ไลฟ์แฮ็ก
เปิดตำนาน “ซูเปอร์โฟร์” New Honda CB1300 Super Four บิ๊กไบค์ระดับตำนานตลอดกาลของฮอนด้า

การปรากฏตัวของสองคู่แฝดในตระกูลซูเปอร์โฟร์อย่าง New CB1300 SUPER FOUR และ New CB1300 SUPER BOL D'OR ในงานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2021 ที่ผ่านมา ปลุกกระแสวงการคนรักบิ๊กไบค์ให้กลับมาคึกคัก เป็นแฟลกชิพโมเดลคลาสสิกระดับตำนานของฮอนด้ายุค 90 ที่เข้ามาเปิดตัวในไทยแบบไม่คาดฝัน ด้วยแนวคิด “The Ultimate Legacy” คงความสง่างามแบบดั้งเดิม แต่อัปเกรดสมรรถนะความปลอดภัยล้ำยุค ไปชมกันว่าทำไม Super Four ถึงเป็นที่หมายปองของเหล่าบรรดานักขับชั้นยอดในเมืองไทย
ย้อนกลับไปในปี 1992 ภายใต้โปรเจกต์ BIG-1 ฮอนด้ามอเตอร์ได้ถือกำเนิดรหัส CB จุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีขั้นสูงสุด นำเอาระบบระบายความร้อนด้วยน้ำมาใช้เป็นรุ่นแรกในโมเดล CB1000 SUPER FOUR บวกกับการปรับดีไซน์ให้ดูย้อนยุคสไตล์วินเทจ ไฟกลมสุดคลาสสิก ได้รับเสียงตอบรับจากผู้ใช้งานซูเปอร์ไบค์ทั่วโลก ตอบสนองทุกการใช้งาน ด้วยความโดดเด่นจากการออกแบบภายใต้แนวคิด 3 ประการ ประกอบด้วย
Advertisement
Advertisement
1.ขุมกำลังเครื่องยนต์ 4 จังหวะ DOHC 4 สูบเรียง
สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของสายเลือดตระกูล “ซูเปอร์โฟร์” มีระบบระบายความร้อนด้วยน้ำเท่านั้น ข้อดีคือคงประสิทธิภาพกำลังเครื่องยนต์ไว้ได้ดีกว่า ระบบระบายความร้อนสมบูรณ์เหมาะกับทุกสภาวะอากาศ และระบบ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ขุมกำลัง 1,284 ซีซี นี้ยังให้พลังเครื่องยนต์ที่สูงมาก บิดคันเร่งเพียงเล็กน้อยสามารถแซงรถคันอื่นได้อย่างง่ายดาย ตอบสนองต่อแรงบิดได้อย่างแม่นยำ นุ่มนวลและไหลลื่น ทำให้ความสนุกไม่มีสะดุดในทุกกิจกรรมสายไบค์เกอร์
2. ดีไซน์การออกแบบ Sexy & Wild
ความแตกต่างภายนอกของทั้ง 2 รุ่น ที่เห็นได้ชัดเจนคือไฟหน้าดวงใหญ่กลมโตคลาสสิกในโฉม SUPER FOUR และแบบสปอร์ตโฉบเฉี่ยวในรุ่น SUPER BOLD’OR ที่จะมีในส่วนของฮาร์ฟแฟริ่ง หรือชุดหน้ากากเพิ่มเข้ามา ทั้ง 2 รุ่นดีไซน์โค้งมน ระบบไฟส่องสว่างแบบ LED รอบคัน และเทคโนโลยีใหม่ 3 โหมดขับขี่ทั้งแบบสแตนดาร์ด ให้ความสมดุลสะดวกสบาย , แบบสปอร์ตเพิ่มอัตราเร่ง และโหมดขับขี่ในสภาพฝนตก ควบคุมรถให้อยู่ในสภาพเหมาะสมปลอดภัยเหนือระดับ รวมถึงระบบ Cruise Control ควบคุมความเร็วคงที่เหมาะกับสายทัวร์ริ่งทางไกล สบายทุกการขับขี่
Advertisement
Advertisement
3.แรงเกินใคร สั่งได้ดั่งใจ
ประสิทธิภาพเครื่องยนต์ซูเปอร์โฟร์ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด PGM-FI ทำงานควบคู่กับระบบคันเร่งไฟฟ้า (TBW) พร้อม Assist Slipper Clutch เปลี่ยนเกียร์ในช่วงความเร็วสูงนุ่มนวลไม่มีกระตุก และโครงสร้างรถยนต์ที่กำลังดี น้ำหนัก 267 กิโลกรัม (SUPER FOUR ) และ 273 กิโลกรัม (SUPER BOLD’OR) ตอบโจทย์สำหรับนักบิดอาชีพ และนักบิดหน้าใหม่ที่เริ่มต้นเรียนรู้ สามารถควบคุมรถได้อย่างสมบูรณ์แบบคล่องตัวในระยะเวลาไม่นาน และแน่นอนหากได้ลองแล้วต้องรู้สึกประทับใจ
เพื่อเป็นการตอกย้ำ “ที่สุดของตำนาน บนทุกเส้นทาง” New CB1300 SUPER FOUR และ New CB1300 SUPER BOL D'OR นอกจากความคลาสสิก ยังเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกตามยุคสมัยให้กับผู้ขับขี่ รองรับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัลด้วยช่องชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ USB Type-C Charger และช่องเก็บของอเนกประสงค์ข้างรถทั้งซ้าย และขวาในรุ่น SUPER BOL D'OR ขนาด 1 ลิตร พร้อมหน้าปัดเรือนไมล์ TFT แสดงข้อมูลครบถ้วน พร้อมออปชันแบบจัดเต็ม!
Advertisement
Advertisement
สำหรับผู้สนใจรถจักรยานยนต์ฮอนด้าระดับตำนานในตระกูลซูเปอร์โฟร์สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการ ฮอนด้า บิ๊กวิง ทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ที่
เว็บไซต์ : www.thaihonda.co.th/hondabigbike
เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้าบิ๊กไบค์ : HondaBigBikeTH
อินสตาแกรม : hondabigbike
Youtube : HondaMotorcycleTHA
และโชว์รูมตัวแทนจำหน่ายทุกช่องทางทั่วประเทศครับ
#HondaSuperFour #CB1300 #CB1300SuperFour #CB1300SuperFourBoldor #Honda #HondaBigBike #ExcitesTheWorld #WhatStopsYou #มุ่งไปอย่าให้อะไรมาหยุด #Honda #HondaMotorcycle #รถจักรยานยนต์ฮอนด้า
ภาพประกอบโดย : www.thaihonda.co.th/hondabigbike
เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายบนApp TrueIDโหลดเลย ฟรี !
ความคิดเห็น






