ไลฟ์แฮ็ก

เคล็ดลับดี ๆ ในการพับผ้าจะสร้างความสุขให้เราได้

905
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เคล็ดลับดี ๆ ในการพับผ้าจะสร้างความสุขให้เราได้

เพียงแค่ “พับให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า” ก็ถือว่าพับสำเร็จไป 90 เปอร์เซ็นต์แล้วค่ะ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่มีรูปทรงแบบไหน ก็ขอให้พับโดยยึดหลักนี้นะคะ 

สิ่งที่เรานึกถึงตอนพับผ้าก็คือนักแกะสลักพระพุทธรูปค่ะ เราเคยได้ยินมาว่าพวกเขาจะเริ่มจากพิจารณาท่อนไม้แล้วนึกภาพพระพุทธรูป จากนั้นจึงค่อยเริ่มแกะสลักตามภาพที่นึกไว้ แม้มันจะแตกต่างกับการพับผ้าโดยสิ้นเชิงแต่ก็ใช้หลักการเดียวกันค่ะ นั่นคือ นำเสื้อผ้ามากางออกแล้วพิจารณา จากนั้นก็นึกภาพรูปสี่เหลี่ยมผ้าผ้า แล้วลงมือพับส่วนต่าง ๆ โดยรอบให้กลายเป็นรูปสี่เหลี่ยมที่นึกไว้ 

ภาพจาก freepik.com                                                                                 ขอบคุณภาพจาก freepik.com

หลักพื้นฐานในการพับผ้า 

  1. พับแต่ละด้านเข้าหากึ่งกลางให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า 

  2. พับครึ่ง 

  3. พับทบอีกครั้งให้เหลือครึ่งหนึ่งหรือ 1 ใน 3 ผ้าโพลีอเอสเตอร์ หรือผ้าที่มีเนื้อหนาและพองฟู (เช่น ผ้าฟลีซ ไหมพรม ฯลฯ) ต่างก็มีคุณสมบัติที่ตั้งตรงได้ยากอยู่แล้ว ในกรณีนี้คุณไม่จำเป็นต้องดึงดันจะตั้งให้ได้หรอกค่ะ จัดเก็บโดยการวางราบไปเลยดีกว่าค่ะ 

Advertisement

Advertisement

วิธีพับเสื้อแขนยาว 

เมื่อกำหนดระยะในการพับอย่างคร่าว ๆ ได้แล้ว ก็ให้ทำตามหลักพื้นฐาน โดยพับแต่ด้านเข้าหากึ่งกลาง แล้วพับเก็บแขนเสื้อไม่ให้เกินออกจากสี่เหลี่ยมผืนผ้า 

เคล็ดลับก็คือให้พับแขนเสื้อไปในด้านตรงข้าม จากนั้นก็พับแขนเสื้อลงมาด้านล่าง (โดยให้ขนานไปกับช่วงลำตัว) ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้พับแขนเสื้อหลายทบจนทำให้เสื้อที่พับเสร็จแล้วหนาเกินไปนั่นเองค่ะ 

ความจริงแล้วเมื่อก่อนเราเคยบอกว่า “แขนเสื้อจะพับยังไงก็ได้” แม้กระทั่งเวลาที่สอนจัดบ้านเราเองก็เคยบอกแบบนั้น เพราะที่ผ่านมาเราเข้าใจว่าวิธีพับของเราเป็นวิธีที่ใช้กันทั่วไป จึงไม่เคยคิดว่าจำเป็นต้องสอนวิธีพับแขนเสื้ออย่างละเอียด 

ตอนนั้นเราเองเพิ่งจะตระหนักว่าปกติแล้วคนทั่วไปพับแขนเสื้อไปด้านข้างแล้วพับทบอีก 2-3 ครั้ง 

แต่ถ้าเสื้อผ้าตัวไหนล้มเสียรูปทรงก็ต้องนำมาปรับแก้กันใหม่ เช่น สี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ได้อาจสูงเกินไป ในขั้นตอนที่ 2 เว้นส่วนชายไว้น้อยเกินไป ในขั้นตอนที่ 3 พับบมากเกินไปจนทำให้เสื้อผ้าที่พับไว้หนาเกิน หรือเสื้อผ้าบางตัวอาจข้ามขั้นตอนที่ 2 แล้วพับทบให้เหลือ 1 ใน 3 ได้เลย ในระหว่างที่ลองพับหลาย ๆ แบบ คุณจะเจอวิธีพับที่เหมาะสมกับเสื้อผ้าชิ้นนั้นในที่สุด เราเรียกสิ่งนี้ว่า “จุดกลมกล่อมของการพับผ้า” ค่ะ 

