรือความคิดตรงกับเราก็คงมีไม่มากนัก”   

เราคงไม่อาจสร้างความสัมพันธ์กับคนทั้ง 100 คนให้แน่นแฟ้นได้เนื่องจากเวลาที่จำกัด ยิ่งเราคบเพื่อนที่บอกความในใจออกไปตรง ๆ ไม่ได้ หรือต่างฝ่ายต่างไม่เข้าใจกันก็ยิ่งทำให้รู้สึกเหงา “การมีเพื่อนน้อยไม่ใช่เรื่องน่าอายสักนิด ขอเพียงมีคนที่หัวเราะและร้องไห้ไปด้วยกันเปิดอกคุยได้ทุกเรื่องแค่คนเดียวก็พอแล้ว” 

Advertisement

Advertisement

เราไม่ได้หมายความว่าให้คุณปฏิเสธที่จะพูดคุยกบคน 100 คน แต่ให้เลือกรักษาความสัมพันธ์ดี ๆ กับคนที่เข้ากับเราได้ การได้พบปะผู้คนมาก ๆ อาจเป็นเรื่องสนุกสนาน แต่เมื่อโตขึ้น คนที่คิดเห็นไม่ตรงกันจะค่อย ๆ ถอยห่างและจะเหลือแต่เพื่อนที่เข้ากับเราได้ เพราะฉะนั้นเพื่อนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่ต้องฝืน ไม่ต้องคอยอวดอ้างว่า “ฉันไปเที่ยวฮาวายมาละ” คุยกันได้ทุกเรื่องอย่างสบายใจ หรือแม้แต่เวลาที่นั่งเงียบ ๆ ก็ไม่รู้สึกอึดอัด เพื่อนแบบนี้มีแค่คนเดียวก็เพียงพอแล้ว  

ภาพจาก unsplash.com                                                                              ขอบคุณภาพจาก unsplash.com

เลือกที่ยุติความเป็นเพื่อน  

เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แม้จะไม่มีเพื่อนสักคนก็ไม่ใช่ปัญหาเลย ทุกวันนี้เราแก้ปัญหาหรือเรื่องกลุ้มใจทุกอย่างได้จากอินเตอร์เน็ต เพราะฉะนั้นหากมีเรื่องกลุ่มใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ย่อมหาทางแก้ไขได้เอง บางครั้งเราอาจเจอปัญหาที่แก้เองไม่ได้ แต่ก็ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญให้ช่วยจัดการได้ เช่น ถ้าเรากลุ่มใจว่าจะเปลี่ยนงานหรือเปิดกิจการใหม่ดีไหมแล้วไปปรึกษาเพื่อนร่วมงานผู้ไม่เคยมีประสบการณ์หรือเข้าใจงานนั้นก็อาจแสดงความคิดเห็นแบบผิด ๆ ได้ โดยทั่วไปเราควรพิจารณาด้วยตัวเองหรือปรึกษาเพื่อนร่วมงานที่รู้ไม่อย่างนั้นก็ปรึกษาสำหนัดงานให้คำปรึกษาเรื่องการเปลี่ยนงานหรือจัดหางาน กรณีอยากเปิดกิจการใหม่ก็ควรปรึกษาผู้ที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ 

Advertisement

Advertisement

สรุปคือ คนที่เป็นปรึกษาหรือแก้ไขปัญหาให้เราได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเพื่อนเสมอไป นอกจากนี้เวลาพบเพื่อนสมัยเรียนในงานเลี้ยงรุ่น เราก็มักถามไถ่เรื่องราวในปัจจุบันแค่ผิวเผิน หรือถามว่า “เพื่อนคนนั้นเป็นยังไงบ้างแล้วนะ” แล้วจบแค่นั้น   

