อื่นๆ
เรื่องเล่าเก้าแสงเทียน 4 (เรื่องผีเรื่องสุดท้าย)

เรื่องเล่าเก้าแสงเทียน 4 (เรื่องผีเรื่องสุดท้าย)
“เนื้อเรื่องถูกแบ่งเป็น 5 ส่วน 5 เรื่องเล่า สามารถอ่านแยกกันได้ แต่เพื่อความหลอน กรุณาอ่านเรียงลำดับ”
“แล้วสรุปคนที่ชนโดนจับใช่ไหม ?”
“ไม่รู้” ม็อปส่ายหัว ใบหน้าเรียบเฉยแล้วยกเบียร์ขึ้นชนกับผมก่อนดื่มอีกอึก “รู้แค่ว่าขาขวาเดินไม่ได้เหมือนเดิมตลอดชีวิต”
“เวรกรรมมันติดจรวดสินะ...แล้วเรื่องสุดท้ายล่ะ ?” ผมถาม “สามเรื่องสามรส เรื่องสุดท้ายต้องปิดเฟทแล้วนะ”
“ใช่...ปิดจริงๆ ไม่ใช่แค่ปิดเฟทนะ เรียกว่าปิดฝาโลงกันเลยละ”
เขาพาผมย้อนกลับไปในเหตุการณ์นั้นต่อ หลังจากที่ทั้งสามคนเล่าเรื่องราวของตัวเองไปหมดแล้ว
“ทีนี้ก็ตามึงแล้วไอ้ปาล์ม” ก้องพูด “พวกเราเล่าหมดแล้ว แม่งขนลุกอยู่นะแต่ละเรื่อง เอาบุหรี่มาอีกมวนดิ๊”
“จะหมดแล้วนะ พรุ่งนี้ต้องแอบไปซื้อนอกค่ายอีก” เก้าท้วง แต่ก็ยอมส่งให้
Advertisement
Advertisement
“วันนี้ก็ทำได้นี่ ทำไมพรุ่งนี้จะทำไม่ได้” ก้องหัวเราะ “เอ้าไอ้ปาล์ม เล่าสักทีสิวะ”
ปาล์มพนักหน้าแล้วยิ้มร้ายๆ สูบบุหรี่พ่นควันฉุยสบายใจ “เรื่องของกูอะ มันเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เว้ย”
“ไม่นานนี่ไม่นานแค่ไหน ?”
“ตอนกูไปเยี่ยวเมื่อกี้ไง ข้างหลังนี่เอง” ปาล์มหัวเราะอย่างสนุกสนาน แล้วเขาก็เล่าต่อว่า เมื่อครู่ ระหว่างที่เพื่อนๆ ต่างเล่าเรื่องราวของตัวเอง แล้วปาล์มก็ขอตัวไปฉี่ ด้านหลังสิ่งก่อสร้างนี้ เขาก็เห็นว่ามันคือสุสานศาลพระภูมิ ที่เต็มไปด้วยศาลพระภูมิเก่า ตุ๊กตานางกวัก ตายาย กุมารทองเต็มไปหมด เล่าด้วยซ้ำว่ามีทั้งแขนหัก ขาขาด หัวขาด กระจายเต็มไปหมด
ก่อนที่เขาจะรู้ว่าตรงหน้าคืออะไรก็ตอนที่เขาฉี่รดไปแล้ว เพราะสายตาเพิ่งชินกับความมืดหลังจากที่ห่างจากแสงเทียนมา แถมยังถ่มน้ำลายลงไปด้วย
Advertisement
Advertisement
เพื่อนๆ ทุกคนที่เหลือแตกตื่นและตกใจ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ปาล์มจึงบอกว่าถ้าไม่ใช่ก็ไปดูสิ ทั้งสามคนเลยเดินไปข้างหลังเพื่อดูสุสานศาลพระภูมินั้นอย่างกล้าๆ กลัว และเมื่อไปถึง ทุกคนก็ต้องหันมามองตามเป็นตาเดียว เพราะว่าตรงนั้นมันเต็มไปด้วย
ความว่างเปล่า...
ปาล์มหัวเราะท้องคัดท้องแข็งเมื่อเห็นว่าหลอกเพื่อนๆ ได้ จึงทำให้ทุกคนรู้สึกไม่โอเค ที่ต่างคนต่างมีเรื่องเล่ามาผลัดเปลี่ยนกัน แต่ปาล์มทำเป็นคนที่ทำให้งานค่อนข้างกร่อยไปในทันที ทว่าด้วยความที่เพิ่งรู้จักกัน ครั้นจะไปเกรี้ยวโกรธก็คงไม่ใช่ที่ คืนนี้ทั้งหมดจึงคิดว่าควรจบกิจกรรมได้แล้ว เพราะต้องตื่นตอนตีห้า ก้องจึงเดินไปดับเทียนแล้วกลับมารวมกลุ่มเพื่อแอบกลับเข้าที่พัก
“มึงแม่งจริงจังอะ” ปาล์มยังคงสนุกสนานที่ได้เย้าแหย่ทุกคน “กูหยอก กูเห็นแค่หม้อใบเดียวเอียงกระเทเร่ เลยฟรีคิกแม่งไปละ”
Advertisement
Advertisement
“ยังจะมาพูดอีก...”
