ไลฟ์แฮ็ก
แชร์ วิธีกำจัดขยะแบบประเทศสวีเดน กำจัดขยะยังไง จนต้องนำเข้าจากต่างประเทศ

ประเทศสวีเดนมีวิธีการกำจัดขยะที่ดี จนต้องมีการนำเข้าขยะจากต่างประเทศ ในขณะที่ประเทศไทยขาดวิธีการกำจัดขยะอย่างถูกวิธี จนบางครั้งนำมาซึ่งแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค และปัญหาน้ำท่วม วันนี้ ” Nurseonomy คนดีย์ที่ไม่เหมือนใคร” จะมาแชร์วิธีกำจัดขยะแบบประเทศสวีเดน มาดูว่าเค้ามีวิธีกำจัดขยะยังไง จนต้องนำเข้าขยะจากต่างประเทศ

ประเทศสวีเดนมีขยะจากภาคครัวเรือนในปี 2021 ที่ 4.6 ล้านตัน หรือเทียบเท่า 449 กิโลกรัมต่อคน ซึ่งถ้าดูจากตัวเลขก็ไม่ใช่น้อย แต่ประเทศสวีเดนมีวิธีการกำจัดขยะที่ได้ผลดี จนต้องนำเข้าขยะจากต่างประเทศโดยประเทศสวีเดนนำเข้าขยะจาก 3 ประเทศหลักดังนี้ คือ นอร์เวย์ อังกฤษ และฟินแลนด์ เพราะเราเห็นการกำจัดขยะที่ได้ผลดีในประเทศสวีเดน เราจึงอยากนำเรื่องนี้มาแชร์ต่อ
การกำจัดขยะที่เราแชร์วันนี้ ได้จากประสบการณ์ตรงของตัวเองที่ได้อยู่อาศัยในประเทศสวีเดน ซึ่งประชาชนคนสวีเดนส่วนใหญ่ จะมีวิธีการกำจัดขยะแบบนี้ แต่รูปแบบอาจจะแตกต่างกันไปบ้างแล้วแต่ชุมชน หรือแหล่งที่อยู่อาศัย
Advertisement
Advertisement
โดยชุมชนที่เราอยู่อาศัย กำหนดให้ทุกบ้านต้องมีถังขยะใหญ่นอกบ้านทั้งหมด 2 ใบ โดยเจ้าของบ้านจะรับผิดชอบในการแยกขยะ และเข็นถังขยะออกไปไว้หน้าบ้าน ให้พนักงานเก็บขยะ อาทิตย์ละหนึ่งถัง โดยเราต้องหาข้อมูลเองว่าอาทิตย์ไหนต้องเข็นถังหมายเลขใดให้เค้า แต่ปกติแล้วจะสลับหมายเลข อาทิตย์เว้นอาทิตย์ แต่ช่วงหน้าร้อนเจ้าหน้าที่จะมาเก็บขยะเปียกถี่ขึ้น เพื่อป้องกันการเน่าเสีย และส่งกลิ่นเหม็น ซึ่งอันนี้เราต้องหาข้อมูลเองว่าเค้าจะมาเก็บวันไหน สำหรับเราเอง อาศัยลอกเพื่อนบ้าน แต่ใครที่ไม่อยากลอก ก็โหลดแอพไว้แจ้งเตือนก็ทำได้เช่นกัน😊
สำหรับค่าเก็บขยะเจ้าของบ้าน จะต้องจ่ายให้เขต หรือเทศบาลเดือนเว้นเดือน ซึ่งเค้าจะส่งใบแจ้งหนี้มาให้ทางอีเมลหรือทางไปรษณีย์ แล้วแต่ความประสงค์ของเจ้าของบ้าน


แยกขยะให้ถูกประเภท เช่น แยกขยะเปียก ขยะแห้ง ขยะรีไซเคิล ขยะอันตราย
Advertisement
Advertisement
ภายในบ้านเรา จะมีถังขยะ 3 ประเภท คือ ถังขยะเปียก ขยะแห้งและขยะรีไซเคิล

