อื่นๆ

เรื่องสั้น​ "กระจก... เงา"

147
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เรื่องสั้น​ "กระจก... เงา"

ภาพหน้าปก​โดย​ Free-Photos จาก​ Pixabay.com​


อีกไม่นานผมคงต้องกลายไปเป็​นคนบ้าประเภท​โรคจิต​หวาดระแวง​ โดยสาเหตุ​ไม่ได้เกิดจากยาเสพติด​ หรือจิตใจ​ที่อ่อนไหวจนเกินไป​ แต่เกิดจาก​ความกลัวที่กำลังกัดกินชีวิต​ของผมอย่างช้า​ ๆ​ 

หลาย​ ๆ​ คนมีความหวาดกลัว​ที่ไม่เหมือนกัน​ อย่างเช่น​ กลัวความสูง​ กลัวที่แคบ​ ๆ​ กลัวหมู่คนมาก​ หรือไม่กลัว​สัตว์​ต่าง​ ๆ​ อย่างแมลงสาบ​ หรือแมงมุม​ แต่สิ่งที่ผมกลัวหรือหวาดผวากลับเป็น​สิ่งไม่มีชีวต ก็คือกระจก​ โดยเฉพาะ​ กระจกเงา​ คุณคงคิดว่าผมพูดอะไรไร้สาระ​ บ้าบอ​ งั้นผมขอเล่าเรื่อง​ตั้งแต่ต้นจะดีกว่า

       ... เธอชื่อว่า​ "กิ่ง"  ​​​เธอเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างเล็ก​และบอบบาง​ แถมยังขี้แงแสนงอนอ่อนไหว​ง่าย​ มักจะใช้ความรู้สึก​นำหน้าเหตุ​ผลเสมอ​ ชอบแต่งหน้า​แต่งตัว​ ความสวยงามคือสิ่งสำคัญ​อันดับ​ต้น​ ๆ​ ในชีวิต​เธอทุ่มเท​กับมันมาก​ ทั้งเครื่องสำอางราคาแพง​ ยาบำรุงผิว​ รวมไปถึงการยอมเจ็บตัวทำศัลยกรรม​เพื่อความงามที่สมบู​รณ์แบบ

Advertisement

Advertisement

        เธอภูมิใจ​ในความสวยน่ารักของตัวเองมาก​ ตอนที่เราคบหากัน​ ผมสังเกต​เห็นเธอว่าทุกครั้งที่เดินผ่านกระจกเงา​ ไม่ว่าจะเป็​นกระจกในร้านขาย​เสื้อผ้า​ กระจกใสที่พอมองเห็น​เงาได้บ้าง​ เธอต้องหยุดมองดูตัวเองและยิ้มอย่างภาคภูมิใจ​ เธอยอมรับกับผมอีกด้วยว่าเธอชอบดูกระจกมาก​ ตอนอยู่ที่คอนโด​ฯ ตามลำพัง​ เธอมักจะนั่งยิ้มกับตัวเองในกระจกเป็นชั่วโมง​ ผมคิดว่าคงไม่ใช่ผิดปกติ​อะไร​ คนเรามีดีอะไรก็ควรภาคภูมิใจ​ในสิ่งนั้น เพราะผมเองก็หลงรักเธอหัวปักหัวปำก็เพราะความสวยน่ารัก​ของเธอนี่เอง

Advertisement

Advertisement

alt="https://onscene-prod.s3-ap-southeast-1.amazonaws.com/files/styles/body_image_480w/public/inline-images/girl-2343098.jpg?itok=jaCvA5Pd" > ภาพโดย​ Claudio_Scott จาก​ Pixabay.com​


        ผมยังจำวันที่ได้เจอเธอครั้งแรก​ ขณะที่กำลังลองเนกไท​อยู่ในร้าน​ ก็ต้องตกตะลึง​เมื่อผมได้เห็นผู้หญิง​งดงามราวเจ้าหญิง​กำลังยิ้มหวานอยู่ในกระจกเงา​ ตอนแรกผมนึกว่าเธอยิ้มให้  เลยหันไปพูดจาทักทาย​สุดท้ายก็เลยได้รู้จั​กกัน​ 

