เทคนิคหยุดร้องไห้ กลั้นน้ำตาให้ได้แบบมืออาชีพ

Cover Photo by Aliyah Jamous on Unsplash

ฉันไม่เคยคิดแบบคนอื่นว่าน้ำตาคือสัญลักษณ์ของความอ่อนแอ และไม่ชอบคำพูดประเภทว่ามีแต่คนขี้แพ้เท่านั้นที่จะร้องไห้ต่อหน้าคนอื่น

สำหรับฉันถ้าเจ็บปวดมากนักก็ควรร้องไห้ น้ำตาจะช่วยปรับอารมณ์ของเราให้ดีขึ้นได้ ถ้าสิ่งนี้ไม่มีความหมาย พระเจ้าคงไม่สร้างมันมาให้เรา!

แต่ในโลกของการแข่งขันอันเลือดพล่าน โดยเฉพาะในวงการธุรกิจ ผู้หญิงมีภาระต้องพิชิตใจลูกค้าและผู้บริหาร

ดังนั้นต่อให้อยากร้องไห้โฮออกมาขนาดไหน ก็ต้องยอมรับว่ามันจะทำลายภาพพจน์มืออาชีพอย่างแน่นอน

Image by Malachi Witt from Pixabay

มีสถิติว่าผู้หญิงทำงาน 41% เคยร้องไห้ในระหว่างทำงาน เทียบกับผู้ชายที่ร้องไห้แค่ 9% เท่านั้น

ใครเคยดูเรียลลิตี้The Apprentice:  Martha Stewart คงจำได้ ว่าในตอนสุดท้ายที่ผู้แข่งขันแพ้การแข่งขายดอกไม้นั้น เธอบอกเจ้าแม่มาร์ธา สจ๊วตว่า  “ฉันอยากร้องไห้”

• ตั้งสติเปลี่ยนโฟกัสด่วน

หยุดคิดถึง“สาเหตุ” ให้เร็วที่สุด โดยรีบกระชากความสนใจทั้งหมดของคุณไปสู่ “วิธีแก้ไข” สมมติคุณกำลังถูกเจ้านายด่าต่อหน้าลูกค้าอย่างไร้เหตุผล คุณรู้สึกสะอึกเหมือนถูกแทงเข้าหน้าอก ความเจ็บปวดรวดร้าวรุนแรงเกิดขึ้นเพราะคำพูดของเจ้านาย โฟกัสที่ทำให้คุณอยากร้องไห้พุ่งความรู้สึกไปอยู่ที่“สาเหตุ” นั่นคือไอ้เจ้านายบ้า

ถ้าคุณยังใช้เวลาหมกมุ่นอยู่กับความโกรธเจ้านาย น้ำตาแห่งความเจ็บช้ำคุณจะไหลออกมาแน่  รีบกระชากใจคุณออกมาจากเจ้านายเฮงซวยของคุณให้เร็วที่สุด เปลี่ยนเลนส์ไปไปโฟกัส “วิธีแก้ไข”

เพราะอารมณ์ขุ่นข้องหมองใจคือตัวบ่อนทำลายระบบความคิดเป็นเหตุเป็นผล เมื่อเจ้านายทำเรื่องเลวร้ายหรือพูดสิ่งเลวร้าย คุณต้องขว้างความโมโหจนอยากกระโดดเข้าไปจิกหัวเจ้านายทิ้งไปก่อน สนใจ“ตัวบุคคล” ให้น้อยที่สุด มุ่งนึกถึง“วิธีแก้ไข” ว่าคุณจะทำยังไง พูดอะไร และรับมือยังไงต่อ

