อื่นๆ
“อยู่เพื่อบุคคลที่รัก...และรักเรา” แม้ชีวิตจะต้องสูญเสียหลายสิ่งในชีวิต แต่ชีวิตก็ยังหลงเหลือบางสิ่งบางอย่างเสมอ

สถานการณ์ปัจจุบันที่ทุกคนประสบพบเจอ ทั้งการสูญเสียบุคคลที่รัก การว่างงานฉับพลัน การย้ายที่อยู่อาศัยหรือต้องปิดกิจการร้านค้า ร้านอาหาร และธุรกิจซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา(โควิด-19) หรือปัญหาอื่น ๆ ที่พบเจอ ทุกคนล้วนเป็นทุกข์ บางคนเครียดจนคิดที่จะฆ่าตัวตาย แต่บางคนสู้แม้รู้ว่าเหนื่อยและปัญหาไม่ได้หมดไป แต่สิ่งหนึ่งที่ปรากฏ คือ ปัญหาเหล่านั้นเบาลง เพราะทุกปัญหามีทางออกเสมอ อาจจะใช้เวลามากแต่ก็สร้างทางเลือกให้กับทุกคน ดังนั้นดิฉันจึงขอเป็นกำลังใจเล็ก ๆ ให้กับทุกคนที่ต้องเผชิญกับทุกปัญหา ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ด้วยการสะท้อนผ่านบทความนี้ที่ชื่อว่า
“อยู่เพื่อบุคคลที่รัก...และรักเรา”
กว่าจะเกิดมาเป็นหนึ่งชีวิตนั้น เราต้องต่อสู้กับอีกหลายพันล้านชีวิตเพียงใด ทั้งการแข่งขัน แย่งชิง ดิ้นรนเพื่อเกิดมามีชีวิตที่สมบูรณ์ ที่พร้อมพัฒนาตนเองให้ก้าวหน้า และยังเป็นบุคคลคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในทุกด้าน ทั้งหน้าที่การงาน การดำเนินชีวิต และการเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี แต่แล้วทุกการกระทำ ทุกการได้มาซึ่งสิ่งต่าง ๆ ย่อมยากลำบาก และต้องแลกหรือสูญเสียบางสิ่งบางอย่างเสมอ การสูญเสียเหล่านั้นจึงมาบั่นทอนจิตใจที่เคยกล้าแข็ง ให้ลดน้อยลงจนไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวที่เคยมีอยู่ เพราะฉะนั้นแล้วสิ่งที่ตอบคำถามของการ “อยู่เพื่ออะไร”แม้ไม่เหลืออะไร ของดิฉันได้ดีที่สุดคือ การอยู่เพื่อบุคคลที่รักและรักเรา
Advertisement
Advertisement
บุคคลที่รักในที่นี่คือ คุณแม่และคุณยายของดิฉันเอง ท่านเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิต และเป็นกำลังให้ดิฉันเสมอ เมื่อดิฉันท้อแท้ในการทำงาน หรือการพบเจอกับความยากลำบากที่ผ่านเข้ามาในชีวิต บทเรียนแสนแพงที่ท่านกระทำให้ดิฉันเห็น และเข้าใจมาโดยตลอดตั้งแต่เด็กจนโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่นั้น คือความอดทนและการกระทำต่อเนื่อง ไม่ว่าจะทุกข์หรือจะสุขชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป ไม่มีทางที่จะหยุดนิ่งได้ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจอยู่ ซึ่งท่านก็กระทำเช่นนั้นอยู่ตลอดเวลา ครั้งหนึ่งที่คุณแม่ท่านได้รับบาดเจ็บมาจากที่ทำงาน ทำให้เท้าของท่านบวม สีหน้าและแววตาของท่านเวลานั้นเจ็บปวดทรมานมาก แต่ท่านกลับตอบกับดิฉันว่าไม่เป็นไรแค่นี้สบายมาก พอวันรุ่งขึ้นท่านก็ไปทำงานเหมือนเดิม