        ในช่วงแรกความรักของเราไปได้สวย​ เพราะเธอกำลังเรียน​อยู่​ ส่วนผมทำงานในบริษัท​ที่มั่นคงการเงินดีและเงินเดือน​สูง​ ผมจึงสามารถช่วยเหลือ​เธอในด้านการเงิน​ จ่ายค่าเทอมต่าง​ ๆ​ ​ แต่ต้องมาเสียค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย​ในเรื่องความสวยงาม​ ไม่ว่าจะเครื่องสำอาง​ ซื้อเสื้อผ้าและการเสริมสวย​ เธอมีความสุขมากที่มีผมคอยดูแลในส่วนนี้​ให้ด้วยความรัก​และผมเองก็หลงจึงยอมเป็นพ่อบุญทุ่ม​ โดยหวังจะได้เธอมาเป็นคู่ชีวิต​ครองรักกันไปตราบนานเท่านาน

Advertisement

Advertisement

แต่เวลาและสิ่งแวดล้อม​ที่เปลี่ยนไป​ ทำให้ใจคนเปลี่ยน​ตามไปด้วย

​​​​​​...................................... 

        หลังเธอเรียนจบ​ เธอได้เข้าทำงานในบริษัท​แห่งหนึ่งในฝ่ายประชาสัมพันธ์​ ในช่วงนี้เองที่เธอได้เจอกับผู้ชายมากหน้าหลายตา​ ผมแน่ใจว่าคนสวยอย่างเธอย่อมเป็นที่ดึงดูด​ใจของเพศตรงข้าม​ คนที่เข้ามาจีบเธอก็น่าจะมีใครสัก​คน​ที่มีคุณสมบัติ​เพียบพร้อม​กว่าผู้ชายอย่างผม​ 

        เธอเริ่มมีท่าทีเปลี่ยน​ไป​ เริ่มห่างเหิน​หลีกหนีหน้า​ เราสองคนจึงทะเลาะและมีปากเสียงกัน​มากขึ้น​ และผมก็จำคืนวันนั้นได้ดี​ หลังจากที่รู้ว่าเธอแอบไปเที่ยวผับกับชายอื่น​ ผม​พยายาม​ติดต่อเธอทั้งคืน​ แต่เธอปิดเครื่อง​หนี​ ผมจึงตัดสินใจมาดักรออยู่ที่คอนโด​ฯ และก็จริงอย่างที่ผมคาดไว้​ เกือบตีสองที่เธอกลับมาโดยมีผู้ชายขับรถมาส่ง​ ผมแอบเดินตามเธอขึ้นไปติด​ ๆ​ เธอทำหน้าไม่ดีเมื่อเห็นผม

        ตอนแรกเธอแก้ตัวว่าเป็น​แค่เพื่อน​ของเพื่อน​ แต่ผมไม่เชื่อและพยายามคาดคั้นเธอ​ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจไม่ยี่หระอะไรมากนัก​ ในขณะที่เธอกำลังนั่งมองกระจกด้วยความภาคภูมิใจ​ในความงามของตัวเอง​ เธอก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายกับผมว่า  

"งั้นเราเลิกกันดีกว่า" 

        ผมเหมือนโดนเหล็กแหลมทิ่มแทงตรงกลางหัวใจ​ ความเจ็บปวด​กลับแปรเปลี่ยน​เป็นความแค้นเมื่อเห็นเธอยังนั่งยิ้มกับกระจกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น​

        ผมยอมรับว่าไม่มีสติหลงเหลือ​อยู่เลยตอนนั้น​ ตอนที่จับหน้าเธอโขกเข้ากับกระจกอย่างแรงหลายต่อหลายครั้งจนเธอแน่นิ่ง​ เลือดไหลโชกเต็ม​หน้าของเธอ​พร้อมกับเศษกระจก​ที่ปักเต็ม​ใบหน้าของเธอด้วย​ ผมแทบช็อกและได้สติกลับคืนมาเมื่อรู้ว่าเธอไม่มีลมหายใจอีกแล้ว​ ผมเริ่มหาทางเอาตัวรอด​ จัดฉากว่าเป็นคนร้ายที่เข้ามาขโมยทรัพย์สิน​และฆ่าเธอเพราะขัดขืน​ หลังจากนั้นผมจึงค่อย​ ๆ​ หลบออกไปจากห้องของเธอ... 

https://onscene-prod.s3-ap-southeast-1.amazonaws.com/files/styles/body_image_480w/public/inline-images/smoke-and-mirrors-4247808.jpg?itok=jsw7JfEa ภาพโดย​ CeeMon จาก​ Pixabay.com​