ขยะเปียก จะทิ้งในถุงกระดาษสีน้ำตาล ซึ่งขยะที่จะทิ้งในนี้ เช่น เศษอาหาร เศษผัก เศษผลไม้ เรียกง่าย ๆ ว่าขยะพวกนี้ทางรัฐจะนำไปทำลายให้ย่อยสลายตามธรรมชาติ
ขยะแห้ง เช่น พลาสติก จะทิ้งในถังขยะแห้ง ส่วนนี้รัฐจะนำไปเผาและทำลาย

ขยะรีไซเคิล เช่น ขวดพลาสติก กระดาษ ขวดแก้ว เหล็ก จะต้องแยกขยะให้ถูกตามประเภทของขยะแต่ละชนิด เช่น ขยะที่เป็นขวดแก้ว ขวดพลาสติก โหลโลหะ ก็ต้องแยกออกจากกัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้พนักงานเก็บขยะ
ขยะอันตราย เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ถ่านไฟฉาย หลอดไฟ

ตัวอย่างที่บ้านผู้เขียนจะมีถังขยะนอกบ้านสองถังใหญ่ ซึ่งแต่ละถังก็จะมีช่องให้แยกประเภทของขยะ พร้อมกับมีภาพประกอบให้เรารู้ด้วยว่าช่องไหนจะทิ้งขยะชนิดใด จะทิ้งมั่วรวมกันหมดไม่ได้ เพราะถ้าพนักงานเก็บขยะตรวจพบว่าบ้านไหนทิ้งขยะไม่ถูกประเภท คุณก็จะเจอค่าปรับ ซึ่งบอกเลยว่าอาจจะเท่ากับค่ากำจัดขยะที่คุณต้องจ่ายทั้งปี เราเองก็ไม่เคยอยากลองดีกับเรื่องพวกนี้ เพราะรู้ว่าการเสียค่าปรับในประเทศสวีเดน เป็นเรื่องที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะผิดคือผิด ไม่มีสิทธิ์มาอ้างความจน ความรวย หรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์
Advertisement
Advertisement
ขวดพลาสติก กระป๋องเครื่องดื่มมีค่า อย่าทิ้ง


ที่ข้างขวด หรือข้างกระป๋องเครื่องดื่มต่าง ๆ จะมีราคาบอกว่ากระป๋องนี้มีราคาเท่าไหร่ เช่น PANT1 KR หมายถึงราคา 1 สวีดิชโครน หรือประมาณ 3.5 บาท PANT 2 KR หมายถึงราคา 2 สวีดิชโครน หรือประมาณ 7 บาท ซึ่งคนสวีเดนโดยส่วนใหญ่รวมทั้งเราซึ่งเป็นคนไทยที่มาอยู่สวีเดน ก็จะเก็บสะสมขวด หรือกระป๋องพวกนี้ เพื่อไปขายผ่านเครื่องหยอด แต่เนื่องจากประเทศสวีเดนมีการใช้เงินสดน้อยมาก ดังนั้นเมื่อเอาขวดไปหยอดเครื่องเสร็จ เครื่องก็จะคิดเงินมาให้ว่าเราขายกระป๋องได้กี่โครน ซึ่งเป็นกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ระบุโค้ดและจำนวนเงินในนั้น เมื่อเราไปซื้อของ เราก็สามารถเอากระดาษแผ่นนั้นไปชำระค่าซื้อสินค้าได้ ปกติเครื่องรับซื้อขยะประเภทนี้จะอยู่ใกล้ซุปเปอร์มาร์เก็ตในแต่ละเขต เรียกว่าขายขยะได้ปุ๊บ ก็เข้าไปซื้อสินค้าในซุปเปอร์มาร์เก็ตต่อได้ปั๊บเลย แต่ใครยังไม่อยากใช้ในวันนั้น จะเก็บเอาไว้ใช้ในวันข้างหน้าก็ได้ ซึ่งจะมีวันที่ระบุอาไว้ชัดเจน ว่าให้ใช้ได้ไม่เกินวันที่เท่าไร ผู้เขียนคิดว่าวิธีนี้เป็นการส่งเสริมให้คนอยากแยกขยะไปในตัว
ถุงพลาสติก มีราคา ถ้าไม่อยากเสียตังค์เพิ่มต้องเอาถุงไปเอง

ตามร้านค้า หรือซุปเปอร์มาร์เก็ตต้องเสียเงินซื้อถุงพลาสติกใส่ของ แต่ถ้าเราไม่อยากเสียเงินค่าถุงพลาสติกเพิ่ม ก็ต้องเอาถุงไปเอง ซึ่งตามร้านจะมีให้เลือกทั้งแบบถุงพลาสติก ถุงกระดาษ ราคาก็แตกต่างกันไป โดยขั้นต่ำราคาประมาณถุงละ 3- 5 Kr หรือประมาณถุงละ 15 บาท สำหรับเราซึ่งไม่ชอบเสียตังค์เพิ่มก็พก ถุงผ้า หรือถุงพลาสติกใส่กระเป๋า และมีถุงพลาสติกใบใหญ่ติดรถไว้ตลอดเวลา เพราะไม่อยากค่าพลาสติก และไม่อยากสร้างขยะให้โลกเพิ่ม
จากการลองคำนวณค่าถุงพลาสติก ถ้าเราไปซื้อของสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และต้องซื้อถุงพลาสติกทุกครั้ง ๆ ละ 2 อัน เท่ากับหนึ่งสัปดาห์ ต้องซื้อถุงพลาสติก 4 อัน ตกสัปดาห์ละ 20 โครน หนึ่งเดือนต้องจ่ายค่าพลาสติก 80 โครน และทั้งปีต้องจ่ายค่าพลาสติกทั้งหมด 960 โครน คิดเป็นเงินไทยประมาณ 3360 บาท ถ้าเอาเงินตรงนั้นไปไว้กินหมูกระทะหัวละ 500 บาท เราก็กินได้ทั้งหมด 6 ครั้ง แต่ถ้าอยากจะเก็บเงินเอาไว้ไปลงทุนต่อ เราก็มีเงินในพอร์ตเพิ่มปีละอย่างน้อย 3000 กว่าบาท สะสมสัก 10 ปีก็มีเงินเก็บจากการประหยัดค่าถุงพลาสติก 30,000 กว่าบาท นี่ยังไม่นับรวมผลตอบแทนจากการลงทุนที่อาจจะมีเงินเพิ่มจากการประหยัดค่าพลาสติกเป็น 40,000 -50,000 บาทก็เป็นได้ 😉😉
การแยกขยะในประเทศสวีเดน ไม่ได้ทำแค่ในครัวเรือนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการแยกขยะที่ทำงาน โรงเรียน ซึ่งก็เป็นการฝึกนิสัยให้คนในชาติไปในตัว ส่วนน้อยมากที่จะเห็นคนสวีเดนเองที่เป็นคนมักง่าย ทิ้งขยะไม่เป็นที่ หรือไม่มีการแยกขยะอย่างถูกวิธี อันนี้เราต้องขอชื่นชมในการเคารพกฎระเบียบสังคมของคนสวีเดน
ของเก่าที่ไม่ใช้แล้ว เอาไปบริจาค ไปขาย หรือแลกเปลี่ยนกัน
ที่ประเทศสวีเดน จะมีร้านขายของเก่า คุณภาพดีเยอะมาก โดยจะมีตั้งแต่เสื้อผ้า ของตกแต่งบ้าน ถ้วยชาม แจกัน เครื่องมือช่าง ฯลฯ ร้านมือสองก็จะมีทั้งของรัฐ และของเอกชน ของที่ขายส่วนใหญ่จะได้จากคนนำมาขายให้ร้าน หรือ คนที่เสียชีวิตไปแล้ว และลูกหลานไม่ต้องการสิ่งของเหล่านั้น ลูกหลานก็จะโทรแจ้งร้านมือสองให้มาขนของออกไปขายโดยร้านไม่ต้องจ่ายเงินค่าของสักบาท จ่ายเพียงค่าแรงงาน และค่าน้ำมันในการขนของออกจากบ้าน ส่วนลูกหลานก็ประหยัดเวลาไม่ต้องมาขนของไปทิ้งเอง
นอกจากนั้นถ้าเจ้าของอยากเอาของที่มีมาขายเอง ก็อาจจะใช้วิธีการติดป้ายให้คนทราบว่ามีการขายสินค้ามือสอง หรือจะเอาไปโพสต์ขายตามร้านขายของเก่าในอินเตอร์เน็ตก็ทำได้เช่นกัน เราเองชอบซื้อหนังสือมือสองในอินเตอร์เน็ตเพราะมีราคาถูกกว่าซื้อหนังสือใหม่มาก หนังสือมือสองบางเล่มราคาลดลงมากกว่า 50 % ทำให้เราประหยัดค่าหนังสือไปได้มาก ในการเรียนระดับอุดมศึกษาในประเทศสวีเดน แม้ไม่ต้องจ่ายค่าเทอมเอง แต่หนังสือที่ต้องใช้ต่อรายวิชาก็ 3-4 เล่มเป็นอย่างต่ำ ยิ่งถ้าหนังสือที่มีความขลังมาก ๆ ก็ตกเล่มละ 800 - 900 โครนสำหรับหนังสือใหม่
นอกจากการประกาศขายดังกล่าวแล้ว บางคนก็โพสต์ยกของให้ฟรี เพราะขี้เกียจขนไปทิ้งเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่ค่อนข้างหนัก เช่น โต๊ะอาหาร โซฟา เตียงนอน เครื่องรีดผ้า ใครที่อยากได้ก็เสียค่าน้ำมัน และค่าแรงไปขนเอาเอง
นี่คือ ตัวอย่าง ของมือสองที่เราได้มา แจกันได้จากร้านมือสองในราคา 5 kr หรือประมาณ 17 บาท ส่วนหนังสือซื้อมาในราคา 250 Kr หรือประมาณ 875 บาท ซึ่งก็ได้ส่วนลดมากกว่า 50% 😊😊
และอย่างที่เราเกริ่นตั้งแต่ต้นว่าประเทศสวีเดน มีวิธีการกำจัดขยะได้ดีจนต้องมีการนำเข้าขยะจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นการนำเข้าขยะเพื่อมาทำลาย และได้พลังงานกลับมาจากการกำจัดขยะ ไม่ได้นำเข้าขยะเพื่อมาซุก หรือทิ้งลงทะเลแบบที่หลาย ๆ ประเทศทำกัน
ปัญหาเรื่องขยะและสิ่งแวดล้อมเป็นปัญหาที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ ซึ่งถ้าใครที่ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดจะเห็นว่าพลาสติกที่ทิ้งลงทะเลแทรกซึมเข้าสู่ระดับเซลล์ของสัตว์ทะเลเกือบทุกชนิด เช่น ฉลามที่บ่อยครั้งที่ตรวจพบถุงพลาสติก ยางรถยนต์ในช่องท้อง ซึ่งสุดท้ายแล้วคนจับสัตว์ทะเลเหล่านั้นมากิน ก็เกิดการสะสมพลาสติกในร่างกาย จนก่อให้เกิดโรคได้ ต่อให้เราทิ้งขยะพ้นตัวในวันนี้ เราก็จะได้รับขยะเข้าสู่ร่างกายของเราไม่มากก็น้อยในวันข้างหน้า เพราะขยะนำมาซึ่งปัญหาสิ่งแวดล้อม ถ้าทุกคนคิดว่าหน้าที่ในการกำจัดขยะ และการใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นหน้าที่ของทุกคน ไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง หรือหน่วยงานใด หน่วยงานหนึ่ง การร่วมมือกันเล็ก ๆ น้อย ๆ จะทำให้การแก้ไขปัญหาเรื่องขยะ และสิ่งแวดล้อมได้ง่ายยิ่งขึ้น ทั้งนี้เราก็ไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่ทำเพื่อตัวเรา และอนาคตลูกหลานของเราเอง
เครดิตภาพปก และภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน
กราฟฟิกจากเว็บ Canva
By Nurseonomy
ความคิดเห็น






