อื่นๆ
เมืองในมิติประวัติศาสตร์ : พนมเปญ

เมืองในมิติประวัติศาสตร์ : พนมเปญ
พนมเปญ (Phnom Penh) เป็นเมืองหลวงของประเทศกัมพูชา ตั้งอยู่บนชายฝั่งของแม่น้ำโขง (Mekong) และแม่น้ำบาสัก (Bassac) ที่ไหลต่อเนื่องมาจากโตนเลสาป (Tonlé Sap) เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การศึกษาและวัฒนธรรมของกัมพูชา มิติประวัติศาสตร์ของพนมเปญผูกร่วมเข้ากับประวัติศาสตร์กัมพูชาสมัยใหม่ แม้จะก้าวทันความทันสมัยของโลก แต่ก็ต้องเผชิญกับเลือดและคราบน้ำตา อย่างไรก็ตามตัวตนของชาวกัมพูชาก็ไม่ทอดทิ้งตำนานความเชื่อดั้งเดิมอันเป็นเอกลักษณ์
ร่องรอยการตั้งถิ่นฐาน
เชื่อกันว่ามนุษย์เข้ามาอาศัยอยู่ในบริเวณพนมเปญตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 5 มีการพบเตาเผาโบราณที่เจิงเอก (Choeung Ek) ห่างไปทางใต้ของพนมเปญราว 17 กิโลเมตร ใช้สำหรับการทำเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งเป็นเตาเผาที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นักโบราณคดีระบุว่า มีชุมชนขนาดใหญ่ล้อมรอบมูลดินขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 740 เมตร สูง 4 เมตร สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 11 นอกจากนี้ยังมีร่องรอยของหมู่บ้านโบราณ ระบบชลประทาน จารึก ศิวลึงค์ และรากฐานอิฐสำหรับวัดโบราณซึ่งสามารถย้อนกลับไปได้ถึงสมัยอาณาจักรฟูนัน (Funan ; ค.ศ. 68 - 627)
Advertisement
Advertisement
ที่มาของชื่อ “พนมเปญ”
ตำนานเกี่ยวกับการก่อตั้งกรุงพนมเปญเริ่มขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 14 บอกเล่าเรื่องราวของผู้หญิงแม่หม้ายชาวพื้นเมืองชื่อ เพ็ญ (Penh) ค้นพบพระพุทธรูปสำริด 4 องค์ และรูปปั้นพระวิษณุภายในต้นไม้ นางเพ็ญจึงสั่งให้ชาวบ้านช่วยกันสร้างวัดเพื่อประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นบนเนินเขา หรือในภาษาเขมรเรียก เนิน/เขา ว่า พนม (Phnom) จึงเป็นที่มาของชื่อ พนมเปญ (Phnom Penh) แปลตรงตัวว่า เขาของนางเพ็ญ ส่วนวัดดังกล่าวมีชื่อว่า วัดพนม หรือวัดพนมโฎนปิญ (Wat Phnom Daun Penh) ซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็นจุดศูนย์กลางของกรุงพนมเปญ
ภาพที่ 1 : วัดพนม หรือวัดพนมโฎนปิญ (Wat Phnom Daun Penh) จุดศูนย์กลางของกรุงพนมเปญ
พนมเปญกลายเป็นเมืองหลวงของกัมพูชาภายหลังจากพระบรมราชา (Ponhea Yat ; เจ้าพระยาญาติ) กษัตริย์ของจักรวรรดิเขมรย้ายเมืองหลวงมาจากอังกอร์ ธม (Angkor Thom) หลังจากถูกองทัพสยามทำลายลงพินาศ
Advertisement
Advertisement
ทอดทิ้ง และกลับมาเป็นเมืองหลวง
พนมเปญอยู่ในทำเลที่ดีเมื่อพิจารณาจากสงครามที่ถูกสยามรุกราน เนื่องจากสามารถควบคุมเส้นทางการค้าทางน้ำได้ง่ายกว่า และห่างไกลจากอยุธยา ทำให้ปลอดภัยและมั่นคงกว่า พนมเปญดำรงฐานะเมืองหลวงของเขมรอยู่ 73 ปี ระหว่างปี ค.ศ. 1432 ถึง 1505 ก่อนจะถูกทอดทิ้งไปกว่า 360 ปี ระหว่างปี ค.ศ. 1505 ถึง 1865 จากปัญหาภายในราชสำนัก กษัตริย์องค์ต่อ ๆ มา ย้ายเมืองหลวงของเขมรไปอยู่ที่ ศรีโสธร, โพธิสัตว์, ละแวก และอุดงมีชัยตามลำดับ พนมเปญก็ลดความสำคัญลง อย่างไรก็ตามในคริสต์ศตวรรษที่ 17 มีหมู่บ้านชาวญี่ปุ่นตั้งรกรากอยู่ที่ชานกรุงพนมเปญ รวมทั้งมีชุมชนชาวโปรตุเกสทำการค้า และกิจกรรมทางศาสนาอยู่ด้วย
จนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระนโรดม (Norodom) ในปี ค.ศ. 1866 พนมเปญกลับมาเป็นเมืองหลวงของเขมรอีกครั้งในฐานะประเทศราชของสยาม มีการก่อสร้างพระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคล (Royal Palace of Cambodia) ในฐานะพระบรมมหาราชวัง ซึ่งสร้างแล้วเสร็จในปี ค.ศ. 1870
Advertisement
Advertisement
ภาพที่ 2 : พระที่นั่งในพระบรมราชวัง
เมืองหลวงของรัฐในอารักขาของฝรั่งเศส
ขณะเดียวกันในช่วงทศวรรษที่ 1870 ฝรั่งเศสได้เข้ามามีอำนาจเหนือพนมเปญและกัมพูชา ในฐานะรัฐในอารักขาของฝรั่งเศส (French protectorate of Cambodia) ฝรั่งเศสยังคงดำรงพนมเปญในฐานะเมืองหลวงของรัฐอาณานิคมนี้ และเข้ามาพัฒนาพนมเปญที่แต่เดิมมีลักษณะเป็นเหมือนหมู่บ้านมากกว่า ให้กลายเป็นเมืองที่แวดล้อมไปด้วยโรงแรม, โรงเรียน, เรือนจำ, ค่ายทหาร, ธนาคาร, โทรเลข, ศาล และหน่วยงานสาธารณสุข ผู้รับเหมาชาวฝรั่งเศสเข้ามาสร้างบ้านคอนกรีตกว่า 300 หลัง สำหรับให้พ่อค้าชาวจีนซื้อและเช่าเพื่ออยู่อาศัย ทั้งหมดนี้นับเป็นการเปลี่ยนโฉมหน้าของพนมเปญเข้าสู่ยุคสมัยใหม่
ภาพที่ 3 : แผนที่การขยายตัวของพนมเปญ ค.ศ. 1890, 1910, 1943 และ 1958
ในทศวรรษที่ 1920 พนมเปญได้รับฉายา “ไข่มุกแห่งเอเชีย” ("Pearl of Asia") นับแต่นั้นพนมเปญเติบโตอย่างรวดเร็วจากการก่อสร้างทางรถไฟไปยังเมืองพระสีหนุ (Sihanoukville) และสนามบินโปเชนตง (Pochentong International Airport) ปัจจุบันคือ ท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ (Phnom Penh International Airport) และทางรถไฟสายพนมเปญ - ปอยเปต (Royal Railway Phnom Penh - Poipet Line) ระยะทางประมาณ 386 กิโลเมตร การเดินทางและสาธารณูปโภคที่ดียิ่งขึ้นทันกับโลกสมัยใหม่ทำให้เมื่อถึงปี 1950 พนมเปญมีประชากรประมาณ 364,000 คน
สงครามเวียดนาม เขมรแดง และเมืองร้าง
ระหว่างสงครามเวียดนาม กัมพูชาเป็นพื้นที่ปฏิบัติการของพวกเวียดกงในการรบกับเวียดนามใต้ ลุกลามเข้ากลายเป็นสงครามกลางเมืองกัมพูชา (Cambodian Civil War) ซึ่งเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1968 ชาวกัมพูชาจากชนบทจำนวนมากหนีภัยสงครามเข้ามาอาศัยในกรุงพนมเปญ เมื่อถึงปี ค.ศ. 1975 มีประชากรประมาณ 2 - 3 ล้านคนอพยพเข้ามาอยู่ในพนมเปญ แต่ทว่าพนมเปญถูกเขมรแดงยึดครองได้ในวันที่ 17 เมษายน ค.ศ. 1975 (Fall of Phnom Penh) สงครามกลางเมืองกัมพูชาสิ้นสุดลง
แต่กลับเป็นจุดเริ่มต้นของหนึ่งในเรื่องที่น่าเศร้ามากที่สุดในโลกสมัยใหม่
ภาพที่ 4 : ภาพถ่ายเหนือกรุงพนมเปญในวันที่ 12 เมษายน ค.ศ. 1975
ภายใต้เขมรแดง ชาวเมืองกัมพูชาถูกบังคับให้ออกจากเมือง ไปสู่พื้นที่ชนบทเพื่อทำงานให้กับคอมมูน พนมเปญแทบจะกลายเป็นเมืองร้าง เหลือประชากรเพียงประมาณ 32,000 คน และนับเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวเขมร (Cambodian genocide) ซึ่งจะกินเวลาไปเกือบ 4 ปี มีชาวกัมพูชาเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก อาจจะถึง 2 ล้านคนด้วยซ้ำ กลียุคของกัมพูชาสิ้นสุดลงเมื่อกองทัพเวียดนามเข้ายึดกรุงพนมเปญได้ในวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1979
(อ่านเรื่องราว การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวเขมร ได้จาก "4 ปี นรกในเขมร" ผู้เขียน ยาสึโกะ นะอิโต, ผู้แปล ผุสดี นาวาวิจิต)
ฟื้นฟู และพัฒนา