ทั้งยังไม่จำเป็นต้องคบเพื่อนในที่ทำงานเพื่อพูดคุยเรื่องอื่นนอกจากเรื่องงาน เราอาจจำเป็นต้องรู้จักกลุ่มเพื่อนแม่บ้านหรือครอบครัวของเพื่อน ๆ ของลูก แต่ก็จนถึงลูกเรียนจบชั้นประถมเท่านั้น เมื่อลูกโตแล้ว พ่อแม่ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งย่าม ไม่ว่ากรณีไหน คนที่เป็นผู้ใหญ่ ต่อให้มีเพื่อนหรือไม่มีเพื่อนก็ไม่รู้สึกแตกต่างนัก  

ภาพจาก unsplash.com                                                                             ขอบคุณภาพจาก unsplash.com

เราควรคบหาคนที่ให้โอกาสหรือช่วยเหลือเราไว้ก็จริง แต่การเชื่อแรงกดดันจากสังคมว่าคนเราควรมีเพื่อนมาก ๆ จึงพยายามทำให้คนอื่นชอบและไม่ให้ถูกใครเกลียดนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะฉะนั้น ต่อให้เราไม่มีเพื่อนหรือมีเพื่อนน้อยก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ นอกจากนี้เราควรระวังคนที่ชอบพูดว่า เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว “เพื่อนคือสิ่งสำคัญที่สุด” คนประเภทนี้คงแก้ไขปัญหาหรือจัดการความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ จึงต้องมีเพื่อนไว้คอยระบายความในใจ ทั้งยังไม่มั่นใจวิธีการดำเนินชีวิตของตัวเอง จึงต้องมีเพื่อนที่คิดทำนองเดียวกันไว้คอยปลอบใจ 

หากเราไปยุ่งกับคนแบบนี้ ก็อาจเจอเรื่องยุ่งยากหรือถูกอีกฝ่ายโทรหรือส่งอีเมลยาวยืดมารบกวน   

สรุปแล้ว เราควรยุติความสัมพันธ์ที่อึดอัดหรือมาถึงทางตัน ต่อให้ไม่เหลือเพื่อนสักคนก็ไม่เป็นไร เราไม่ได้ให้คุณ “ตัดขาด” หรือ “เพิกเฉย” กัน แต่หมายถึง อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวโดยไม่จำเป็น หรือ รักษาระยะห่างต่างสมควร หากเราไม่อาจหลบเลี่ยงเพราะยังต้องเจอกันในที่ทำงานหรืออยู่สมาคมผู้ปกครองเหมือนกัน ก็ให้พูดคุยแต่เรื่องงาน พยายามอย่าเข้าใกล้และสร้างกลุ่มไลน์หรือเฟซบุ๊คใหม่  

ต่อให้ต้องตัดความสัมพันธ์แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็นคนไม่ถูกชะตาด้วยอยู่แล้ว เราก็ไม่เดือดร้อน ไม่หนำซ้ำการที่เราไม่ต้องคอยเกรงใจจะยิ่งทำให้สบายกว่าเดิมด้วย ต่อให้ไม่มีเพื่อนที่จะชวนมาร่วมงานแต่งงานได้เลย เราก็แค่เชิญญาติมิตรที่สนิทสนมก็พอแล้ว “คนที่เลิกไม่ได้ จะมีแต่เพื่อนที่คบแค่ผิวเผินมากขึ้น ๆ และยิ่งรู้สึกเหนื่อย ส่วนคนที่เลิกนิสัยนี้ได้จะมีเพื่อนที่พูดคุยกันอย่างเปิดเผยได้ทุกเรื่องเลยล่ะค่ะ” 


ขอบคุณภาพปกจาก unsplash.com

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
gasmap
gasmap
อ่านบทความอื่นจาก gasmap

บอกเล่าผ่านตัวหนังสือ I ทุกความรู้สึก I ทุกความประทับใจ I ทุกแรงบันดาลใจที่จะให้ทำคุณก้าวข้ามผ่านควา

ดูโปรไฟล์

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์