ไลฟ์แฮ็ก

อ่านอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ

9.0k
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
อ่านอย่างไรให้มีประสิทธิภาพ

          การอ่านป็นทักษะพื้นฐานที่มีบทบาทสำคัญต่อการศึกษาเล่าเรียนในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา ทำให้ทราบถึงข้อมูลต่างๆ ซึ่งข้อมูลที่ได้สามารถนำมาใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการประกอบอาชีพ การเลือกอาชีพที่ตนถนัด และพัฒนาอาชีพของตนให้เจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น คงดีไม่น้อยหากเราสามารถอ่านได้อย่างเข้าใจและมีประสิทธิภาพ ครั้งนี้ผู้เขียนจึงขอแนะนำเทคนิคการอ่านให้มีประสิทธิภาพ และเข้าใจได้อย่างรวดเร็วมาฝากกันค่ะ

การอ่านเป็นทักษะเบื้องต้นที่ควรฝึกฝนเพื่อพัฒนาไปสู่ทักษะอื่น ๆ

  เทคนิคการอ่านเร็วและได้ใจความ


การอ่านเร็ว คือ การรวบรวมวิธีต่าง ๆ ที่จะทำให้อ่านได้เร็วขึ้นโดยที่ยังสามารถเข้าใจและจับใจความสำคัญของเนื้อหาที่อ่านได้ โดยใช้ทั้งสมาธิในการอ่าน ความไวของสายตา รวมถึงความสามารถในการตีความไปพร้อม ๆ กัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจ การฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พัฒนาการในการอ่านเร็วขึ้น และให้ได้ใจความตามที่ต้องการ โดยมีเทคนิคง่าย ๆ ดังนี้

Advertisement

Advertisement

 ห้ามอ่านออกเสียง เพราะการอ่านออกเสียงนั้นทำให้เราอ่านเป็นคำด้วยความเร็วของการออกเสียงนั่นเอง ในขณะที่การอ่านในใจจะมีความเร็วในการอ่านของสายตาซึ่งเร็วถึง 300-500 คำต่อนาที แต่ถ้าอ่านจออกเสียงจะอ่านได้ไม่เกิน 150 คำ/นาที

การใช้ตาสัมพันธ์กับมือ โดยการใช้ปลายนิ้วชี้ลงไปยังบรรทัดที่กำลังจะอ่าน จะช่วยให้สายตานั้นจับจ้องไปถูกจุดมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้การอ่านไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง สายตาไม่เบี่ยงเบนไปมา หรือย้อนไปอ่านบริเวณตรงอื่น จึงเป็นการรักษาสมาธิในการอ่านไว้ได้อย่างต่อเนื่อง

ให้ทุกส่วนทำงานร่วมกันขณะอ่าน

อ่านไปข้างหน้าหรืออ่านเป็นช่วง ๆ ปัญหาของผู้อ่านส่วนใหญ่คือเรื่องสมาธิไม่แน่วแน่ ส่งผลให้การอ่านมีความล่าช้าและเกิดการเบื่อหน่ายในการอ่านหนังสือ วิธีการแก้คือ การอ่านไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว เป็นช่วง ๆ และตรงจุดใดที่สำคัญหรือไม่แน่ใจ ก็อาจใช้ดินสอขีดเส้นใต้กำกับไว้ก่อน เพื่อกลับมาทบทวนทีหลัง

Advertisement

Advertisement

 อ่านทีละสองบรรทัด  วิธีนี้จะทำให้การอ่านเร็วขึ้นมาก โดยการวางนิ้วลงตรงบริเวณใต้คำแรกของบรรทัดที่สอง เริ่มอ่านจากซ้ายไปขวาโดยบังคับสายตาเลื่อนไปตามนิ้วมือ จนจบบรรทัด แล้วอ่านบรรทัดต่อๆไปด้วยวิธีเดิม ในช่วงแรกต้องฝึกฝนหลายๆครั้ง จะทำให้การรับรู้และการจดจำของสมองประสานกันได้อย่างดีเยี่ยม และสามารถลดเวลาอ่านหนังสือลงได้อย่างแน่นอน หากว่าฝึกการอ่านที่ละสองบรรทัดจนมีความชำนาญแล้วก็พัฒนาทักษะในการอ่านทีละย่อหน้า และทีละหน้าต่อไป

การใช้ระบบจำภาพ ซึ่งมีส่วนคล้ายกับ การอ่านด้วยจิตสำนึก โดยเป็นการจดจำภาพหน้าต่าง ๆ ในหนังสือไว้ในสมอง เป็นวิธีที่ช่วยทำให้ลดเวลาในการอ่าน และทำให้สามารถจดจำเนื้อหาที่อ่านได้เป็นอย่างดี