Advertisement

Advertisement

ภาพจาก freepik.com                                                                                 ขอบคุณภาพจาก freepik.com

ที่เรากล่าวไปข้างต้นเป็นหลักพื้นฐานในการพับผ้าแต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่บ้างเหมือนกัน อย่างเช่นเสื้อผ้าบางตัวก็สามารถพับครึ่งเป็นขั้นตอนที่ 1 ได้เลย 

ที่จริงสาเหตุที่เราต้องพับเสื้อผ้าให้ออกมาเป็นสี่เหลี่ยมผ้าผ้าโดยพับแต่ละด้านเข้าหากึ่งกลาง ก็เพื่อไม่ให้เกิดรอยยับที่บริเวณกลางลำตัวค่ะ เพราะหากมีรอยยับที่บริเวณนี้เราจะมองเห็นได้ชัดเจน 

พูดอีกอย่างได้ว่า ถ้าเป็นเสื้อที่คุณไม่ใส่ใจกับรอยยับตรงกลางลำตัว คุณจะพับครึ่งเลยก็ได้ เสื้อผ้าที่ถึงมีรอยยับก็มองเห็นไม่ชัดอย่างเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าชักร่อง ผ้าที่มีรอยยับอยู่ในตัว เสื้อคลุมไหมพรมแบบผ่าหน้า และชุดกีฬาคุณสามารถนำเสื้อผ้าเหล่านี้มาพับครึ่งได้เลยค่ะ 

แต่ก็มีเสื้อผ้าบางชิ้นที่เราพับอย่างถูกวิธีแล้วแต่ก็ไม่สามารถตั้งมันได้ อย่างเสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าลื่นและบาง เช่น 

Advertisement

Advertisement

สาเหตุที่ต้องพับครึ่งก็เพื่อปรับให้ได้สี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ไม่สูงจนเกินไป โดยปกติจะพับจากด้านที่บอกบางหรืออ่อนนุ่ม อย่างเสื้อผ้าชิ้นบนก็ให้จับบริเวณคอเสื้อพับลงมือหรือถ้าเป็นกางเกงก็ให้จับตรงขากางเกงแล้วพับขึ้นไป แต่อย่าพับให้ซ้อนกันพอดีนะคะ ในขั้นตอนนี้คุณควรพับให้เหลือส่วนชายไว้เล็กน้อย 

หลักการพื้นฐานนี้ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้พับผ้าออกมาได้เรียบร้อย ดังนั้น พับครึ่งจากด้านที่บอบบางหรืออ่อนนุ่ม เว้นส่วนชายไว้เล็กน้อยเวลาพับครึ่ง และพับทบเพื่อปรับระดับความยาวให้พอดีดูค่ะ โดยทั่วไปแล้วคุณควรพับทบให้เหลือครั้งหนึ่งหรือ 1 ใน 3 แต่ถ้าเป็นชุดที่ยาวหน่อยก็อาจจะพับสี่หรือห้าทบก็ได้ค่ะ 

จริง ๆ แล้วเทคนิคในการพับมีอยู่ด้วยกันลายข้อ แต่ท้ายที่สุดแล้วแค่เสื้อผ้าที่เราพับออกมาเป็น “รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าและเรียบตึง” ก็ถือว่าใช้ได้แล้วค่ะ 

ภาพจาก freepik.com                                                                                  ขอบคุณภาพจาก freepik.com

วิธีจัดเก็บเสื้อผ้าก็คือ ให้นำมาจัดเรียงในแนวตั้ง ในขั้นตอนนี้เราขอแนะนำให้ “ทดลอบการตั้งตัวของเสื้อผ้า” โดยการนำเสื้อผ้าที่พับแล้วไปวางบนพื้นในแนวตั้งและไม่ล้มลงมาก็ถือว่าสอบผ่าน เมื่อเรานำเสื้อผ้าชิ้นนั้นไปจัดเรียงไว้ในลิ้นชัก ถึงเราจะเปิดลิ้นชักบ่อย ๆ มันก็จะสามารถตั้งอยู่โดยคงรูปทรงเอาไว้ได้ค่ะ 

