อื่นๆ

อ่างเก็บน้ำ...สยอง

344
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
อ่างเก็บน้ำ...สยอง

   เรื่องเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 17 ปีที่แล้ว 
ผมได้นัดกับเพื่อนในกลุ่มที่เรียนปวช.ด้วยกัน ไปเที่ยวบ้านของชัย ที่อยู่จังหวัดระยองไปกันทั้งหมด 5 คน เราไปถึงจังหวัดระยองช่วงเย็น  คืนนั้นเรามีแผนจะกินหมูกระทะและตกปลากันที่อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล พอสักประมาณ 1ทุ่ม พวกเรา 5คนก็ขับรถกระบะกันไปที่อ่างเก็บน้ำ จากทางที่เป็นถนนลูกรังก็เริ่มเป็นทางดิน ลุยกันเข้าไปเรื่อย ๆ ก็จะมีสวนยางอยู่ทางขวามือและอ่างเก็บน้ำอยู่ทางซ้ายมือ พวกเราก็เห็นลานดินซึ่งมีร่องรอยการต่อไม้ไว้วางเบ็ดตกปลา แสดงว่าตรงจุดนี้มีคนมาตกปลากัน เราจึงจอดรถแล้วนั่งกินหมูกระทะกันตรงจุดนั้น 

อ่างเก็บน้ำ

หมูกระทะเครดิตภาพ : ผู้เขียน

   พอสักประมาณ 5ทุ่มเริ่มอิ่มและเริ่มไม่มีอะไรทำ ปลาก็ไม่กินเบ็ดสักครั้งเดียว สมัยนั้นยังไม่มีสมาร์ทโฟนจึงไม่มีโซเชียลมีเดียเล่นกัน เราจึงเริ่มเล่าเรื่องผี  ประมาณเที่ยงคืนกว่า ๆ ก็หมดเรื่องเล่ากัน เพื่อน2คนในกลุ่มเบื่อ ๆ ก็เลยเดินกลับมาที่รถ เพื่อเปิดเพลงฟัง เข้าไปนั่งกันในรถ ผมและเพื่อนอีก 2คนที่เหลือก็นั่งคุยเรื่อยเปื่อยหน้ากองไฟ

Advertisement

Advertisement

     ตอนนี้เราเลิกคิดจะตกปลากันแล้วเพราะไม่มีเสียงปลาฮุบน้ำเลย คืนนั้นเป็นคืนวันเพ็ญ สว่างมาก เราสามารถมองเห็นทุกอย่างในความมืดได้ชัดเจน พอผมหมดเรื่องคุย ผมจึงเดินไปที่รถหาเพื่อนอีกสองคน ผมเดินไปที่ประตูฝั่งผู้โดยสาร ชัยที่นั่งอยู่ในรถจึงเปิดกระจกเพื่อให้ผมได้ยินเพลงด้วย ก็คุยกันไปเรื่อย สักพักผมปวดฉี่ ผมเลยไปฉี่ที่กอหญ้าหันหน้าเข้าสวนยาง แล้วกลับมาเดินที่รถ   ผมสังเกตเห็นถึงความผิดปกติจากเพื่อน 2คนที่อยู่ที่กองไฟ ตอนแรกมันนั่งคนละฝั่งของกองไฟแล้วคุยกันเสียงดัง แต่ตอนนี้มันมานั่งอยู่ข้าง ๆ กันแล้วก้มหน้าเข้าหากันไม่พูดคุยกันแล้ว  ขณะที่ผมมองความผิดปกตินั้นอยู่  ผมรู้สึกเย็นวาบที่ด้านหลัง ผมหันกลับไปมอง ผมเจอผู้ชายตัวล่ำแต่เตี้ยยืนมองมาที่ผม ตาสีขาวไม่มีตาดำ มันเห็นชัดมากเพราะพระจันทร์สว่างมาก หน้าเค้าดุมาก ผมตกใจมากหันกลับมาทุบประตูรถ บอกเพื่อนให้เปิด ๆ ๆ พอเพื่อนเปิดประตูรถ ก็ปรับเบาะที่นั่งให้พับลง ผมรีบพุ่งกระโจนเข้าไปที่นั่งด้านหลังแล้วตั้งสติ เพื่อนสองคนมันรู้ได้ทันทีว่าผมต้องเจอผี เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเจอ 

