อยากจีบติด อย่าทำแบบนี้!!

เคยไหม? คุยกับใครก็ไม่ได้คบ ทำไมเราจีบเขาไม่ติดสักที หรือคุยแค่วันสองวันก็โดนบล็อคซะแล้ว ทั้งที่คิดว่าตัวเองก็ทำถูกแล้วนี่นา เราพยายามคิดและพูดสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดออกมา แต่ทำไมผลกับไม่เป็นตามคาดเลยนะ สิ่งนี้หมายความว่ามันยังมีข้อผิดพลาดอยู่ค่ะ เพราะหากคุณทำถูกต้องแล้วมันจะไม่มีผลลัพธ์เหล่านี้เกิดขึ้นเลย

บางคนอาจจะมองว่าทำไมต้องปรับตัวเพื่อคนอื่นด้วย เป็นตัวของตัวเองก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรอ นั่นก็ถูกค่ะ การเป็นตัวของตัวเองเป็นสิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้ว เพียงแต่คุณสามารถเป็นตัวเองในแบบที่ดีขึ้นได้ คุณยังสามารถพัฒนาได้มากกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ แล้วการจะรู้ได้ว่าอะไรควรเปลี่ยนอะไรไม่ควรเปลี่ยนนั้น เริ่มมาจากการที่คุณต้องถามตัวเองก่อนค่ะ คุณคิดว่าคุณพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ไหม แล้วอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกแย่ นั่นแหละคือสิ่งที่ควรเปลี่ยน

2. คุณกำลังทำเหมือนของร้องอีกฝ่ายอยู่

การมีมารยาทเป็นสิ่งที่ดี บางคนอาจมีนิสัยอ่อนโยน เกรงใจอีกฝ่าย มันเป็นสิ่งที่ดีหากอยู่ในสังคมค่ะ แต่ไม่ใช่กับการจีบใครสักคน อย่างเช่นการบอกว่า ขอจีบได้มั้ยคะ? ผมกำลังรบกวนเวลาของคุณอยู่หรือเปล่าครับ? สะดวกคุยด้วยกันมั้ย? เพราะสิ่งนี้มันเป็นการทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเขาอยู่เหนือกว่าคุณ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็มีอิทธิพลกับคุณเสมอ และมันสื่อถึงความคิดว่าคุณกำลังมองตัวเองต่ำกว่าอีกฝ่าย คุณจะดูเป็นคน loser หรือพวกอ่อนหัด ซึ่งนั่นจะเป็นการลดคะแนนความประทับใจลงอย่างมาก

คุณลองคิดดูสิว่า หากเขาคิดว่าตัวเองกำลังถือไพ่เหนือกว่าตั้งแต่การคุยครั้งแรก ในอนาคตมันจะแย่ลงขนาดไหน หรือหากคุณเป็นฝ่ายเลือก มีคนหนึ่งที่อยู่ในระดับเดียวหรือเหนือกว่าคุณมาจีบ กับอีกคนที่ห่างชั้นกับคุณมาก มีแต่ข้อเสียเต็มไปหมด เป็นคุณจะเลือกคนไหน?

ดังนั้นคุณควรเข้าหาด้วยความมั่นใจ(แต่ไม่สุดโต่ง) ลองคิดดูว่าเขาจะได้อะไรจากการคุยกับคุณบ้าง เขาจะรู้สึกอย่างไรที่ได้คุยกับคุณ หรือแทนที่จะถามว่าสะดวกคุยกันไหม ลองเปลี่ยนมาเป็นการถามอ้อม ๆ หรือสังเกตสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้การคุยดูเป็นสิ่งที่ถูกที่ถูกเวลามากขึ้น และสิ่งสำคัญคือห้ามพูดเรื่องที่ทำให้คุณดูแย่ อย่าโทษตัวเอง และอย่าบอกว่าคุณไม่คู่ควร มั่นใจเข้าไว้แล้วเขาจะคล้อยตามคุณเอง

3. คุณบอกรักเร็วเกินไป

บางครั้งคุณอาจต้องการบอกความรู้สึกกับอีกฝ่าย หรือพูดอะไรบางอย่างเพื่อให้เขารู้สึกประทับใจ แต่หากเพิ่งเริ่มคุยกันได้ไม่กี่วันแล้วบอกรัก มันคือสิ่งที่ไม่ถูกต้องและอาจทำให้อีกฝ่ายมองคุณไม่ดีได้ มันก็จริงอยู่ที่คนเราสามารถชอบใครได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ คุณอาจประทับใจอีกฝ่ายมาก ๆ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามันคือความรัก และการที่คนเราจะรักกันได้ต้องผ่านการรู้จัก การทำความเข้าใจกับอีกฝ่ายที่มากพอจนแน่ใจก่อน เพราะถ้าหากไม่ นั่นก็ไม่ใช่ความรักแล้ว