ทั้งนี้ตอนที่เราพับขากางเกงสองข้างมาประกบกันแล้ว ถ้าพับส่วนก้นที่เกินออกมาเข้าไปด้วยก็จะทำให้โล่งสบายตาขึ้น อันที่จริงเรารู้วิธีนี้มาจากลูกค้าที่เป็นพนักงานร้านขายเสื้อผ้าค่ะ เราไม่มีกางเกงขายาวเลยสักตัว ดังนั้น พอได้ฟังคำแนะนำของเธอแล้ว ก็รู็สึกเหมือนเห็นทางสว่างขึ้นมาเลยทีเดียวค่ะ 

วิธีพับกระโปรงหรือชุดกระโปรงที่มีชายบาน 

ถ้าเห็นกระโปรงที่บานเหมือนภูเขาไฟฟูจิ คุณก็คงจะรู้สึกว่า “บานขนาดนี้จะพับได้ยังไงกัน” 

แต่ไม่ว่าชายกระโปรงจะบานสักแค่ไหน คุณก็ไม่จำเป็นต้องหวาดหวั่น เพียงแค่ทำใจให้สงบนิ่งแล้วลองคลี่กระโปรงตัวนั้นออกดู คุณก็จะพบว่าไม่ว่าจะเป็นกระโปรงตัวไหน ๆ ก็ล้วนประกอบไปด้วยรูปสามเหลี่ยม สี่เหลี่ยมและสามเหลี่ยมเข้าหากึ่งกลาง มันก็จะกลายเป็นรูปสี่เหลี่ยมผ้าผืนแล้วล่ะค่ะ 

แต่ถ้าชายกระโปรงบานมากก็ให้พับทบมากขึ้นหน่อยก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย สำหรับกระโปรงที่เนื้อผ้าบางจนทำให้พับยาก ให้พับครึ่งในแนวตั้งก่อนแล้วค่อยพับทบส่วนชายที่บานเข้ามาก็ได้ค่ะ 

ภาพจาก unsplash.com                                                                             ขอบคุณภาพจาก unsplash.com

วิธีพับกางเกงขายาว 

คุณต้องเริ่มต้นจากพับขากางเกงสองข้างประกบกันค่ะ จากนั้นก็พับครึ่ง (เหลือส่วนขอบเอวไว้จะทำให้ตั้งได้ง่าย) ต่อด้วยพับทบให้เหลือประมาณ 1 ใน 3  

นี่เป็นหลักพื้นฐานในการพับค่ะ แต่คุณต้องปรับจำนวนครั้งในการพับทบให้เหมาะสมกับความยาวของกางเกงแต่ละตัวด้วย ถ้าเป็นกางเกงขาสั้น หลังจากพับขากางเกงสองข้างมาประกบกันแล้ว แค่คุณพับครึ่งอีกครั้งก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย 

แต่ในกรณีที่กางเกงขาสั้นเป็นทรงขาบานหรือเนื้อผ้าหนา คุณอาจจะต้องใช้วิธีที่ต่างออกไป โดยเริ่มจากพับแต่ละด้านเข้าหากึ่งกลางก่อน แล้วค่อยพับครึ่งอีกครั้ง 

สำหรับวิธีจัดเก็บกางเกงนั้น คุณสามารถเลือกแขวนหรือพับเก็บได้ตามใจชอบเลยค่ะ แน่นอนว่าถ้าเป็นกางเกงที่ทำจากผ้าเนื้อดีอย่างกางเกงที่ใส่กับสูทหรือกางเกงแบบมีจีบ คุณควรจะแขวนเก็บมากกว่าเพราะมันอาจทำให้ส่วนที่อัดกลีบไว้แตกได้ 

วิธีพับถุงเท้า 

นำถุงเท้าทั้งสองข้างมาวางซ้อนกัน จากนั้นก็ปรับจำนวนการพับตามความยาวของถุงเท้า เมื่อเทียบกับเสื้อผ้าชิ้นอื่น ๆ แล้ว ถุงเท้านับว่าพับง่ายมาก ถ้าอยากสอนให้เด็ก ๆ พับผ้า เราขอแนะนำให้เริ่มจากถุงเท้านี่แหละค่ะ 

วิธีพับถุงน่องเนื้อหนา 

ถ้าถุงน่องของคุณมีเนื้อหนา 60 ดีเนียร์ขึ้นไปละก็ ให้ใช้วิธีพับแล้วจัดเก็บถุงน่องเนื้อบางก็เพราะมันพับยาก แต่ถ้าเป็นถุงน่องเนื้อหนาก็ไม่จำเป็นต้องม้วนค่ะ ตอนที่คุณม้วนถุงน่อง หากคุณรู้สึกว่า “มันหนายังไงชอบกล..” หรือ “มันม้วนลำบากจัง...” ละก็ นั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าถุงน่อง “อยากถูกพับมากกว่า” 