Advertisement

Advertisement

      เพื่อนผมถามผมทันทีว่า "กลับมั๊ย" ผมตอบทันทีว่า "กลับ" แล้วเพื่อนทั้งสองคนก็เปิดประตูรถเพื่อลงไปตามเพื่อนอีก 2คนที่นั่งอยู่ที่กองไฟ ผมไม่อยากอยู่ในรถคนเดียว เลยรีบตามพวกมันไป พอไปถึงเพื่อน 2คนที่กองไฟ ภาพที่เราเห็นคือ มันสองคนนั่งกุมมือกันก้มหน้าและร้องไห้ ร้องไห้ไปสวดมนต์ไป เรารีบปลอบให้มันได้สติ มันก็เล่าให้ฟังว่า ตอนที่ผมและเพื่อนอีก 2คนเดินไปที่รถ มัน 2คนมองเห็นผู้หญิงยืนอยู่หน้ารถ แล้วผู้ชายยืนอยู่บนกระบะ มันกลัวมาก มันเลยมานั่งด้วยกันและสวดมนต์    พอเรา 3คนได้ยินว่ามีผีอยู่ที่รถ พวกเราเลยตัดสินใจไม่ไปที่รถ นั่งกันที่กองไฟนี้แหละ แล้วคอยเติมฟืนให้ไฟไม่ดับ ล้อมวงสวดมนต์กัน ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบตี 2แล้ว พวกเราได้ยินเสียงเดินย่ำเท้ากับพื้นหญ้าไปทั่วบริเวณ  และเสียงย่ำเท้าก็มาหยุดอยู่ที่เพื่อนที่อยู่ตรงข้ามผม ผมเงยหน้ามอง ผมเห็นผู้หญิงผมยาวยืนก้มหน้ามองหัวเพื่อนผม ทำให้ผมของผู้หญิงคนนั้นคลุมลงมาที่หัวเพื่อนผม เพื่อนผมร้องไห้โวยวายว่า  "กูทนไม่ไหวแล้ว" แต่เพื่อนที่นั่งข้าง ๆพยายามจับไว้ไม่ให้วิ่ง เพราะกลัวว่าจะเตลิดตกน้ำ หรือหายเข้าสวนยางไป ผู้หญิงคนนั้นหายไปทางหลังเพื่อน แต่กลับมีเสียงหัวเราะดังมาจากขวามือผม พวกเราหันไปมองพร้อมกัน ภาพที่เห็นคือ ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในน้ำโผล่ขึ้นมาแต่หัว  ผมสยายลอยอยู่เหนือน้ำ พวกเราร้องพร้อมกัน แต่บีบแขนกันแน่นไม่ให้ใครสักคนลุกขึ้นวิ่ง 
     เพื่อนที่ชื่อชัย ตั้งสติได้หยิบมือถือโทรไปที่บ้านเพื่อให้พ่อมารับ แต่โทรไม่ติด ก็เลยโทรหาเจ๊ที่อยู่กรุงเทพเพื่อให้เจ๊ช่วยโทรติดต่อทางบ้านพ่อให้อีกทาง ปกติชัยเป็นคนที่สุภาพกับเจ๊มาก เพราะเกรงใจเจ๊ที่อาศัยบ้านเจ๊อยู่ที่กรุงเทพเพื่อเรียนหนังสือ แต่คืนนั้นเจ๊คงบ่นว่าโทรมาทำไมตี 2กว่า ชัยลืมตัวตะคอกใส่เจ๊เลยว่า "อย่าถามมาก! โทรติดต่อพ่อให้มารับที"
      ตลอดเวลาที่เรารอความช่วยเหลือจากพ่อของชัย เราก็ยังได้ยินเสียงเดินย่ำพื้นหญ้าที่เปียกน้ำค้าง มันกดดันมาก ประมาณตี 4 เราได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์เก่า ๆ ของพ่อชัยแว่วมา พอพ่อของชัยขับมาถึงระยะ 100เมตรก่อนจะถึงที่พวกเราอยู่ เสียงย่ำเท้าที่ดังทั้งคืนก็หายไป มีเสียงแมลงกลางคืน เสียงปลาฮุบน้ำ ก็ดังลั่นไปทั่วบริเวณเข้ามาแทน ทั้ง ๆ ที่ตลอดทั้งคืนมันเงียบสงัดมาก ๆ พอพ่อชัยจอดรถ พวกเราวิ่งไปหาพ่อชัย โวยวายว่าผีหลอก ๆ บางคนร้องไห้ฟูมฟาย เพื่อนที่เป็นเจ้าของรถกระบะกลัวจนขับรถกลับไม่ไหว เราจึงช่วยกันยกรถมอเตอร์ไซค์พ่อขึ้นกระบะแล้วให้พ่อขับพาพวกเรากลับบ้าน กลับไปถึงบ้านก็เล่าให้พ่อฟัง    พ่อพาไปอาบน้ำมนต์เช้าวันนั้นหลวงพ่อท่านเล่าให้ฟังว่า อ่างเก็บน้ำนี้จะมีคนตายทุกปี ปีละหลายคู่ เหมือนตัวตายตัวแทน และจุดที่เราเห็นว่าเป็นลานตกปลา เค้าเอาไว้ตกปลาจริง แต่เค้าตกกันตอนกลางวัน ไม่มีใครกล้าตกกันตอนกลางคืนตรงนั้นหรอก!!!

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์