อื่นๆ
ห้องปริศนาใต้หลังคา

กรได้มีโอกาสพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวที่บ้านพักตากอากาศของครอบครัวที่อยู่ริมชายทะเลแห่งหนึ่ง บ้านหลังนี้เป็นบ้านกงสี ที่มีไว้สำหรับคนในตระกูลของเขาเข้ามาพักผ่อนได้ และมีอายุเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษของเขาที่อพยพมาจากเมืองจีน บ้านหลังนี้ไม่ได้มีคนอยู่ประจำ แต่จะป้าอ้อยที่เป็นชาวบ้านแถวนั้น ที่รับจ้างมาทำความสะอาดบ้านทุกสัปดาห์ และจะคอยมาดูแลเวลาที่มีคนมาพัก กรพาเพื่อนรวมกันหกคนเข้ามาถึงก็พากันเอาของไปเก็บและนั่งพักผ่อนกันอยู่ข้างในบ้าน เมื่อป้าอ้อยเปิดประตูเข้ามาก็จัดแจงทำความสะอาดและต้อนรับกรกับเพื่อนเป็นอย่าง
ป้าอ้อยได้บอกกับกรว่า “ถ้ามีอะไรให้ป้ารับใช้ก็โทรไปเรียกได้เลยนะคะ แล้วอย่าลืมกำชับเพื่อนๆ ด้วยนะคะว่าอย่าเข้าไปยุ่งที่ห้องใต้หลังคา”
กรได้ยินดังนั้นก็ตอบรับไปว่า “ครับป้าอ้อย ขอบคุณมากครับ ไว้ถ้ามีอะไรผมจะโทรไปเรียกนะครับ”
Advertisement
Advertisement
จากนั้นป้าอ้อยก็ขอตัวกลับ และปล่อยให้กรกับเพื่อนๆ พักผ่อนกัน ตกเย็นเพื่อนบางคนได้ออกไปเล่นน้ำทะเลกัน ส่วนกรกับเตย ออกไปซื้อกับข้าวเพื่อมาทำอาหารกินกันตอนเย็น หลังจากซื้อกับข้าวเสร็จกรกับเตยกลับมาถึงบ้านก็เห็นเพื่อนๆ สี่คนยืนอยู่หน้าบ้าน แล้วเงยหน้ามองขึ้นไปที่บนบ้านใต้หลังคา กรจึงถามไปว่า “เฮ้ย พวกมึงยืนมองอะไรกันวะ “
โจเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มจึงตอบว่า “พวกกูกำลังสงสัยกันว่า ตอนที่เรามาถึงที่นี่กัน หน้าต่างที่ห้องใต้หลังคามันเปิดหรือมันปิดอยู่ เพราะกูจำได้ว่าตอนพวกกูเล่นน้ำทะเลกันเห็นว่ามันเปิด แต่เมื่อกี้เห็นเหมือนมีคนอยู่ข้างในแล้วปิดหน้าต่าง”
กระจึงตอบว่า “จะเป็นไปได้ยังไง ห้องนั้นปิดตายไม่ให้ใครเข้าไปนานแล้ว หน้าต่างก็ไม่เคยเปิดไว้แน่นอน กูว่าพวกมึงจำผิดมากกว่า เข้าบ้านกันเถอะกูซื้อกับข้าวมาเต็ม เลย”
Advertisement
Advertisement
จากนั้นทุกคนก็เดินเข้าบ้านกัน มีเพียงเตยที่ยังยืนอยู่ข้างนอกเพราะรู้สึกว่าบ้านหลังนี้เหมือนมีอะไรน่ากลัวซ่อนอยู่ จนได้ยินเสียงของกรตะโกนเรียก เตยจึงรีบวิ่งตามเพื่อนเข้าบ้านไป ระหว่างที่ทุกคนกำลังช่วยกันทำอาหารกันอยู่นั้น โต้งก็ถามกรขึ้นมาว่า “กร เมื่อกลางวันกูได้ยินมึงคุยกับป้าอ้อยว่า ที่ไม่ให้ขึ้นไปบนห้องใต้หลังคา เพราะอะไรวะ”