 ขอแค่พับให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าให้ได้ก่อน จากนั้นก็พับไปตามปกติ โดยเริ่มจากพับครึ่ง ต่อด้วยพับหรือม้วนเพื่อปรับความสูงให้เหมาะสม 

ภาพจาก unsplash.com                                                                                ขอบคุณภาพจาก freepik.com

ถ้าคุณลังเลว่าจะแขวนหรือพับเก็บดีละก็ ทางที่ดีที่สุดคือ “แขวนเฉพาะเสื้อผ้าที่น่าจะดีใจเมื่อถูกแขวน” ดังนั้นถ้าเป็นกระโปรงหรือชุดกระโปรงที่มีลักษณะพลิ้วไหวก็ควรจะจัดเก็บด้วยวิธีแขวน แต่คุณก็ควรศึกษาวิธีพับเผื่อไว้สำหรับเวลาที่ราวแขวนไม่พอหรือต้องพกเสื้อผ้าติดตัวไปเที่ยวด้วยนะคะ 

วิธีพับถุงน่อง 

เมื่อประกบขาทั้งสองของถุงน่องเข้าด้วยกันแล้วให้พับจากส่วนปลายขึ้นไปสองทบ แล้วค่อย ๆ ม้วนให้เหมือนข้าวห่อสาหร่าย ตามด้วยจัดเก็บลงลิ้นชักในแนวตั้งทั้งนี้ถุงน่องที่ท้วนเอาไว้อาจจะคลายตัวได้ ดังนั้น เราแนะนำให้จัดเรียงถุงน่องลงในกล่องก่อนแล้วค่อยจัดเก็บในลิ้นชักอีกทีดีกว่าค่ะ 

ส่วนชุดที่มีระบายหรือมีลูกไม้ที่ปลายแขนเสื้อ สิ่งสำคัญ หลังจากพับแต่ละด้านเข้าหากึ่งกลางแล้ว ให้พับครึ่งจากด้านชายเสื้อขึ้นไป (ปกติแล้วจะพับจากส่วนคอลงมา) เมื่อพับเสร็จแล้ว ถ้าไม่มีชิ้นส่วนตกแต่งโผล่ออกมาเป็นส่วนเกินก็ถือว่าใช้ได้ค่ะ 

นอกจากนี้ กระดุมของเสื้อคลุมไหมพรมและปกของเสื้อโปโลก็ถือเป็น “ส่วนที่ควรดูแลรักษามากที่สุด” เช่นกัน คุณจึงควรพับมันเก็บไว้ในด้านใน ไม่ควรให้โผล่ออกมาด้านนอก  

วิธีพับเสื้อสายเดี่ยว 

ส่วนสายของเสื้อสายเดี่ยวไม่ใช่ทั้ง “ชิ้นส่วนเพิ่มเติมและ “ชิ้นส่วนตกแต่ง” แต่ถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งของชุด เพราะหากขาดสายที่ช่วยรั้งบ่าไว้ เราก็คงไม่สามารถสวมใส่เสื้อสายเดี่ยวได้ 

ดังนั้น เมื่อพับแต่ละด้านเข้าหากึ่งกลางแล้ว ให้พับครึ่งโดย “รวมความยาวของสายเสื้อเข้าไปด้วย” จากนั้นก็พับทบตามปกติพร้อมความสูงให้เหมาะสม (ตามปกติควรพับให้เหลือ 1 ใน 3) 

แต่ถ้าเป็นเสื้อสายเดี่ยวที่ทำจากผ้าซักร่อง ส่วนมากจะเป็นชุดที่มีรายละเอียดค่อนข้างมาก จึงพับให้เหลือ 1 ใน 3 ไม่ค่อยได้ ดังนั้น พับให้เหลือครึ่งหนึ่งก็พอค่ะ 

ภาพจาก freepik.com                                                                                 ขอบคุณภาพจาก freepik.com