Image by Karolina Grabowska from Pixabay

• ขั้นตอนหยุดน้ำตาที่กำลังเอ่อ

1. กระชากความสนใจตัวเอง จากความโกรธและตัวบุคคลที่ทำให้คุณโกรธ เตือนสติบอกตัวเองทันทีว่างานเข้าคุณแล้ว และคุณต้องรับมือกับมันให้ได้อย่างมืออาชีพ
2. ขณะที่น้ำตาเอ่อขึ้นมา กำหมัดให้แน่น เม้มปากไว้ หายใจเข้าออกลึก ๆ เรียกสติมาอยู่ที่ลมหายใจ บอกตัวเองว่า “ทุกอย่างอยู่ในความควบคุมของฉัน ฉันรับมือได้ ฉันไม่ร้องไห้แน่”
3. พุ่งความสนใจไปที่เนื้อหาอย่างเดียว มองข้ามท่าที น้ำเสียง กิริยา ของคู่กรณีไปก่อนทั้งหมด  ขว้าง “อารมณ์” ทิ้งให้หมด สนใจแต่วิธีที่จะพาตัวเองออกจากสถานการณ์นี้ให้ได้ 
4. กลอกตามองไปรอบ ๆ ทางอื่น การเคลื่อนไหวดวงตาอาจพอช่วยสกัดน้ำตาไม่ให้ไหลได้   
5. รีบรับมือกับความรู้สึกจุกจนพูดไม่ออก ซึ่งอาจทำให้สะอื้นออกมาได้  โดยยกน้ำขึ้นดื่ม กลืนน้ำเคลียร์ลำคอให้โล่งพร้อมที่จะพูดต่อไปImage by JerzyGorecki from Pixabay

• ขอตัวออกมาจากตรงนั้น

ในสภาวะที่เอาไม่อยู่จริง ๆ ให้ถอนตัวเองออกมาก่อน สมมติว่าคุณถูกเจ้านายของคุณหักหน้าหรือโยนความผิดอย่างแรงต่อหน้าลูกค้า  น้ำตาคุณกำลังจะร่วงอยู่ในวินาทีนี้ ให้คุณกัดฟันพูดอย่างเรียบ ๆ ทันทีว่า  “ดิฉันยังมั่นใจว่าทุกอย่างแก้ไขได้  แต่ตอนนี้ขอเวลาสักครู่นะคะ แล้วจะกลับมาอธิบายว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ขอโทษด้วยค่ะ”  แล้วลุกออกมาจากวงสนทนาโดยด่วน

อย่าเข้าไปในห้องน้ำ เพราะอาจถูกใครบางคนจับตาแล้วเอาไปนินทาว่าคุณวิ่งเข้าไปร้องไห้ในนั้น เดินออกไปนอกสำนักงานดีที่สุด  เดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะควบคุมอารมณ์ได้

• แล้วถ้าคุณเผลอร้องไห้ไปแล้วล่ะ

ถ้าคุณเผลอปล่อยน้ำตาไหลออกไปสองสามหยด ให้รีบแก้ไขสถานการณ์ด้วยความสงบด่วน ๆ  พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า “ขอโทษด้วยนะคะทุกคน ดิฉันใช้อารมณ์มากไปหน่อย เรากลับมาพูดกันถึงเหตุผลกันต่อดีกว่าค่ะ.....”

ต่อให้น้ำตาซึมออกมาแล้ว ห้ามคิดว่า “ไหน ๆ ก็ไหน ๆ” แล้วปล่อยโฮออกมาเด็ดขาด และจงอย่าระล่ำระลักแก้ตัวว่าคุณร้องไห้เพราะอกหัก หรือมีปัญหาส่วนตัวอะไรพรรค์นั้นด้วย

Photo by Anthony Tran on Unsplash

เก็บขยะไปทิ้งที่บ้าน

อดทนให้วันนี้ผ่านไปโดยปราศจากน้ำตาให้ได้ แต่ทันทีที่กลับถึงบ้าน จงระบายความรู้สึกเจ็บปวดทั้งหมดออกมากับการร้องไห้ให้เต็มที่ น้ำตาคือของขวัญที่พระเจ้าสร้างมาไว้ ให้มนุษย์ชำระล้างความรู้สึกชอกช้ำและอยุติธรรม

ถอดบทบาทหญิงแกร่งผู้ร้องไห้ไม่เป็นไว้ที่สำนักงาน  แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านจงร้องไห้ให้สาแก่ใจ