ไลฟ์แฮ็ก
เมื่อผมไปเรียนขับรถมอเตอร์ไซค์

เรื่องตลกเรื่องหนึ่งในชีวิตของผมก็คือ ผมขี่รถมอเตอร์ไซค์ ,จักรยานยนต์ หรือ รถเครื่อง ตามแต่จะเรียกชื่อพาหนะ 2 ล้อ ที่มีเครื่องยนต์เป็นตัวขับเคลื่อน มาตั้งแต่สมัยเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เป็นเวลาเกือบ 20 ปีแล้ว แต่ผมไม่เคยมีใบขับขี่
มันเป็นความจริงที่ว่า ถ้าคุณเป็นเด็กต่างจังหวัด และเรียนหนังสือในมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ต่างจังหวัด การคมนาคม ขนส่งสาธารณะยังไม่แพร่หลายครอบคลุม จักรยานยนต์เป็นยานพาหนะที่สะดวกสบายและตอบโจทย์มาก เพราะมันราคาไม่แพง ไม่ต้องออกแรงปั่น และที่สำคัญคือหาที่จอดง่าย
อันที่จริงก่อนที่จะใช้มอเตอร์ไซค์สำหรับเดินทางในมหาวิทยาลัย ผมเคยใช้จักรยานมาก่อน เพราะรู้สึกว่ามันน่าจะเหมาะกับการใช้งานในมหาวิทยาลัยแค่เดินทางจากหอพัก ไปเรียน ทำกิจกรรมใน ม. น่าจะพอเพียง และได้ออกกำลังกายด้วย
แต่เอาเข้าจริง ชีวิตการใช้จักรยานมันไม่ได้สวยหรูขนาดนั้น ปั่นได้ประมาณ 1 เทอม ผมก็รู้ซึ้งถึงชีวิตจริง และหันไปใช้มอเตอร์ไซค์ เหมือนนักศึกษาส่วนใหญ่ เพราะการใช้จักรยานมันมีข้อจำกัดมากกว่าที่คิด
Advertisement
Advertisement
หลักๆคือ มันไม่ได้สะดวกเท่ามอเตอร์ไซค์ เนื่องจากต้องออกแรงปั่น ยิ่งถ้าเส้นทางไปเรียนต้องปั่นขึ้นเนินในวันที่แดดร้อนนี่ ผมต้องเข้าเรียนด้วยสภาพเสื้อเปียกเหงื่อ ยิ่งถ้าวันไหนฝนตกการใส่เสื้อกันฝนปั่นจักรยานลำบากมากๆ
แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ การใช้จักรยานไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่คิด เพราะมันเป็นพาหนะขนาดเล็ก มองเห็นยาก ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ ไม่มีระบบไฟเลี้ยวให้สัญญาณ และความที่ช้ากว่าชาวบ้าน ทำให้ความเร็วในการเคลื่อนตัวไม่สัมพันธ์ก็รถคันอื่นๆ เสี่ยงจะเกิดอันตรายในชั่วโมงเร่งด่วน
ในที่สุดผมก็หันไปใช้จักรยานยนต์เหมือนคนอื่นๆ ส่วนสาเหตุที่ผมไม่เคยมีใบขับขี่รถมอเตอร์ไซค์มาก่อน ทั้งที่ขับมานานแล้วนั่นเป็นเพราะว่า ผมไม่ให้ความสำคัญกับมัน คิดว่าแค่ขับขี่ในมหาวิทยาลัย ไม่มีความจำเป็นต้องใช้
ซึ่งจริงๆแล้ว ผมพบว่านั่นเป็นความคิดที่ผิดตอนที่ผมไปอบรม และสอบใบขับขี่รถยนต์ ทำให้รู้ว่า กฎจราจรที่เป็นเรื่องของความปลอดภัยในการเดินทาง การใช้รถใช้ถนน หากทุกคนเข้าใจตรงกัน จะช่วยลดอุบัติเหตุได้มากมาย
Advertisement
Advertisement
แต่เมื่อผมเรียนจบใช้รถยนต์ในการเดินทาง ความจำเป็นในการมีใบขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ยิ่งน้อยลง
จนกระทั่งวันหนึ่ง ลูกชายผมไปเรียนโรงเรียนอนุบาลในเมือง ในชั่วโมงเร่งด่วน รถมอเตอร์ไซค์ที่เดินทางง่ายๆ เข้าตามตรอกซอกซอยเล็กๆ และหาที่จอดง่ายๆ ตอนเดินไปส่งลูก ทำให้ผมคิดว่าถึงเวลาต้องมีใบขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ได้แล้ว
ผมจึงติดต่อไปที่โรงเรียนสอนขับรถเอกชนในจังหวัด ทำการสมัครหลักสูตรรถจักรยานยนต์ และจองตารางเรียน พร้อมกับชำระเงินให้เรียบร้อย
ซึ่งหลักสูตรนี้ ใช้เวลาเรียนภาคทฤษฎี 5 ชั่วโมง และปฏิบัติอีก 10 ชั่วโมง เรียนจบก็สอบภาคทฤษฎี และ ภาคปฏิบัติที่โรงเรียน เมื่อสอบผ่าน โรงเรียนก็จะออกใบประกาศให้นำไปทำใบขับขี่ที่สำนักงานขนส่งจังหวัด
เมื่อถึงวันเรียน ทฤษฎี ผมก็เข้าไปเรียนทฤษฎี กฎหมายจราจรที่ควรรู้ ป้ายเตือนต่างๆบนถนน สิทธิการใช้ทางต่างๆ วิธีการดูแลรักษารถยนต์เบื้องต้น การตรวจสภาพรถยนต์ก่อนใช้งาน การขับรถให้ปลอดภัย ฯลฯ
Advertisement
Advertisement
ใช้เวลาเรียนและอบรมเต็มที่ 5 ชั่วโมง เนื้อหาไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่สำหรับผมที่สอบใบขับขี่รถยนต์มาแล้ว แต่ก็เป็นการทบทวนที่ดีเหมือนกัน
เมื่ออบรมเสร็จก็เข้าสอบความรู้ภาคทฤษฎีผ่านระบบคอมพิวเตอร์ และโชคดีที่ผมสอบผ่าน จึงได้ไปต่อ ในการเรียนภาคทฤษฎีในวันต่อมา
เมื่อถึงวันเรียนภาคปฏิบัติ ผมต้องไปแต่เช้า เพื่อเก็บชั่วโมงให้ครบ 10 ชั่วโมง มีน้องๆมาเรียนด้วยกัน 4-5 คน ซึ่งทุกคนขับขี่มอเตอร์ไซค์เป็นกันหมดแล้ว หลายๆคนมาเรียน เพราะใกล้จะเปิดเทอม และต้องเอามอเตอร์ไซค์ไปเรียนมหาวิทยาลัย มันทำให้ผมคิดถึงตัวเองตอนเรียนมหาวิทยาลัย และขี่มอเตอร์ไซค์ไปทั่ว โดยไม่มีใบขับขี่ แล้วนึกขำตัวเองว่า รอดอุบัติเหตุ รอดโดนจับมาได้ไง อันที่จริงก็โดนจับใบขับขี่บ้าง ประมาณ 2-3 ครั้ง ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับระยะเวลาเรียนในมหาวิทยาลัยหลายปี
อย่างที่บอกว่าทุกคนขับขี่เป็นหมดแล้ว ครูฝึกจึงเพิ่มเติมในส่วนที่ควรรู้ วิธีการขับขี่ให้ปลอดภัย ทบทวนเรื่องป้าย การดูแลรถเบื้องต้น ฯลฯ โดยไม่ต้องเริ่มต้นใหม่จากพื้นฐาน สอนตั้งแต่ขับขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็นเลย จนสามารถขับเป็นและสอบใบขับขี่ผ่าน
เมื่อสะสมชั่วโมงจนครบ 10 ชั่วโมง ก็ทำการสอบภาคปฏิบัติตามมาตรฐานของกรม เมื่อสอบผ่าน โรงเรียนก็ออกใบประกาศนียบัตรให้เพื่อนำไปยื่นทำใบขับขี่ที่สำนักงานขนส่งจังหวัด
2-3 วันต่อมาผมก็นำเอกสารต่างๆ ไปยื่นทำใบขับขี่ที่สำนักงานขนส่งจังหวัด ชำระค่าธรรมเนียมเรียบร้อย ใช้เวลาไม่นาน ก็ได้ใบขับขี่รถจักรยานยนต์มาครอบครอง สิ้นสุดความเป็นไรเดอร์เถื่อน ที่ขี่มอเตอร์ไซค์แบบไม่มีใบขับขี่มาเกือบ 20 ปี
มันอาจเป็นเรื่องตลก ที่ผมเองยังตลกตัวเองที่ไปสอบใบขับขี่ตอนแก่ แต่ลึกๆ ผมกลับรู้สึกภูมิใจในตัวเอง ที่ไปสอบใบขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ได้สำเร็จ แม้มันจะเป็นเรื่องเล็กๆก็ตาม
และในตอนท้ายของฝากทุกคนที่ใช้รถยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์ก็ตาม หากไม่มีใบขับขี่ ควรไปเรียน อบรม หรือสอบใบขับขี่ให้เรียบร้อยครับ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง การใช้รถใช้ถนนของตัวคุณเอง และคนรอบข้างครับ
เรื่องและภาพ : Gene
เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
ความคิดเห็น