วิธีพับเสื้อมีฮูดและเสื้อคอเต่า 

เริ่มจากพับตามหลักพื้นฐานโดยพับแต่ละด้านเข้าหากึ่งกลาง จากนั้นค่อยพับส่วนที่เกินออกมาจากเสื้อ เช่น ฮูดหรือคอเต่า ซึ่งเป็น “ส่วนที่ถึงไม่มีก็ยังสวมเสื้อชุดนั้นได้อยู่” เพียงเท่านี้คุณก็จะพบว่ามันมีลักษณะเหมือนเสื้อผ้าปกติทั่วไปขึ้นมาทันที ดังนั้น แค่พับตามขั้นตอนปกติและปรับความสูงให้เหมาะสมกับพื้นที่จัดเก็บก็พอ 

สำหรับเสื้อคอเต่าที่ส่วนคอสูงนิดเดียว ถ้าพับส่วนนี้ด้วยจะทำให้เสื้อที่พับแล้วหนาเกินไป คุณจึงไม่จำเป็นต้องพับส่วนนี้ค่ะ แค่พับตามวิธีปกติก็พอ 

วิธีพับเสื้อผ้าที่มีชิ้นส่วนตกแต่ง 

ชิ้นส่วนตกแต่งมักจะบอบบางค่ะ มันทั้งหลุดง่ายชอบไปเกี่ยวกับเสื้อผ้าตัวอื่น แถมพอจัดวางให้ส่วนนี้อยู่ด้านบน เวลาดึงลิ้นชักเข้าออกมันก็เป็นรอยอีก เรียกได้ว่าเป็นชิ้นส่วนที่เราต้องใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ เวลามองเสื้อผ้าที่มีชิ้นส่วนตกแต่งอยู่เต็มไปหมด เราอยากให้คุณลองคิดดูว่า “เสื้อตัวนี้เราควรจะดูแลรักษาจุดไหนมากที่สุด” จากนั้นก็พยายามพับเก็บส่วนนั้นค่ะ 

อย่างเช่นเสื้อผ้าที่มีชิ้นส่วนตกแต่งอยู่บริเวณกลางลำตัว ก็ให้พับโดยเอาด้านที่ไม่มีอะไรตกแต่งไว้ด้านนอก 

วิธีพับ “เสื้อผ้าที่พับยาก” 

ถ้าคุณเข้าใจหลักพื้นฐานในการพับแล้ว ที่เหลือก็แค่นำไปประยุกต์ใช้ค่ะ 

เสื้อผ้าที่มีรูปทรงซับซ้อนก็เหมือนเสื้อผ้าทั่วไป แต่แค่มีชิ้นส่วนที่เป็น “ของแถม” เพิ่มเข้ามาเท่านั้น พูดง่าย ๆ ว่ามันคือ “ชิ้นส่วนเพิ่มเติม” หรือ “ชิ้นส่วนตกแต่ง” นั่นเอง 

เสื้อผ้าที่มี “ชิ้นส่วนเพิ่มเติม” ก็คือชุดที่มีชิ้นส่วนบางอย่างเพิ่มเติมเข้ามาจากเสื้อผ้าทั่วไป เช่น ฮูดหรือคอเต่า ซึ่งส่วนใหญ่แล้วชิ้นส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามามักจะทำจากวัสดุเดียวกับตัวชุดนั้น ๆ  

ส่วนเสื้อผ้าที่มี “ชิ้นส่วนตกแต่ง” ก็คือชุดที่มีของแถมเป็นชิ้นส่วนเพื่อการประดับตกแต่ง เช่น เลื่อมหรือโบที่บริเวณคอ ส่วนที่จับจีบหรือกระดุมตรงหน้าอก ฯลฯ ชิ้นส่วนแบบนี้มีทั้งแบบที่เป็นวัสดุเดียวกับตัวชุดและที่ไม่ใช่รวมทั้งมักจะมีลักษณะนูนออกมา เวลาหยิบจับชิ้นส่วนดังกล่าวอาจจะเสียดสีกับตัวชุด ทำให้เสื้อเป็นขุยได้ง่าย ดังนั้น เราจึงต้องใส่ใจกับมันพอสมควร 

ยังไงก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแบบใด เราก็ขอเน้นย้ำว่าต้องพับออกมาให้เป็น “สี่เหลี่ยมผืนผ้าที่เรียบตึง” นะคะ 

พับเก็บแบบนี้ไปก่อน แต่หากอยู่นอกฤดูกาลก็คงต้องปรับเปลี่ยนวิธีจัดเก็บกันหน่อยนะคะ 