        ผมถูกตำรวจเรียกตัวไปสอบถาม​ แต่ก็ไม่ได้แสดงพิรุธ​อะไรออกมา​ แต่ถึงแม้ผมจะไม่เจอปัญหา​ในด้านกฎหมาย​ แต่ผมก็เจอกับปัญหา​ที่น่ากลัวกว่านั้น

        หลังเสร็จสิ้นงานศพของเธอ​ ผมพยายามใช้ชีวิตให้เหมือนปกติ​ทุกอย่าง​ ผมตื่นตั้งแต่ตีห้า​ หลังจากถ่ายหนักและเบาเสร็จ​ ก็เดินมาหน้สกระจกเพื่อล้างหน้าและแปรงฟัน​ ผมก็ต้องหวีดร้องออกมาสุดเสียงเมื่อเห็น​บางอย่างสะท้อนอยู่ในกระจก​

         ผู้หญิง​ผมยาว​ ดวงตาแดงก่ำจ้องมองผมด้วยความโกรธ​แค้นมาก​ ใบหน้าซีดเพราะเลือดไหลออกมาจากบาดแผลบนใบหน้ามากมาย​ ผู้หญิง​คนนี้เป็นใครไม่ได้นอกจากิ่ง​ หลังได้สติ​ ผมรีบวิ่งหนีออกมาจากห้องน้ำ​ แต่ต้องขวัญ​ผวา​อีกครั้งเมื่อมองไปที่กระจกบนผนังห้อง​และก็เห็นร่างของเธอ​อีกครั้ง​ ผมพยายามรวบรวมความกล้าหันหลังไปดู​ แต่พบเพียงความว่างเปล่า​ แสดงว่าจะเห็​นเธอได้แค่ในกระจกเท่านั้น​ อาจจะเป็นเพราะเธอผูกพัน​กับกระจกหรือไม่ก็ตายเพราะกระจก

        หลังจากนั้นมาชีวิตผมก็ไม่เหมือน​เดิมอีกแล้ว​ ผมเกือบประสบอุบัติเหตุ​เพราะเหลือบตาดูกระจกหลังแต่ต้องตกใจเมื่อเห็นผีกิ่งจนหักพวงมาลัย​ เมื่อเจอหน้าเละ​ ๆ​ ของเธอ​ และยังมีตอนที่ผมกำลังจีบผู้หญิง​คนหนึ่งแต่ผีกิ่งดันโผล่ออกมาให้เห็นในกระจกผนังร้านอาหารและผู้หญิง​ที่ผมกำลังจีบเธอมองผมเหมือนตัวประหลาด​ เมื่อผมพ่นคำด่าออกมาหลังจากเห็นผีกิ่งโดยไม่รู้ตัว​ ผมเลยกลายเป็นคนกลัวกระจกเงา​ กระจกแทบทุกบานในห้องผมทุบทำลายและโยนทิ้ง​หมด​ ผมกลายเป็นตัวประหลาด​ในสายตาเพื่อน​ ๆ​ และคนอื่น​ เนื่องจากผมไม่ได้โกนหนวดเครา​ หน้าตามอมแมม​ ผมยุ่งเหยิง​ จนถูกเจ้านายเรียกเข้าไปคุยด้วย แฟนสาวเริ่มตีตัวออกห่างจากผมไป ผมไม่สามารถเที่ยวได้สนุกสนาน​เหมือนเมื่อก่อนแล้ว​ เพราะทุกที่เต็ม​ไปด้วยกระจก​ กระจกที่มีเธอคอยตามหลอกหลอน​ผมอยู่ ผมต้องเก็บตัวอยู่ในห้องเพียงลำพัง​ จนกระทั่งความอดทนผมถึงจุดสิ้นสุดแล้ว​ ถ้าผมไม่ทำอะไรสักอย่าง​ อีกไม่นานผมคงต้องตกงานและอยู่อย่างโดดเดี่ยว​ หรือไม่ก็กลายเป็นคนบ้าแน่​ 

        ผมตัดสินใจโทรศัพท์​ไปหา​ "อมร" เพื่อนเก่าสมัยเรียนที่ต่างจังหวัด​ พ่อของเพื่อนคนนี้เป็นทั้งสัปเหร่อ​และหมอผี​ ผมเล่าเรื่องทั้งหมด​ให้เขาฟังโดยไม่ปิดบังแม้แต่นิดเดียว​

