ไลฟ์แฮ็ก
อย่ากลัวที่จะลาออกจากมหาลัย ถ้าเส้นทางนั้นมันไม่ใช่ตัวคุณ

การศึกษาถือเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการพัฒนาทักษะในการนำไปประกอบอาชีพและการพัฒนาตัวเองในอนาคต การศึกษาและการสอบเข้ามหาลัยชั้นนำของไทยนั้นล้วนแต่มีการแข่งขันสูง เด็กหลายคนต้องเรียนพิเศษและอ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อที่จะเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศให้ได้ แต่มีเด็กหลายคนที่ยึดติดกับชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยหรือพ่อแม่คาดหวังให้เข้ามหาลัยนี้เท่านั้น ทำให้แต่ละปีมีเด็กหลายคนที่ต้องเข้าไปเรียนในคณะที่ไม่ใช่ตัวเอง ตัวเองไม่ได้ชอบคณะนี้ และเข้าไปเรียนเพราะชื่อเสียงของมหาลัย เราจึงอยากจะให้เด็ก ๆ ทุกคนลองตั้งคำถามกับตัวเองว่า ที่เรียนอยู่ในตอนนี้มีความสุขไหม? อยากเรียนจริง ๆ หรือเปล่า? และมีคำถามอีกมากมายที่เด็ก ๆ ควรลองถามตัวเองก่อน หาตัวตนตัวเองให้เจอและทำสิ่งที่เราชอบมันจะดีกว่าไหม?
Advertisement
Advertisement
เมื่อเรียนไปถึงจุดหนึ่งแล้ว.......อยากลาออกจากมหาวิทยาลัยทำยังไงดี ?
มีบุคคลตัวอย่างที่เรียนไม่จบมหาวิทยาลัย แต่พวกเขาประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานเพราะพวกเขากล้าที่จะออกมาเพื่อทำตามฝันของตัวเอง
- คนแรกไม่มีใครไม่รู้จักเขาคนนี้ คนที่คิดค้นมือถือที่คนใช้ทั่วโลก นั่นก็คือ สตีฟ จ็อบส์
สตีฟ จ็อบส์ คือคนที่มีส่วนสำคัญในการปฏิวัติด้านเทคโนโลยีให้ก้าวกระโดด เขาตัดสินใจลาออกมหาวิทยาลัย Reed College หลังจากเขาเริ่มเรียนได้เพียงแค่ครึ่งปีเท่านั้น โดยในวันที่ 12 มิถุนายน 2005 สตีฟ จ็อบส์ได้ไปกล่าวสุนทรพจน์ในวันรับปริญญาของมหาวิทยาลัยแสตมฟอร์ด โดยเขาได้กล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจลาออกว่าเขานั้นไม่อยากให้พ่อแม่ของเขาเสียเงินเก็บของพวกท่านไปกับค่าเรียนของเขา แต่การลาออกครั้งนี้ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิตเขาแต่มันเป็นการเริ่มต้นในการก้าวเดินมาสู่จุดสูงสุดต่างหาก
Advertisement
Advertisement
- คนที่สองนักร้องที่มีสไตล์การแต่งตัวที่ล้ำอยู่ตลอดเวลา นั่นก็คือ เลดี้ กาก้า
เลดี้ กาก้าเธอมีพรสวรรค์ทางด้านดนตรีมาตั้งแต่เด็ก เธอเริ่มต้นเรียนเปียโนตอนอายุ 4 ปี เธอสามารถเขียนโน๊ตเพลงได้ตอนอายุ 13 ปีและแต่งเพลงได้ตอนอายุ 17 ปี เมื่อทุกคนเห็น Timeline ชีวิตเธอแล้วก็คงจะรู้อย่างแน่นอนว่าเธอจะสามารถประสบความสำเร็จทางด้านไหน เลดี้ กาก้าได้ลาออกจาก New York University's Tisch School of the Art เนื่องด้วยเหตุผลว่าเธอต้องทำเพลงและทุ่มเทเวลาให้กับการทำเพลงของเธออย่างเต็มที่
- คนที่สามเขานั้นรวยและฉลาดอย่างมากอาจจะเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะเลยก็ได้ นั่นคือ บิล เกตส์
บิล เกตส์เรียกว่าเขาฉายแววอัจฉริยะตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ความอัจฉริยะของเขาทำให้เขาสามารถเข้าเรียนที่ Harvard University แต่ที่ฮาร์วาร์ดบิว เกตส์ไม่ใช่เด็กคนเดียวที่เรียนเก่งแต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้บิว เกตส์แตกต่างจากคนอื่นนั้นก็คือความสามารถในการเขียนโปรแกรมซอฟแวร์ของเขา และในวันหนึ่งโอกาสในการเปิดบริษัทพัฒนาซอฟแวร์ก็ได้ยื่นมาตรงหน้าเขา จึงทำให้เขาตัดสินใจลาออกจากฮาร์วาร์ดเพื่อที่จะไปเปิดบริษัทและประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้
Advertisement
Advertisement
- คนสุดท้ายเจ้าของธุรกิจสาหร่ายที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย นั้นก็คือ คุณต๊อบ อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ หรือแบรนด์สาหร่ายเถ้าแก่น้อย