กรจึงตอบว่า “กูก็ไม่รู้เหมือนกันวะ รู้แค่ว่าห้ามไม่ให้ใครขึ้นไปเท่านั้น และก็ไม่เคยเห็นใครขึ้นไปด้วย”
บิ๊กจึงพูดขึ้นมาว่า “หรือ จะมีผีวะ”
กรจึงบอกว่า “คงไม่หรอก ถ้ามีผีคงไม่อยู่แต่ในห้องหรอก กูมาตั้งหลายรอบไม่เห็นเคยเจออะไรเลย”
เมื่อคุยกับเสร็จก็ถึงเวลาอาหารเย็น ทุกคนนั่งกินอาหารกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาที่ห้องโถงกลางบ้าน ทุกคนก็คุยกันเสียงเจียวจาวตามประสาเพื่อนฝูง และฝนก็พูดขึ้นว่า “เฮ้ย พวกเราเหมือนมีเงาคนยืนอยู่หน้าเลยอะ” ทุกต่างเงียบและมองไปที่ประตูหน้าบ้าน และมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ป๊อกๆ ป๊อกๆ ทุกคนยังนั่งเงียบกันอยู่ยัง และก็มีเสียงตะโกนเรียกว่า “เปิดประตูให้ป้าหน่อยจ้า ป้าอ้อยเอง” ทุกคนก็ถอนหายใจ และกรก็พูดว่า “โถ่นึกว่าใครป้าอ้อยนั่นเอง” กรจึงได้เดินไปเปิดประตู พร้อมกับถามป้าอ้อยว่า “อ้าวป้า ทำไมมาซะค่ำเชียว”
Advertisement
Advertisement
ป้าอ้อยตอบว่า “พอดีป้าเห็นมากันหลายคนกลัวผ้าห่มกับหมอนจะไม่พอ ก็เลยพาหลานเอาผ้าห่มมาให้”
กรจึงให้เพื่อนๆ รีบไปรับผ้าห่มและขอบคุณป้าอ้อย เสร็จแล้วป้ากับหลานก็ขอตัวกลับบ้านไป เมื่อกินข้าวกันเสร็จเตยกับฝนก็ขอตัวขึ้นไปอาบน้ำบนห้องนอนที่ชั้นสอง เตยอาบน้ำก่อน เมื่อเสร็จแล้วฝนก็เข้าไปอาบบ้าง เมื่อฝนอาบน้ำเสร็จก็เห็นเตยนอนหลับอยู่บนเตียงจึงปล่อยให้เตยนอนอยู่อย่างนั้น และฝนก็เดินมาหาเพื่อนๆ ข้างล่าง แต่เมื่อเดินมาถึงฝนก็ต้องถึงกับงง เพราะเห็นเตยกำลังช่วยเพื่อนๆ เก็บถ้วยเก็บจานล้างอยู่ในครัว จึงเดินเข้าไปถามเตยว่า “เตยลงมาตอนไหนอะ เมื่อกี้ฝนยังเห็นเตยนอนอยู่บนเตียงอยู่เลย”
เตยจึงตอบว่า “เตยลงมาตั้งแต่อาบน้ำเสร็จแล้ว”
เมื่อได้ฟังดังนั้นฝนก็นิ่งไปพักหนึ่งและตอบกลับมาว่า “สงสัยเมื่อกี้ฝนจะตาฝาดน่ะ”
เมื่อทำความสะอาดบ้านเสร็จแล้วพวกเขาก็นั่งคุยกันที่ห้องโถงจนดึก ฝนกับเตยก็ขอขึ้นไปนอนก่อน เหลือเพียงสี่หนุ่มที่นั่งเล่นเกมส์กันอยู่ บิ๊กก็ได้พูดขึ้นมาว่า “กูว่าบ้านหลังนี้มีอะไรแปลกๆ ว่ะ”