หลังการปลดปล่อยพนมเปญ ชาวกัมพูชาเริ่มทยอยกลับมาที่พนมเปญอีกครั้ง จากประชากรนับล้านก่อนการยึดครองของเขมรแดง ในปี ค.ศ. 1980 มีประชากรในพนมเปญเพียง 189,000 คน แทบทุกอย่างในกัมพูชาเหมือนจะต้องกลับมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง พนมเปญทำหน้าที่เป็นจุดศูนย์กลางในการรวบรวมทรัพยากรสำหรับการเริ่มต้นยุคการฟื้นฟูประเทศกัมพูชา เมื่อสถานการณ์ในกัมพูชาดีขึ้น พนมเปญก็พอจะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ เช่น ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และญี่ปุ่นให้เข้ามาลงทุนในพนมเปญได้ มีการกู้เงินจากธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย และธนาคารโลกเพื่อมาปรับปรุงถนน สาธารณูปโภคต่าง ๆ รวมทั้งจัดหาแหล่งน้ำที่สะอาดให้กับชาวเมือง เมื่อถึงปี ค.ศ. 1998 พนมเปญมีประชากร 862,000 คน
ภาพที่ 5 : ภาพถนนในกรุงพนมเปญ ค.ศ. 1999
ในปัจจุบันพนมเปญเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของกัมพูชา มีอัตราการเติบโตมากกว่า 10% หลายปีติดต่อกัน เกิดโรงแรม ร้านอาหาร โรงเรียน และตึกระฟ้าขึ้นในพนมเปญ กิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนใหญ่มาจากสิ่งทอ การค้า เศรษฐกิจที่โตอย่างรวดเร็วทำให้ราคาที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่การท่องเที่ยวก็เป็นส่วนสำคัญในการดึงเม็ดเงินมาสู่พนมเปญเช่นกัน ประมาณการว่า 19.2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของกัมพูชามาจากการท่องเที่ยว
ในปี ค.ศ. 2005 รัฐบาลกัมพูชาอนุมัติงบประมาณกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในโครงการพัฒนาพื้นที่เมืองแคมโก (Camko City) ห่างจากศูนย์กลางพนมเปญขึ้นไปทางเหนือ 3 กิโลเมตร ให้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ รองรับอาคารสำนักงาน ตึกระฟ้า ที่อยู่อาศัย โรงเรียนนานาชาติ โรงพยาบาล ฯลฯ
ปัจจุบันพนมเปญมีอาคารที่สูงมากกว่า 100 เมตรอยู่ 54 อาคาร กระจายอยู่ทั่วเมืองโดยไม่ได้มีพื้นที่หนาแน่นเป็นบริเวณเฉพาะ, 47 จาก 54 อาคาร เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จหลังปี ค.ศ. 2018 โดยมี วัตตาแนค แคปปิตอล (Vattanac Capital) เป็นอาคารที่สูงที่สุด ด้วยความสูง 187.3 เมตร อย่างไรก็ตามพนมเปญยังไม่มีระบบขนส่งมวลชนทางราง
ภาพที่ 6 : อาคารวัตตาแนค แคปปิตอล (Vattanac Capital) อาคารที่สูงที่สุดในพนมเปญ
อนาคตของพนมเปญจึงยังคงดูสดใส มีการขยายพื้นที่เพื่อรองรับศักยภาพของตัวเองในอนาคต รวมทั้งการเข้ามาของกลุ่มทุนจากจีนที่ช่วยลงทุนในหลาย ๆ ด้านกับกัมพูชา การเมืองที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ และการร่วมมือกันกับประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค ดูจะเป็นทิศทางที่พนมเปญกำลังก้าวไปได้อย่างสวยงาม
บรรณานุกรม
- อ้างอิง 1 / อ้างอิง 2 / อ้างอิง 3 / อ้างอิง 4 / อ้างอิง 5 / อ้างอิง 6 / อ้างอิง 7
เครดิตภาพปกจาก : histoirephnompenh.blogspot
เครดิตภาพประกอบ
- ภาพที่ 1 : Marcin Konsek
- ภาพที่ 2 : Jean-Pierre Dalbéra
- ภาพที่ 3 : arunatechnology
- ภาพที่ 4 : Department of Defense Phoco
- ภาพที่ 5 : Dermot Sheehan
- ภาพที่ 6 : vattanaccapital
เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
ความคิดเห็น