"ที่แกเล่ามาเป็นเรื่องจริงเหรอวะ"  อมรถามย้ำ

        "จริงสิ​ ฉันรู้ว่าฉันใช้อารมณ์​มากไปหน่อย​ แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้เธอตาย" 

"เธอคงอาฆาตแกมาก​ จึงไม่ยอมไปผุดไปเกิด" 

        "ใช่​ เธอตายไปแล้ว​ แต่ตอนนี้เธอกำลังทำให้ฉันตายทั้งเป็น" 

        "แล้วแกจะเอายังไง"

         "ทำยังไงก็ได้​ ที่ทำให้เธอออกไปจากชีวิต​ฉันสักที​ ถ้าจำเป็นต้อง​ฆ่าเธออีกครั้งฉันก็จะทำ"  ผมพูดอย่างมีอารมณ์​

         "ได้​ ฉันจะลองปรึกษา​เรื่องนี้กับพ่อดู" อมรพูดให้ความหวังผม​ 

        อีกเกืออาทิตย์​ ผมตื่นเต้น​มาก​ เมื่อได้รับพัสดุ​ที่​พ่อของอมรส่งมาให้  ผมค่อย​ ๆ​ แกผนึกออกอย่างช้า​ ๆ​ และก็ต้องลุกตาวาวเมื่อสิ่งที่อยู่​ตรงหน้าคือ​ มีดปลายแหลมขนาดยาวประมาณ​เก้านิ้ว​ แค่มองด้วยสายตาก็สัมผัส​ถึงความคมกริบของมันได้​ ที่เนื้อเหล็กมีอักขระคล้ายคาถากำกับอยู่​ ด้ามเป็นไม้ลงดำมีร่องจับได้ถนัดมือ​ ในกล่องมีกระดาษ​เขียนไว้อธิบาย​ขั้นตอนการกำจัดผีร้าย​ ผมหยิบขึ้นมาอ่านแม้ว่าจะได้ฟังคำอธิบาย​มาจากพ่อของอมรมาบ้างแล้วอย่างชัดเจน​ ขั้นตอนก็คือหลอกล่อให้ผีกิ่งออกมาปรากฏ​กายในกระจก​ หลังจากนั้นก็จัดการแทงไปในร่างของเธอ​บนกระจกด้วยมีดอาคมเล่มนี้​ เพื่อส่งดวงวิญญาณ​ของเธอลงไปสู่ขุมนรก

        แต่เนื่องจากที่ห้องไม่มีกระจกหลงเหลือ​อยู่​เลยภายในห้อง​ ผมจึงสั่งกระจกจากร้านเฟอร์นิเจอร์​เพื่อซื้อกระจกโต๊ะ​เครื่องแป้งบานใหญ่​ ใกล้เที่ยงคืน​แล้วซึ่งเป็นเวลาที่ผมได้รับคำแนะนำ​จากพ่อของอมรว่าเหมาะสมที่จะปฏิบัติ​การ​ ผมนั่งลงหน้ากระจก​ วางมีดอาคมไว้บนโต้ะ​ และค่อย​ ๆ​ แกะกระดาษที่ห่อกระจกออก​ ผมได้เห็นร่างของเธอปรากฏ​ขึ้นมาบนกระจกทันที​ เธอมองผมด้วยความอาฆาต​ ผมเผลอยิ้มออกมา​และค่อย​ ๆ​ เอื้อมมือไปเพื่อคว้ามีด​ แต่ไม่ทันที่จะทำอะไร​ ร่างของเธอกลับหายวับไป​ เธอคงรู้ตัวแน่​ ๆ​ ผมน่าจะเก็บอาการให้ดีกว่านี้​ รอให้เธอตายใจก่อนแล้วค่อยลงมือ​ ผมถอนหายใจด้วยความผิด​หวัง​ 

https://onscene-prod.s3-ap-southeast-1.amazonaws.com/files/styles/body_image_480w/public/inline-images/mirror-4528087.jpg?itok=zX2Svvmwภาพโดย​ joostrikkerink จาก​ Pixabay.com​


แต่ผมก็ต้องอ้าปากค้าง​ เพราะในขณะที่​ผมกำลังทำสีหน้าเบื่อหน่าย​ เงาของผมในกระจกกลับแสยะยิ้ม​ ตาเบิกกว้าง​ ผมพยายามเปลี่ยน​อิริยาบถ​ แต่เงาในกระจกกลับไม่เปลี่ยนตาม

        ผมพยายามถามตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้น​ ทำไมตัวผมและเงาในกระจกถึงไม่สัมพันธ์​กัน​ และดูเหมือนว่าผมจะได้รับคำตอบ​ เมื่อเห็นร่างของตัวเองในกระจกเผยอปากพูดออกมาด้วยเสียงของผู้หญิ​ง​ ผมจำได้แม่นยำว่าเป็นเสียงของกิ่ง

"ฉันจะฆ่าแก" 

         ตอนนั้นผมรู้แล้วว่าร่างเงาในกระจกของผมถูกนางผีร้ายเข้าสิง

         "ฉันต่างหากที่จะฆ่าแก" 

         ผมตะโกนลั่นด้วยความโกรธ​แค้น​ จึงเอื้อมมือไปหยิบมีดที่อยู่ใกล้มือ​ แต่กลับเป็นเรื่องยากลำบาก​มาก​ มือและแขนของผมเหมือนกำลังถูกอะไรบางอย่างฉุดรั้งเอาไว้​ สมองของผมเริ่มปั่นป่วน​ ความรู้​สึกเริ่มขาด​ ๆ​ หาย​ ๆ​ แต่สุดท้ายมีดก็ถูกหยิบขึ้นมาจากโต๊ะ​ ผมพยายามรวบรวม​สติสัมปชัญญะ​ครั้งสุดท้าย​ และก่อนที่จะหมดความรู้สึก​ ผมได้ยินเสียงกระจกแตก​ ตามมาด้วยเสียงกรีดร้อง​  

​​​​​​.............................

         ผมได้สติขึ้นมาอีกครั้ง​ พบว่าตัวเองกำลังฟุบหน้าอยู่​บนโต๊ะ​ ผมได้แต่หวังว่าทุกอย่างคงจะจบลงแล้ว​ วิญญาณ​ของกิ่งน่าจะออกไปจากชีวิตผมเสียที​ ผมค่อย​ ๆ​ เงยหน้ามองกระจก​เงาและรู้สึกโล่งปลอดโปร่ง​ใจ​ เมื่อไม่เห็นร่างของเธออีกแล้วในกระจก​ มีดของพ่ออมรได้ผลจริง​ ๆ​ 

         แต่เดี๋ยว​ ผมเห็นอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ​ไป​ ไม่​ ไม่​จริง​ เป็นไปไม่ได้​! เงา​ เงาของผม​ ทำไมผมไม่เห็นเงาของตัวเอง​ ใช่​ นอกจากเงาของเธอในกระจก​แล้ว​ ผมยังไม่เห็นเงาของตัวเองอีกด้วย​ งั้นก็หมายความ​ว่า.... 

        เมื่อผมก้มมองดูที่พื้นก็ต้องใจหายวาบเมื่อพบร่างของตัวเองนอนแผ่หลา​ เลือดไหลนองพื้น​ มือยังคงกำมืดที่ปักอยู่ตรงกลางหัวใจไว้แน่น​ ผมเริ่มย้อยนึกถึงเหตุการณ์​ที่เกิดขึ้น​ ผมไม่ได้เป็น​ฝ่ายฆ่าเธอ​ แต่เธอใช้วิธีเข้าสิงเงาของผมในกระจกเพื่อให้มันฆ่าผมซึ่งเป็นเจ้าของเงา​ ผมมองดูร่างหรือศพของตัวเอง​อีกครั้ง​ ตำรวจคงต้องแปลกใจและตั้งข้อสงสัยว่า  ทำไมคนที่ถนัดขวาอย่างผมถึงได้แทงตัวเองด้วยมือซ้าย​ แต่กลับทำให้ผมไม่รู้สึกเสียใจอะไรเลย​ มันเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วผมจะได้ไม่ต้องมานั่งกลัวและผวาอีกต่อไป​ และผมได้เข้าใจทั้งหมดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นความผิดของผมเอง​ ที่ได้กระทำกับเธอในวันนั้น​ เพราะ​ "อารมณ์​โกรธ​แค้นของผม" ที่กลับมาทำร้ายตัวผมเอง​ในตอนนี้​ ผมยอมรับได้ทุกสิ่งเพราะเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมหายจากความกลัวกระจกเงา... 

​​​​​​============================

เล่าเรื่องโดย​ Sara​ Sahara​

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์