“เออ ก็บ้านกูไม่เคยมีใครเจอผีนี่หว่า เอาเป็นว่าออกค่ายแล้วถ้ามีโอกาสเจอกันเพื่อนจะไปหาเรื่องผีหลอนๆ จากเดอะช็อค รายการพี่ป๋องมาเล่าให้ฟังนะ” ปาล์มยังคงหัวเราะอย่างสนุกสนาน กระทั่งทุกคนมองเห็นเงาดำทะมึนสองเงายืนดักอยู่ตรงหน้า...ครูผู้คุมที่เดินตรวจตราห้องพักในเวลานั้น และแค่เพียงได้กลิ่นบุหรี่ติดตัวพวกเขาทั้งสี่ ทั้งหมดก็โดนทำโทษทันที
รุ่งเช้า ตีห้าครึ่ง เสียงนกหวีดดังปลุกทุกคนให้ตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น ยกเว้นเพื่อนๆ ของม็อป เพราะเมื่อคืนนั้นโดนวิดพื้นไปคนละยี่สิบยก ทำให้ปวดเนื้อเมื่อตัวไปหมด แต่ก็ต้องฝืนหยัดกายลุกขึ้น ไม่งั้นถ้าช้าไม่ทันออกกำลังกายก็คงโดนอีก
เก้าหันไปปลุกปาล์มที่ยังคงนอนคลุมโปงอยู่
“ไอ้ปาล์ม ไม่รู้เมื่อคืนแม่งเป็นอะไร นอนดิ้นไปมาเหมือนผีเข้า แล้วพอเช้ายังจะมาขี้เซาอีก” พูดจบ เก้าก็กระชากผ้าห่มผืนนั้นขึ้น แล้วทั้งที่พักก็ดังสนั่นไปด้วยเสียงกรีดร้อง
ปาล์มนอนนิ่งขาดใจตายในลักษณะมือเท้าหงิกเกร็งแนบลำตัว ตาเบิกโพลง ปากอ้าปาก และที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือในปากของเขา มีปากคำโตยัดอยู่
เรื่องถึงครู และผู้คุมค่าย ทั้งสามคนถูกเรียกไปสอบสวนอย่างหนักว่าเมื่อคืนไปทำอะไรกันมา ไม่มีทางไหนนอกจากการสารภาพ และคำสารภาพนั่นทำให้ผู้คุมค่ายทุบโต๊ะดังปัง ก่อนจะตะโกนด่าทั้งสามคนอย่างไม่ไว้หน้าครูอาจารย์
“พวกมึงรู้ไหม ว่ามึงทำอะไรลงไป เดี๋ยวก็ฉิบหายกันหมดค่ายหรอก”
ผู้คุมเล่าว่า สิ่งก่อสร้างที่พวกเขาไปสุมหัวกันสูบบุหรี่นั่นคือศาลตาศาลยายที่กำลังสร้างขึ้นใหม่ยังไม่เสร็จดี เนื่องจากศาลไม้เก่าพังผุไปแล้ว ทางค่ายเลยทำขึ้นมาใหม่และอันเชิญหม้อตาหม้อยายไปไว้ที่ด้านหลังว่าที่ศาลหลังใหม่นั้น โดยการจัดวางเอาไว้อย่างดี หากแต่ความนึกสนุกหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของปาล์ม เขาจึงไปเตะเข้าจนหม้อผีตาผียายที่สืบทอดกันมาไม่รู้กี่รุ่นแตกออก ไม่แปลกที่ท่านจะโกรธและสั่งสอนเด็กนอกคอกไม่รู้กาละ เทศะอย่างสาสม
ทั้งสามคนยังคงรู้สึกไม่ดีที่เกิดเรื่องนั้น แม้หมอจะบอกว่าปาล์มเสียชีวิตจากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน แต่ทั้งสามคนก็ไม่ได้รับคำตอบว่าไอ้คำหมากที่อุดปากปาล์มนั้นมันมาจากที่ไหนกันแน่
หลังออกจากค่าย ทั้งสามคนนัดกันไปร่วมงานศพของปาล์มเพื่อเป็นการบอกลาครั้งสุดท้าย ความเสียใจยังคงแทรกซึม ทุกคนเอาแต่โทษตัวเองว่าตอนนั้นหากไม่นึกคึกก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่ในเมื่อวันเกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่อาจจะแก้ไขอะไรได้อีก
เรื่องเล่าเก้าแสงเทียนอะไรนั่นจบลงด้วยเรื่องเล่าจากความตายจริงๆ
หลังจากนั้นเป็นต้นมา ทั้งสามคนก็ไม่ได้เจอกันอีก และม็อปก็สาบานกับตัวเองว่าเขาจะเลิกสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาด ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่ามันช่วยอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่อย่างน้อยที่สุด มันก็ช่วยให้เขาไม่จำเป็นต้องนึกถึงเรื่องราวในค่ำคืนนั้นอีก
ม็อปหันมามองหน้าผมก่อนจะบอกว่า “ดับเทียน”
“แล้ว...ถ้าอยากลืม ทำไมถึงยังเล่าล่ะ ?”
“ไม่รู้สิ...บางทีการเล่าเรื่องนี้เพื่อเตือนใจคนอื่นมันอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้นะ แล้วถ้ามันได้บุญ ก็จะอุทิศให้ไอ้ปาล์มมัน”
ผมพยักหน้า แล้วลุกขึ้นยืน “เบียร์หมดแล้ว”
ความคิดเห็น