            จากวิธีที่ได้แนะนำนั้น หากได้รับการฝึกฝนและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้มีความเร็วในการอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นถึง  400-600 คำ-นาที และนำมาซึ่งประสิทธิภาพในด้านการอ่านเพิ่มขึ้นอย่างมา

Advertisement

Advertisement

วิธีช่วยจำ

การจดบันทึกจะช่วยทบทวนความจำจากการอ่านได้ดี

        การเขียนสรุปหลังการอ่าน

          การเขียนสรุปความเข้าใจในทันทีจะช่วยให้เกิดประโยชน์ทั้งทำให้เกิดความเข้าใจได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น และยังเป็นข้อมูลสรุปที่สามารถเก็บรวบรวมไว้ เพื่อนำมาใช้อ่านทบทวนภายหลัง ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาจากการอ่านทั้งบท หรืออ่านทั้งเล่มอีกครั้ง

การทำแผนภูมิความคิด

การทำแผนภูมิเป็นการเรียบเรียงความเข้าใจจากเนื้อเรื่องที่อ่าน ซึ่งอาจอยู่ในรูปของแผนภูมิ หรือแผนภาพ สามารถทำได้โดยไม่มีรูปแบบของการนำเสนอ แต่เจาะจงตรงที่สามารถเข้าใจได้ง่าย ในการเขียนแผนภูมิควรใช้คำสั้น ๆ เครื่องหมาย ตัวเลข รูปภาพ หรือสัญลักษณ์ต่าง ๆ มาประกอบกัน เพื่อให้การเขียนแผนภูมินั้นเป็นไปโดยง่าย และรวดเร็ว

ปัญหาของนักอ่าน

การอ่านเป็นเรื่องง่าย แต่จะอ่านให้มีประสิทธิภาพนั้นยาก
          ในการอ่านหนังสือของนักอ่านแต่ละคนนั้น ย่อมต้องมีปัญหาที่แตกต่างกัน  เมื่อทราบปัญหาหรือจุดอ่อนของตัวเองแล้ว ก็ควรหาทางแก้ปัญหาในทันที เพื่อให้การอ่านนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยปัญหาที่เกิดขึ้นในการอ่านส่วนใหญ่ มีดังนี้

1. ไม่อ่าน ปัญหานี้เกิดจากนิสัยส่วนตัวของผู้อ่านเอง อาจต้องเริ่มแก้ไขจากทัศนคติฟื้นฟูจิตใจให้รักการอ่านมากขึ้น

2.  อ่านไม่ออก โดยปัญหานี้พบมากในเด็กไทยปัจจุบัน จึงต้องแก้ไขด้วยการศึกษาเล่าเรียนอย่างจริงจัง อีกทั้งตัวผู้เรียนเองก็ต้องมีความขยันและใฝ่รู้อีกด้วย

3. ไม่มีเวลาอ่าน ปัญหานี้อาจเป็นได้เพียงข้อแก้ตัวของคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเท่านั้น เพราะคนที่ชอบหนังสือจะพยายามใช้เวลาส่วนใหญ่กับการอ่านหนังสือมากกว่าการทำกิจกรรมไร้สาระอื่น ๆ

4. ไม่มีที่อ่าน บางครั้งการอ่านหนังสือในสถานที่สาธารณะอาจมีความวุ่นวายทำให้ขาดสมาธิ จึงควรแก้โดยการหาสถานที่สงบ หรืออ่านในห้องสมุดโรงเรียน ห้องสมุดประชาชน เป็นต้น

5.  อ่านช้า ปัญหานี้อ่านเกิดจากการที่ต้องอ่านหนังสือมากๆ  จึงควรแก้โดยการอ่านหนังสือให้สม่ำเสมอเป็นประจำทุกวันจนเป็นนิสัย

6. อ่านไม่เข้าใจ ผู้อ่านทุกคนต้องเคยพบปัญหานี้เมื่ออ่านเรื่องที่ตนไม่คุ้นเคย ควรแก้ปัญหาโดยการศึกษาเรื่องที่อ่านหรือขอคำปรึกษาจากผู้รู้ เป็นต้น

 การอ่านหนังสือเป็นเรื่องง่ายแต่การอ่านให้เราสามาถรทำความเข้าใจและจดจำสาระต่าง ๆ อย่างครบถ้วนตรงตามที่ผู้เขียนต้องการนั้นเป็นเรื่องยาก ทั้งนี้ต้องอาศัยการฝึกฝนและความพยายาม หากผู้อ่านมีระเบียบและหมั่นอ่านหนังสือและทำตามเคล็ดลับที่บอกไป ย่อมทำให้ประสิทธิภาพในการอ่านของคุณดีขึ้นอย่าแน่นอน

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์