แทนการบอกรักที่ไม่มีที่มาที่ไปอย่างสุดโต่ง คุณสามาถบอกได้ว่าคุณรู้สึกประทับใจในตัวอีกฝ่ายอย่างไร อะไรทำให้คุณอยากรู้จักเขามากขึ้น หรือการได้คุยกับเขานั้นทำให้เกิดผลอย่างไรกับคุณ เพราะก่อนที่จะใช้คำว่ารักได้คุณต้องให้เวลาทั้งกับคุณและเขาก่อน ลองพูดคุย ทำความรู้จัก ศึกษากันไปสักระยะหนึ่ง จากนั้นจึงถามกับตัวเองว่าสิ่งที่คุณรู้สึกมันคืออะไร คุณไม่จำเป็นต้องรีบรักใคร แค่ซื่อสัตย์กับตนเองก็พอ ต่อมาก็ค่อยสังเกตพฤติกรรมอีกฝ่าย ดูว่าเขารู้สึกแบบเดียวกับคุณหรือไม่ เมื่อมั่นใจแล้วค่อยบอกความรู้สึกออกไปในเวลาที่เหมาะสม

4. คุณพูดในเรื่องที่ไม่ควรพูด

หลายครั้งที่บทสนทนาต้องจบลงเพราะใครบางคนเผลอพูดสิ่งที่กระทบจิตใจออกมา หรือบางความสัมพันธ์ต้องจบลงเพราะความเห็นบางอย่างที่ไม่ตรงกัน ในช่วงที่รู้จักกันแรก ๆ คุณไม่ควรพูดถึงเรื่องที่ละเอียดอ่อนอย่างการเมือง ศาสนา สถาบันต่าง ๆ หรือพูดถึงบุคคลอันเป็นที่เคารพของอีกฝ่ายในเชิงลบ รวมไปถึงมุกตลกที่มีการเสียดสีซึ่งคุณมองว่าเป็นเรื่องปกติเมื่อพูดกับกลุ่มเพื่อนของคุณ แต่บางมุกคนนอกก็ไม่เข้าใจและอาจนำไปสู่ความขัดแย้งได้ และจะให้มานั่งอธิบายมุกที่เล่นมันก็หมดความน่าตื่นเต้นไปแล้ว รวมไปถึงเรื่องที่สังคมกำลังรณรงค์อยู่ เช่นการ body shaming หรือก็คือการพูดถึงรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย หากไม่รู้ว่าควรพูดยังไงให้เหมาะสม ก็เปลี่ยนหัวข้อคุยไปเลยก็ได้

ลองมองหาหัวข้อใหม่ ๆ สิ่งน่าสนใจหลายๆอย่างรอบตัวคุณ บนโลกนี้มีหัวข้อมากมายให้หยิบมาใช้ การแชร์ประสบการณ์ดี ๆ การเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวคุณเองหรืออะไรก็ตามในเชิงสร้างสรรค์ หรือทางที่ดีคือการคุยเพื่อเรียนรู้กันและกัน แบบนี้จะสร้างผลดีกับทั้งสองฝ่ายมากกว่า บางครั้งอาจสร้างพลังบวกจากการสนทนากันก็เป็นได้

5. คุณไม่รู้ตัวว่าถูกปฏิเสธ

คุณรู้สึกหรือเปล่าว่าการคุยกันแต่ละครั้งมีแค่คุณที่ชวนคุยฝ่ายเดียว หรือสิ่งที่เรียกว่า "แชทหนักขวา" คุณถามคำเขาตอบคำ ถ้าคุณไม่เริ่มก่อนก็จะไม่ได้คุยกันเลย หรืออีกกรณีคือคุณเข้าหาอีกฝ่ายมากเกินไปจนเขารำคาญ หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเขาอาจบล็อคหรือหลบหน้าคุณ จนถึงขั้นตัดขาดกันได้ อาจดูเหมือนเป็นไปได้ยากที่คนเราจะเสียมารยาทใส่กันแบบนี้ แต่ลองมองไปรอบ ๆ ดูสิว่า กี่คนแล้วที่โดนบล็อค กี่คนแล้วที่ถูกเท คุณเองอาจเคยเจอสิ่งเหล่านี้มาแล้วก็ได้

จะดีกว่าไหมหากคุณเข้าหาอย่างพอดี หรือเมื่อเริ่มรู้สึกว่าเขาไม่สนใจคุณ เขาพยายามหลีกเลี่ยงคุณอยู่ เมื่อนั้นคุณควรถอยห่างออกมา อย่างน้อยมันยังสามารถกลับมาคุยกันอีกได้ในภายหลัง หรือยังสามารถรู้จักกันในความสัมพันธ์รูปแบบอื่นได้ หากเมื่อไหร่ที่คุณคิดว่าคุณพร้อมและเขาเองยังไม่ปิดโอกาส ค่อยกลับมาจีบอีกครั้งก็ยังไม่สาย

การที่เขาบล็อคหรือปิดโอกาสอย่างชัดเจน มันเป็นเรื่องยากที่จะสานสัมพันธ์กันอีกครั้ง แต่หากคุณถอยออกมา อย่างน้อยหากอยู่ในระดับที่เป็นคนรู้จักหรือเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณเลย ยังสามารถกลับมาสานสัมพันธ์ได้ง่ายกว่า และเมื่อถึงตอนนั้นมันอาจเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมและลงตัวที่สุดสำหรับคุณทั้งคู่เลยก็ได้

---

เครดิตภาพ

ภาพที่ 1 : ภาพถ่ายโดย Monstera จาก Pexels

ภาพที่ 2 : ภาพถ่ายโดย Andrew Neel จาก Pexels

ภาพที่ 3 : ภาพถ่ายโดย Pixabay จาก Pexels

ภาพที่ 4 : ภาพถ่ายโดย Liza Summer จาก Pexels

ภาพที่ 5 : ภาพถ่ายโดย Vera Arsic จาก Pexels

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !