อื่นๆ

เหตุผลของคนที่ชอบหมกมุ่นครุ่นคิด

220
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
เหตุผลของคนที่ชอบหมกมุ่นครุ่นคิด

การหมกมุ่นครุ่นคิดเป็นการยึดติดความสมบูรณ์แบบรูปแบบหนึ่งซึ่งคนหมกมุ่นครุ่นคิดจะมุ่งความสนใจอย่างยิ่งไปที่ปัญหาของพวกเขาและหรือเหตุการณ์ที่เป็นบ่อเกิดของปัญหา รวมไปถึงการวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของตัวเองในอดีต การหมกมุ่นครุ่นคิดเกี่ยวข้องกับการยึดติดความสมบูรณ์แบบ นักจิตวิทยาเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นคุณสมบัติที่ไม่พึงไม่ประสงค์ ซึ่งเป็นการตอบสนองที่อันตรายต่อความท้าทายในชีวิต 

ภาพจาก unsplash.com                                                                              ขอบคุณภาพจาก unsplash.com

คนหมกหมุ่นครุ่นคิดมีความเชื่อ ต่อไปนี้ค่ะ  

  1. การแก้ปัญหาจำเป็นต้องมุ่งความสนใจไปที่ปัญหา  

  2. คนอื่นคาดหวังในตัวเขาสูงมา  

  3. ตัวตนของพวกเขามาจากการกระทำว่าทำออกมาได้ดีแค่ไหน  

  4. ผลลัพธ์ในด้านลบคือความล้มเหลงของตัวเอง  

  5. การเดินทางข้ามเวลามีอยู่จริง (สิ่งหนึ่งเราก็แค่ล้อเล่น เพราะการวิเคราะห์เรื่องราวในอดีตมากจนเกินไปสื่อให้เห็นว่าเขาปรารถนาจะเปลี่ยนอดีต)  

Advertisement

Advertisement

วิธีเลิกนิสัยหมกมุ่นครุ่นคิดจำเป็นต้องคลายปมความเชื่อที่สร้างมันมา เราจะพูดถึงวิธีการเอาชนะการหมกมุ่นครุ่นคิดโดยการยอมรับต้นทุนจม ทำความเข้าใจเรื่องโอกาสและความล้มเหลว อยู่กับปัจจุบันแก้ไขวิธีการพูดพึงตัวเองในทางลบและลงมือทำสิ่งที่คุณหมกมุ่นครุ่นคิด  

การหมกมุ่นครุ่นคิดในสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ การยอมรับคือสิ่งที่จำเป็น  

ภาพจาก unsplash.com                                                                             ขอบคุณภาพจาก unsplash.com

ต้นทุนจมคือความเสียหาย ค่าใช้จ่าย หรือเคราะห์ร้ายที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ การตอบสนองที่เป็นประโยชน์ต่อต้นทุนจมมีเพียงอย่างเดียว คือ จงยอมรับมัน ไม่ว่าสิ่งนั้นจะสร้างความเสียหายไว้มากมายแค่ไหน คุณจะรู้ว่าคุณยอมรับต้นทุนจมได้ต่อเมื่อคุณหยุดคิดว่า “เรื่องนี้ไม่น่าเกิดขึ้นเลย” อีกต่อไปค่ะ 

การที่เราเดินใช้ชีวิตต่อไปไม่ใช่เรื่องไม่น่าเคารพ (สำหรับคนที่คุณเคยทำร้าย) ในเมื่อการหมกมุ่นครุ่นคิดไม่ได้แก้ปัญหาหรือชดเชยต่อความผิดพลาดใด ๆ การทำโทษตัวเองก็ไม่ได้ชดเชยต่อสิ่งที่คุณทำลงไปหรือช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น “การหมกมุ่นครุ่นคิดเป็นความพยายามที่สิ้นหวังและเปล่าประโยชน์เพื่อเปลี่ยนแปลงอดีตโดยการนึกถึงมันนั่นคือการปฏิเสธและการยอมรับคือยาต้านโรคชนิดนี้”  

Advertisement

Advertisement

การยอมรับหมายความว่า คุณจะถูกความเจ็บปวดอัดเข้าใส่เต็มเหนี่ยมและคุณจะเจ็บปวดถ้าสิ่งนั้นเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย แต่เมื่อคุณยอมรับแล้ว คุณได้มอบโอกาสให้กับตัวเองเดินต่อไปและอยู่เหนือความเจ็บปวด การยอมรับ ความเป็นมนุษย์ในตัวคุณนั้นมีค่ายิ่งใหญ่ คุณเป็นมนุษย์ คุณทำพลาดได้แม้ว่าสิ่งนั้นจะแย่แค่ไหนก็ตามค่ะ  

ภาพจาก unsplash.com                                                                             ขอบคุณภาพจาก unsplash.com

เราต่างมีเส้นแบ่งเป็นของตัวเองว่าความผิดพลาดแบบไหนบ้างที่ยอมรับได้ เรายอมให้ตัวเองก้าวข้ามเส้นได้เป็นครั้งคราว แต่ถ้าเราขับรถชนคนเดินถนนเข้าโดยบังเอิญล่ะ นี่เป็นตัวอย่างเกินจริงที่น้อยคนนักค่ะที่จะประสบ แต่มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับผู้ขับขี่ทุกคน มันคือสิ่งที่เราคาดว่าล่ำเส้น “ความผิดพลาดที่ยอมรับได้” ของพวกเราส่วนใหญ่ ในจุดนั้นทางเลือกมีอยู่ว่า คุณจะพยายามอยู่กับความผิดพลาดที่ไม่มีวันให้อภัยได้ค่ะ แต่จะทำยังไงล่ะ 

Advertisement

Advertisement

ถ้าคุณเกิดทำพลาดเกินขอบเขตที่ตัวเองจะยอมรับได้คุณก็ต้องขยับขอบเขตนั้นออกไป  

การกำหนดขอบเขตสำหรับสิ่งที่แย่ที่สุดที่คุณเคยทำนั้นไม่มีข้อดีเลยพูดอีกแบบหนึ่งก็คือ ไม่ว่าคุณทำอะไรลงไปแล้ว ขอให้คุณพักบ้าง ไม่อย่างนั้นจิตใจของคุณจะแตกสลายเพราะพยายามประนีประนอมต่อความผิดพลาดไปทั้ง ๆ ที่เหลืออดค่ะ  

หลังจากคุณยอมรับสิ่งที่เป็น คุณจะเป็นอิสระเพื่อมองหาสิ่งที่น่าจะเป็น “เพียงยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว” แน่นอนว่าพูดง่ายกว่าทำค่ะ คุณอาจจะต้องอยู่กับมันก่อนที่คุณจะรู้สึกอย่างนั้นได้ เรื่องบางเรื่องใช้เวลาเยียวยานาน แต่เราเชื่อว่าเราจะปรับตัวได้ดีขึ้นโดยหมั่นเตือนใจตัวเองเป็นประจำว่าอดีตนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

ภาพจาก unsplash.com                                                                             ขอบคุณภาพจาก unsplash.com

การหมกมุ่นครุ่นคิดสามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยหรือจงยอมรับมันซะแล้วลองดูใหม่

ถ้าคุณขี่มอเตอร์ไซค์ไปชนจนพังและรู้จักคนที่ซ่อมมันได้ มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาและเงินแล้วล่ะ คุณถึงจะกลับมาซิ่งได้อีกครั้ง ถ้าคุณส่งใบเสนอโปรเจ็กต์งานให้หัวหน้าและเธอพูดว่า “นั่นเป็นใบเสนอโปรเจ็กต์ที่แย่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา” คุณควรรับฟังคำแนะนำจากเธอและส่งอีกโปรเจ็กต์หนึ่งไปได้ เรื่องที่คนเราหมกมุ่นครุ่นคิดเกือบทุกเรื่องล้วนเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ทั้งนั้น 

เช่น เราหมกมุ่นครุ่นคิดว่าจะเขียนประโยคนี้ให้ดีขึ้นได้ยังไง แทนที่เราจะมัวคิดอยู่อย่างนั้น เราสามารถเขียนประโยคต่อไปได้นั่นทำให้เราเลิกหมกมุ่นอยู่กับประโยคห่วย ๆ ประโยคแรกและมุ่งความสนใจไปที่การเขียนประโยคที่สองที่ห่วยพอ ๆ กันแทน เราทำแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเขียนประโยคที่เรายอมรับได้ การทำแบบนี้ทำให้ปัจจุบันเกิดประโยชน์มากกว่าการมัวแก้ไขอดีตที่ได้เขียนขึ้นมาอย่างห่วย ๆ   

เรามีอำนาจในการเลือกอันน่าอัศจรรย์ แต่การหมกมุ่นครุ่นคิดคือการยอมสละอำนาจนั้นทิ้งไป มันบั่นทอนเราแต่กลับคิดเป็นนิสัยได้ง่าย วิธีแก้ไขคือ คุณต้องพยายามทำต่อไป ฝึกฝนและพัฒนาให้ดีขึ้น เมื่อทำได้แล้วคุณจะเห็นว่าการมัวแต่หมกมุ่นครุ่นคิดในสิ่งที่จริง ๆ แล้วคุณลงมือแก้ไขได้หรือพยายามได้อีกครั้งเป็นเรื่องน่าขำแค่ไหน  

วิธีสำคัญในการแก้ปัญหาการหมกมุ่นครุ่นคิดคือการลงมือทำเพื่อให้จิตใจของคุณไปอยู่ในที่ที่ดีกว่า ถ้าเรื่องนั้นแก้ไขไม่ได้ ให้ทำตามสิ่งที่คุณสนใจ ถ้าเรื่องนั้นแก้ไขได้ให้ลงมือกับสิ่งทำให้หมกมุ่นครุ่นคิดซะ แต่เราอดกลั้นเพื่อรักษาความพยายามให้คงอยู่แม้จะมีโอกาสพลาดหรือล้มเหลวได้ยังไง คำตอบอยู่ในลำดับต่อไปและเรื่องนี้น่าตื่นเต้นสำหรับคนที่ถูกความล้มเหลวบั่นทอนกำลังใจได้ง่าย ๆ ค่ะ 


ขอบคุณภาพปกจาก unsplash.com

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์