อื่นๆ
เลนส์แบบไหนที่ทำให้ภาพของคุณเป๊ะ!

เป็นที่รู้กันดีว่าองค์ประกอบที่สำคัญมากส่วนหนึ่งของกล้องก็คือ”เลนส์กล้อง” ดังนั้น การผลิตผลงานภาพสวย ๆ ย่อมเกิดจากชิ้นเลนส์คุณภาพดี
ที่มา : freepik
เลนส์ คือ อุปกรณ์ที่ทำจากแก้วหรือพลาสติกชนิดดี มีลักษณะกลมผิวเรียบ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ เลนส์โค้ง และเลนส์เว้า เลนส์จะประกอบอยู่ที่ส่วนหน้าของตัวกล้อง ในการถ่ายภาพหลายลักษณะ จำเป็นต้องเลือกเลนส์เพื่อที่จะใช้ได้อย่างเหมาะสมกับงานที่ต้องการ เลนส์จึงมีหลายแบบ แต่ละแบบจะมีคุณสมบัติเฉพาะตัวเพื่อให้เลือกใช้ หนึ่งในคุณสมบัติที่นักถ่ายภาพมักพบเมื่อดูถึงคุณสมบัติต่างๆ ของเลนส์นอกเหนือไปจากเรื่องการถ่ายทอดสีสัน ความคมชัด และคอนทราสแล้ว ก็คือ การระบุถึงการควบคุมหรือลดความคลาดของเลนส์ไม่ว่าจะจากเอกสารจากผู้ผลิตเลนส์ บทความต่างๆ เกี่ยวกับเลนส์ หรือการทดสอบเลนส์ เพราะความคลาดของเลนส์หรือ Lens Aberration เป็นคำที่ใช้เพื่อแสดงถึงความผิดปกติที่เกิดจากการออกแบบออฟติคัลของเลนส์ซึ่งส่งผลต่อแสงที่ผ่านเลนส์เข้ามา จึงส่งผลลัพธ์ที่ทำลายคุณภาพของภาพด้วยอาการต่างๆ ในภาพไม่ว่าจะเป็นการขาดความคมชัดที่กลางภาพ คอนทราสลดลง ความคมชัดลงที่ขอบภาพ การเหลื่อมของสี หรืออาการอื่นๆ
Advertisement
Advertisement

ที่มา : freepik
โดยทั่วไปแล้วมีความคลาด 4 แบบที่มักพบเห็นได้ในเลนส์คือความคลาดทรงกลม (Spherical Aberration), ความคลาดสี (Chromatic Aberration), ดิสทอร์ชั่น, Comatic Aberration, Astigmatism และ Curvature of Fieldโดยทั่วไปแล้วมีความคลาด 4 แบบที่มักพบเห็นได้ในเลนส์คือความคลาดทรงกลม (Spherical Aberration), ความคลาดสี (Chromatic Aberration), ดิสทอร์ชั่น, Comatic Aberration, Astigmatism และ Curvature of Field
1.Coma Abberation หรือ Coma Aberration ถูกเรียกชื่อตามอาการที่ปรากฏในภาพซึ่งมีรูปทรงเหมือนดาวหาง โดยอาการนี้จะเกิดขึ้นกับจุดของแหล่งแสงในภาพ ดังนั้นจึงอาจพบเห็นได้มากกับภาพถ่ายตอนกลางคืนที่มีแหล่งแสงต่างๆ จำนวนมากในภาพ

2. Astigmatismเกิดขึ้นเมื่อแสงเข้าสู่เลนส์ในระนาบแนวตั้งและแนวนอนแล้วเกิดรูปแบบในลักษณะวงรีแทนที่จะเป็นจุดซึ่งถูกโฟกัสอย่างถูกต้อง ซึ่งทำให้เกิดการเบลอในทิศทางต่างๆ โดยนักถ่ายภาพจะสังเกตเห็นอาการนี้ได้ง่ายกับเส้นแนวตั้งและแนวนอนในภาพโดยเฉพาะที่ขอบภาพ
Advertisement
Advertisement

3 Spherical Aberration หรือ ความคลาดทรงกลม เกิดขึ้นเมื่อลำของแสงที่ขนานกันที่เข้าสู่เลนส์ไม่บรรจบกันหลังจากผ่านเลนส์แล้ว โดยแสงที่ผ่านเข้าจากขอบเลนส์จะถูกโฟกัสตกที่ระยะใกล้กว่าในขณะที่แสงที่ผ่านใกล้กับแนวแกนกลางของออฟติคัลจะโฟกัสตกที่ระยะไกลกว่า ซึ่งด้วยสาเหตุนี้ทำให้ความคลาดทรงกลมส่งผลต่อกำลังแยกขยายและความใสของภาพ ทำให้ยากที่จะได้ภาพที่คมชัดหรือพูดง่ายๆ ก็คือทำให้ภาพที่ออกมาซอฟต์ โดยเฉพาะจะสังเกตได้อย่างชัดเจนเมื่อใช้รูรับแสงกว้าง และเลนส์ที่มีความไวแสงหรือรูรับแสงกว้างมากๆ มักจะมีแนวโน้มที่จะเกิดความคลาดนี้มากขึ้นด้วย นอกเหนือไปจากเลนส์ที่ได้รับการออกแบบทางออฟติคัลไม่ดีหรือใช้วัสดุคุณภาพไม่ดีในการผลิต

4.chromatic aberration หรือ ความคลาดของสี โดยปกติแล้วเมื่อแสงเดินทางผ่านเลนส์ไปตกกระทบบนระนาบของฟิล์มหรือ CCD ก็จะประกอบไปด้วยแม่สีทั้ง 3 คือ แดง เขียว น้ำเงิน
ซึ่งในเลนส์ธรรมดาทั่วไปแม่สีทั้ง 3 แต่ละสีจะมีจุดโฟกัสบนระนาบไม่เท่ากัน สีแดงยาวที่สุด ตามมาด้วยเขียวและฟ้า ทีนี้เมื่อแม่สีทั้งสามมีระยะโฟกัสที่ไม่เท่ากัน เมื่อตกลงบนระนาบของฟิล์มและผสมกันออกมาเป็นสีจึงทำให้ขาดความคมชัด สีสันไม่ถูกต้องตามธรรมชาติตลอดจนความเปรียบต่างไม่ดี ยิ่งเลนส์ทางยาวโฟกัสยิ่งสูงยิ่งมีความคลาดสีสูง
Advertisement
Advertisement

5.Lens Distortion มี 2 รูปแบบคือคือแบบ Barrel (Convex) หรือดิสทอร์ชั่นแบบโค้งออก และ Pincushion (Concave) หรือดิสทอร์ชั่นแบบโค้งเข้า ซึ่งเลนส์ส่วนใหญ่มักมีดิสทอร์ชั่น1 ใน 2 รูปแบบนี้ แต่เลนส์บางตัวอาจมีอาการของดิสทอร์ชั่นทั้ง 2 แบบปรากฏในภาพ หรือเลนส์ที่มีช่วงซูมมากๆ อย่างซูเปอร์ซูมจะสามารถแสดงลักษณะของดิสทอร์ชั่นที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงซูม ในขณะที่เลนส์บางรุ่นอาจได้รับการแก้ไขดิสทอร์ชั่นจนแทบไม่สังเกตเห็น

ความคิดเห็น