คุณต็อบถือเป็นไอดอลของสตาร์ทอัพไทย และเป็นแรงขับเคลื่อนให้คนรุ่นใหม่ที่มีความฝันและอยากทำธุรกิจ โดยคุณต๊อบได้ลาออกจากมหาวิทยาลัยหอการค้า คณะบริหารธุรกิจ เขาได้ผ่านเรื่องราวมามากมายตั้งแต่การตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย แต่ด้วยมีเป้าหมายว่าเขาจะต้องปลดหนี้ให้ครอบครัวให้ได้จึงทำให้เขาอดทนต่ออุปสรรคมากมาย และสิ่งที่ทำให้คุณต๊อบประสบความสำเร็จก็คือ "ทัศนคติ" ที่มีต่อสินค้าและการใส่ใจในสินค้าของเขานั่นเอง
ขอขอบคุณภาพ by Nguyen Nguyen from Pexels
หลังจากได้อ่านก็อาจจะทำให้หลายคนอยากลาออกวันนี้พรุ่งนี้เลย แต่หยุดก่อนเด็ก ๆ ถ้าตอนนี้กำลังคิดที่จะลาออกจากมหาวิทยาลัย โดยจะใช้ข้ออ้างที่ว่า "ไม่จำเป็นต้องเรียนก็ได้...คนที่ลาออกจากมหาวิทยาลัยประสบความสำเร็จในชีวิตมีเยอะแยะไป" เรื่องนี้มันก็มีความจริงอยู่ส่วนหนึ่งแต่เดี๋ยวก่อน เราควรวิเคราะห์และจำแนกให้ชัด ๆ ว่าที่พวกเขาตัดใจใจลาออกนี้เขามีเหตุผลอะไร พวกเขาเหล่านี้ไม่ได้ตัดสินใจจากความรู้สึกเพียงอย่างเดียวพวกเขาต่างใช้เหตุผลและคิดไตร่ตรองทุกอย่างมาอย่างดีแล้วจริง ๆ
ปล. การที่บุคคลเหล่านี้ลาออกจากมหาวิทยาลัย...พวกเขาผ่านการคิดมาอย่างดีแล้วไม่ใช่ว่าอยู่ดี ๆ ไม่อยากเรียนเลยลาออก
สิ่งที่พวกเขาเหล่านี้มีและทำให้กล้าตัดสินใจลาออกนั้นมีดังนี้
- พวกเขามีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนว่าจะไปทำอะไรหลังจากลาออก
- พวกเขารู้ดีว่าสิ่งที่เขากำลังเรียนมันเปล่าประโยชน์และตัวเขาไม่ได้นำไปใช้
- บางคนเก่งกว่าอาจารย์ที่สอนจนไม่รู้ว่าจะเรียนไปทำไม
- พวกเขารู้ว่าพวกเขาทำอะไรได้ดีและรู้ศักยภาพของตัวเอง
- กล้าที่จะเสี่ยงกับผลที่ออกมาหลังจากการลาออก
- เป้าหมายในชีวิตพวกเขาชัดเจน
ขอขอบคุณภาพ by Pixabay from Pexels
คนไทยส่วนใหญ่มักสอนลูกหลานให้ตั้งใจเรียน จะได้ประสบความสำเร็จ มีอาชีพและทำงานที่มั่นคง และมีเงินเดือนที่มั่นคง ซึ่งแนวคิดนี้ก็ถูกต้องแต่ถูกต้องเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะการเรียนนั้นเพื่อเพิ่มทักษะความรู้ให้เราสามารถที่จะนำทักษะนี้ไปใช้ในการทำงาน โดยที่เราไม่จำเป็นที่จะต้องเรียนเก่ง เรียนดี หรือสอบแข่งกันเอาเป็นเอาตาย แต่สิ่งที่สำคัญเหนือกว่านั้นคือการเรียนแล้วสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตได้มันจะดีกว่ากันไหม? โดยในปัจจุบันนี้มีเด็กจบใหม่ออกมาทุกปี และมีเด็กจบใหม่ที่ตกงานประมาณ 4 แสนกว่าคนและมีแนวโน้มการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ คงจะถึงเวลาแล้วที่เด็ก ๆ จะต้องตัดสินชีวิตตัวเองว่าจะเดินไปทางไหนมีแนวทางชีวิตแบบไหน และถ้าใครเจอเป้าหมายในชีวิตตัวเองเร็วกว่าคนอื่นนั้นก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงกว่าคนอื่น
สุดท้ายนี้ขอทิ้งท้ายว่าบทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชี้แนะให้เด็ก ๆ ลาออกจากมหาวิทยาลัยเพราะแค่มีความคิดว่าไม่อยากเรียน แต่ให้ออกเพราะหาเส้นทางชีวิตของตัวเองเจอและสิ่งที่กำลังเรียนนั้นไม่ได้สนับสนุนต่อแนวทางนั้น เพราะการฝืนเรียนให้จบเพื่อเอาใบปริญญามันอาจจะทำให้ชีวิตของเด็ก ๆ ไม่มีความสุข และขอฝากและย้ำอีกครั้งว่าแนวความคิดทั้งหมดของบทความนี้เป็นเพียงแนวความคิดอีกความคิดหนี่งและอาจจะมีคนที่คิดตรงข้ามจากนี้ได้
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก - pexels
ช่องทางติดตามบทความอื่น ๆ
https://www.noozup.me/2263778/
https://www.blockdit.com/posts/5de1540c2b674a26cdbbed2a
โดยบทความนักเขียนเป็นผู้เขียนเองทั้งหมดตามช่องทางต่าง ๆ นี้
ความคิดเห็น







ขอขอบคุณภาพ by