โต้งก็ถามว่า “แปลกยังไงวะ “
เอกจึงตอบว่า “ก็เรื่องห้องใต้บันไดไงที่ไม่ให้ใครเข้าไปยุ่ง มันต้องมีอะไรแน่ๆ”
กรจึงบอกว่า “ไม่มีอะไรหรอก กูว่าเค้าคงจะเก็บของสำคัญไว้มากว่าจึงไม่อยากให้ใครเข้าไปยุ่ง”
โจก็พูดขึ้นมาว่า “แต่พอยิ่งห้ามมันก็ยิ่งน่าสงสัยนะ”
กรจึงพูดสวนมาทันทีว่า “พวกมึงไม่ต้องสงสัยหรอก เค้าห้ามไว้เราแค่ไม่เข้าไปยุ่งก็พอ”
เมื่อคุยกันจบทุกคนก็พากันเข้านอน โดยโจกับบิ๊ก ขึ้นไปนอนบนห้องชั้นสอง ส่วนกรกับเก่งนอนที่ห้องขั้นล่าง เมื่อทุกคนหลับกันไปได้สักพัก โจตื่นขึ้นมากลางดึก แล้วเห็นบิ๊กไม่นอนอยู่ที่เตียง จึงได้เดินออกมาดูก็ได้ยินเหมือนเสียงคนเดินขึ้นไปทางห้องใต้บันได้ โจจึงเดินตามไปดู เขาเห็นบิ๊กเปิดประตูห้องใต้บันใดและกำลังจะเดินเข้าไป โจ้ตะโกนเรียก แต่บิ๊กก็ทำเหมือนไม่ได้ยิน เดินเข้าห้องไปในที่สุด โจก็รีบตามเข้าไปทันที
เสียงที่โจตะโกนเรียกบิ๊กทำให้เพื่อนๆ คนอื่นตื่น และออกมาจากห้องเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น บิ๊กได้บอกเพื่อนๆ ว่าโจหายไป กรรู้สึกใจคอไม่ดีจึงวิ่งไปดูที่ห้องใต้บันได้ ก็เห็นประตูห้องแง้มอยู่ เมื่อผลักเข้าไปก็เห็นร่างของโจนอนนิ่งอยู่ในห้อง เก่งกับกรก็พากันลากโจมาไว้ที่ห้องโถงชั้นล่าง อยู่ๆ ฝนกับเตยก็ร้องกร๊ดขึ้น และบอกว่าเห็นคนรูปร่างหน้ากลัวมากยื่นอยู่ในห้องใต้บันได บิ๊กจึงรีบวิ่งไปปิดห้องทันที และตามเพื่อนๆ มาข้างล่าง กรพยายามปลุกโจจนโจได้สติ
โจได้เล่าให้ทุกคนฟังว่า “พอตื่นมาไม่เห็นบิ๊กจึงเดินตามไปที่ห้องใต้บันได้ จากนั้นก็ฝันไปว่า มีผู้ชายร่างใหญ่จะมาเอาชีวิต แล้วก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย”
บิ๊กก็บอกว่า “กูไม่ได้ไปไหนเลย กูนอนอยู่ในห้องตลอด พอได้ยินเสียงมึงตะโกนเรียกกูก็ตื่นมาพร้อมกันอื่น”
คืนนั้นทุกคนจึงไม่มีใครกล้าขึ้นไปนอนบนชั้นสอง และได้มานอนรวมกันอยู่ในห้องชั้นล่าง จากวันนั้นกรจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้คนในครอบครัวฟัง ครอบครัวของกรจึงตัดสินใจทุบบ้านหลังนั้นทิ้งเพื่อไม่ให้ครอบในครอบครัวไปพักและโดนรบกวนอีก
ความคิดเห็น