ครั้งหนึ่งของความหนาคืออากาศ ดังนั้น เวลาที่จัดเก็บเรามารีดอากาศออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้กันดีกว่าค่ะ วิธีการก็คือ ให้นำเสื้อผ้าเนื้อหนายัดลงในถุงผ้าหรือถุงหูรูดพร้อมกับรีดอากาศออกไปด้วย ตัวถุงจะทำจากผ้าอะไรก็ได้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องใส่ในถุงที่มีขนาดเล็กกว่าเสื้อผ้าประมาณครึ่งหนึ่ง ถึงเราจะไม่มีอุปกรณ์ช่วยดูดอากาศแต่วิธีนี้ก็ช่วยให้เสื้อมีขนากเล็กลงไปได้มากเลยล่ะค่ะ 

ภาพจาก unsplash.com                                                                             ขอบคุณภาพจาก unsplash.com

วิธีพับเสื้อผ้ารูปทรงแปลก ๆ  

เสื้อผ้าบางตัวก็เหมือนเยาะเย้ยเราว่า “ถ้าพับได้ก็ลองพับดูสิ” แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ ขอแค่ไม่กลัวเสื้อผ้าเหล่านั้นเสียอย่าง คุณก็จะพับได้อย่างแน่นอน 

ถ้าเป็นเสื้อแขนค้างคาว แค่พับแต่ละด้านเข้าหากึ่งกลางเหมือนเสื้อผ้าทั่วไป คุณก็จะได้รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแล้ว ส่วนเสื้อที่มีชายเสื้อย้วย ก็ให้พับแบบเดียวกันเพียงแต่ตอนพับครึ่งให้พับจากชายเสื้อขึ้นมา สำหรับเสื้อคลุมไหมพรมเราสามารถพับครึ่งในแนวตั้งได้เลยค่ะ 

วิธีพบเสื้อผ้าเนื้อบางเบา 

สำหรับเสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าบางเบาอย่างเสื้อชีฟองหรือเสื้อซับในที่ทำจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ เมือ่พับแล้วมักจะคลายตัวและตั้งไม่อยู่ ดังนั้น เราแนะนำให้เริ่มพับตามขั้นตอนปกติโดยพับแต่ละด้านเข้าหากึ่งกลางแล้วพับครึ่ง จากนั้นจึงค่อยม้วนจากด้านบนค่ะ 

ยังไงก็ตาม ถึงเราจะเปลี่ยนมาใช้วิธีม้วนแทน แต่เสื้อผ้าประเภทนี้ก็มักจะตั้งไม่ได้อยู่ดี ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ควรตำหนิเสื้อผ้าว่า “ทำไมตั้งไม่อยู่ล่ะ” เสื้อผ้าที่เนื้อผ้าบางเบามีจุดเด่นตรงที่สามารถนำไปเก็บตามช่องว่างในอุปกรณ์จัดเก็บตรงไหนก็ได้ ดังนั้น ลองใช้วิธีให้เสื้อผ้าชิ้นอื่นที่วางตั้งได้มาช่วยพยุงเขาไว้ดีกว่าค่ะ 

วิธีพับเสื้อผ้าเนื้อหนา 

เสื้อผ้าเนื้อหาอย่างเสื้อไหมพรมแขนยาวหรือเสื้อฟลีชนั้น แม้ว่าเราจะพยายามพับให้มีขนาดเล็กลง แต่สุดท้ายมันก็จะพองออกอยู่ดีเพราะมีอากาศแทรกอยู่ข้างใน ดังนั้น คุณไม่จำเป็นต้องพับหลายทบก็ได้และถ้าจัดเก็บด้วยการตั้งไม่ได้ก็วางราบไปเลยค่ะ 

ถึงเราจะพับเสื้อเนื้อหนาอย่างถูกวิธี แต่มันก็จะยังหนามากอยู่ดีนะคะ และนี่ก็เป็นเคล็ดลับวิธีการพับผ้าแบบต่าง ๆ จงอย่ากลัวการพับผ้ารูปทรงแปลก ๆ ค่ะ เพราะมันไม่ได้ยากอย่างที่คิดนะคะ..” 


ขอบคุณภาพปกจาก freepik.com

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
gasmap
gasmap
อ่านบทความอื่นจาก gasmap

บอกเล่าผ่านตัวหนังสือ I ทุกความรู้สึก I ทุกความประทับใจ I ทุกแรงบันดาลใจที่จะให้ทำคุณก้าวข้ามผ่านควา

ดูโปรไฟล์

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์