อีกเหตุการณ์หนึ่งที่ติดตรึงในความทรงจำ ฝังในหัวใจของดิฉันตลอดมา คือ เมื่อดิฉันยังวัยเยาว์คุณแม่ท่านทำอาชีพรับจ้างตัดอ้อยให้กับเพื่อนคุณแม่ ทุก ๆ วันที่ตัดอ้อยกลับมาเนื้อตัวของคุณแม่จะดำตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า เป็นเพราะก่อนที่จะมีการเก็บเกี่ยวอ้อยทุกครั้ง ชาวไร่อ้อยจะทำการเผาใบอ้อยก่อน เพื่อความสะดวกในการตัด ซึ่งสมัย 19 ปีที่แล้ว คุณแม่ท่านทำอาชีพนี้อยู่นั้นเงินที่ได้เพียงวันละ 150 บาทเท่านั้น ทำงานตั้งแต่ตี 5 ไปจนถึง 6 โมงเย็น แต่คุณแม่ท่านก็สู้ ถึงมือจะแตก หน้าจะดำ ก็ยังทำงานนี้อยู่หลายปี ดิฉันไม่เคยได้ยินเสียงความเหนื่อยล้าจากท่านเลย ท่านไม่เคยหยุดทำและไม่เคยต้องการสิ่งอื่นใด นอกเสียจากการทำงานแล้วได้เงินเพื่อที่จะมาใช้จ่ายในครอบครัว เพื่อให้ทุกคนมีข้าวกิน
Advertisement
Advertisement
คุณแม่ท่านเหมือนกับคุณยายไม่มีผิด เพราะคุณยายของดิฉันแม้จะมีอายุมากถึง 80 ปีแล้วนั้น ท่านก็ยังทำงานอยู่ตลอดเพราะท่านชอบบอกว่าท่านหยุดทำงานไม่ได้ หากหยุดทำเมื่อไหร่ท่านนอนไม่หลับ และจะไม่มีความสุขพร้อมทั้งไม่สบายตัวด้วย คุณยายของดิฉันจึงปีนต้นดอกแคที่รั้วหน้าบ้าน เพื่อที่จะเก็บดอกแคให้กับเพื่อนที่อยู่กันคนละหมู่บ้าน เพียงเพราะคิดถึงเพื่อนเก่าจึงมีของเล็กน้อยติดไม้ติดมือไปให้ก็มีความสุขแล้ว แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น คุณยายลื่นตกต้นแค เลือดไหล บาดเจ็บบริเวณต้นขา มือ และลำตัว
ครอบครัวของดิฉันสูญเสียคุณพ่อตั้งแต่ดิฉันอยู่ในท้องคุณแม่ แต่ถึงกระนั้นตั้งแต่เด็กจนโตดิฉันมีความสุขมาก ที่ได้เกิดมาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของคุณแม่ แม้ว่าดิฉันจะไม่เคยพบหน้าคุณพ่อเลย แต่ดิฉันกลับรู้สึกว่าทุกการกระทำ ทุกการเลี้ยงดูและทุกการพร่ำสอนของทั้งสองท่าน ทำให้ดิฉันไม่รู้สึกว่าขาด หรือต้องการสิ่งใดมากไปกว่านี้แล้ว
Advertisement
Advertisement
เมื่อวันเวลาผันผ่านไปดิฉันในวัย 22 ปี ก็ได้สูญเสียทั้งคุณยายและคุณแม่ ในตอนนั้นดิฉันเสียใจมากแต่กลับไม่มีน้ำตาแม้เพียงหยดเดียว เพราะดิฉันมีอารมณ์ที่หลากหลายทั้งความเหงา ความเศร้า ความว้าเหว่ ความเดียวดายพร้อมกับหัวใจที่ห่อเหี่ยว ในใจคิดแต่ว่าทุกอย่างได้สูญสิ้นไปหมดแล้ว แต่เมื่อวันเวลาค่อย ๆ ผ่านไปดิฉันกลับตั้งสติได้ และคิดได้ว่าชีวิตแสนจะสั้นนัก แต่การมีใช้ชีวิตอยู่และได้กระทำสิ่งต่าง ๆ ให้ดีที่สุดตลอดการมีชีวิตอยู่เป็นความล้ำค่าที่สุดแล้ว เพราะชีวิตนี้กว่าจะเติบโตแข็งแรงได้ คุณแม่และคุณยายต้องเหน็ดเหนื่อยมากมายสักแค่ไหน การตอบแทนพระคุณแม่สิ่งที่ง่ายที่สุด คือ การมีใช้ชีวิตอยู่เพื่อคนที่รัก ผ่านความทรงจำที่ดีและยังเป็นแรงผลักดันให้ก้าวต่อไปอย่างแรงกล้า
ดังนั้นแล้วบุคคลที่รักและกาลเวลา สองสิ่งนี้สำคัญกับตัวเราเสมอ เพราะช่วยสอนให้เข้าใจชีวิต สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างราบรื่น และยังเป็นสิ่งที่เตือนใจเวลาที่เราท้อแท้ในชีวิต หากเราหันกลับมามองสิ่งดี ๆ ในอดีตเพื่อที่จะได้ผลักดันอนาคตให้สดใส และมีความสุขในทุกช่วงเวลา ชีวิตเป็นสิ่งที่ล้ำค่าและมีความหมายกับอีกหลายชีวิต คิดก่อนทำจะนำพาความสุขที่แท้จริงมาให้ทุกชีวิต ขอบคุณค่ะ
ภาพปก dave73y / Pixabay.com
ภาพที่ 1 Free-Photos / Pixabay.com
ภาพที่ 2 박유정 Alex 郑 谦 / pixabay.com
ภาพที่ 3 ckaye / pixabay.com
ภาพที่ 4 Free-Photos / Pixabay.com
ภาพที่ 5 Sasin Tipchai / Pixabay.com
เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
ความคิดเห็น






