อื่นๆ

10 อันดับเหตุการณ์แปลกประหลาดที่ยังหาคำตอบไม่ได้

1.1k
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
10 อันดับเหตุการณ์แปลกประหลาดที่ยังหาคำตอบไม่ได้

เหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์จะต้องทำความเข้าใจยากง่ายไม่เหมือนกัน แต่เหตุการณ์บางเหตุการณ์ก็มีเรื่องให้ชวนน่าคิด น่าสงสัย ทั้งยังไม่สามารถหาคำอธิบายได้ ถือเป็นปริศนาที่มนุษย์ต้องทำการค้นหา นี่ถือ 10 อันดับเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เราเห็นแล้วอาจจะต้องช็อก ประหลาดใจ ซึ่งมีดังนี้คือ

เครดิตภาพจาก  Youtube

ภาพจาก Youtube

10.the bloop -1997 (เสียงปริศนาใต้มหาสมุทร)

เสียงปริศนานี้ถือเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่น้อยมากจะเกิดขึ้นเมื่อทาง NOAA ได้บันทึกเสียงนี้ใต้มหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเป็นเสียงที่มีคลื่นความถี่สูงมาก สร้างความประหลาดใจให้กับผู้บันทึกเป็นอย่างมาก ทาง NOAA ได้วิเคราะห์ว่าเสียงนี้เป็นไปได้ว่าอาจเป็นเสียงภูเขาน้ำแข็งหล่นลงมา แต่อีกด้านหนึ่งก็วิเคราะห์ว่าอาจเป็นเสียงสัตว์ที่ใหญ่กว่าปลาวาฬสีน้ำเงินก็เป็นได้ ทำให้หลายฝ่ายคิดว่าอาจมีสัตว์ที่ตัวใหญ่กว่านี้ในใต้ทะเลลึกก็เป็นได้

Advertisement

Advertisement

เครดิตภาพจาก Horror History.net

เครดิตภาพจาก Horror History.net

9.lead masks case - 1966 (การตายปริศนาของชาย 2 คนในเครื่องแบบชุดช่างไฟฟ้า)

เหตุการณ์นี้เรียกได้ว่าเป็นคดีปริศนาที่แปลกประหลาดมากที่สุดคดีหนึ่งเลยก็ว่าได้ เมื่อพบศพชาย 2 คนในชุดเครื่องแบบ พบศพยังไม่เท่าไร แต่ที่น่าประหลาดใจมากที่สุดก็คือ ไม่พบว่าชาย 2 คนมีร่องรอยการทำร้ายหรืออันตรายใด ๆ เลย และไม่ได้เป็นโรคอะไรเลย หมายความว่าอยู่ดี ๆ พวกเขาก็ตายเฉยเลย จากรายงานทราบว่าบริเวณที่พบศพนั้นมักมีการพบเห็นยูเอฟโอบ่อย ๆ  ทำให้หลายคนตีความว่าอาจจะเป็นอะไรมากกว่านั้นก็เป็นได้

เครดิตภาพจาก bendedreality.com

เครดิตภาพจาก bendedreality.com

8.the vela incident -1979 (ปรากฎการณ์แสงวาบบนโลก)

เป็นเหตุการณ์ที่มีข้อถกเถียงมาก ซึ่งสัญญาณดาวเทียมจับได้ว่ามีแสงวาบบนโลกด้วยกัน 2 ครั้งติดต่อกันในบริเวณมหาสมุทรอินเดีย ที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่ามีการแอบทดลองนิวเคลียร์อย่างลับ ๆ ซึ่งยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดนัก

Advertisement

Advertisement

เครดิตภาพจาก Wattpad

เครดิตภาพจาก Wattpad

7.Japan Air Lines flight 1628 incident -1986 (เหตุการณ์เครื่องบินโดนยูเอฟโอติดตาม 3 ลำ)

เป็นเหตุการณ์ขณะที่ขับเครื่องบินอยู่บริเวณอลาสก้า พบว่ามียูเอฟโอ 2 ลำแรกเข้ามาประกบติดกับเครื่องบินที่บินวนซิกแซกไปมา สักพักก็มียานอีกลำซึ่งนักบินคิดว่าจะต้องเป็นยานแม่เพราะมีขนาดใหญ่กว่า 2 ลำ ได้บินตามหลังมา ทำให้ทางนักบินต้องทำการเปลี่ยนเส้นทางการบินทันที แต่ยานก็ยังติดตามไม่หยุด ทางนักบินพยายามบินให้ห่างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ กินระยะเวลา 50 นาทีสุดท้ายเครื่องบินก็ร่อนลงรันเวย์โดยสวัสดิภาพ

เครดิตภาพจาก wikipedia

เครดิตภาพจาก wikipedia

6.wow! signal -1977 (เสียงปริศนาในห้วงอวกาศ)

เสียงปริศนาอีกเสียงหนึ่งแต่คราวนี้เปลี่ยนบรรยากาศในห้วงอวกาศบ้าง ที่พบว่ามีคลื่นความถี่ที่สูงมากถึงบันทึกได้ 72 วินาที เหมือนกับเป็นคลื่นเสียงที่มีการสื่อสารกัน แต่ต่อมาจะทำการบันทึกอีกก็ไม่พบคลื่นเสียงนี่อีก จนหลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่นอกโลกหรือไม่

Advertisement

Advertisement

เครดิตภาพจาก Pinterest

เครดิตภาพจาก Pinterest

5.ghost sniper -1927 (มือปืนปริศนาที่ไม่สามารถหาตัวได้แม้แต่กระสุนนัดเดียว)

เป็นเหตุการณ์แปลกประหลาดอย่างหนึ่งที่เรียกได้ว่าสร้างความหลอนในประเทศอเมริกาเลยก็ว่าได้ เมื่อพบรถยนต์หลายคันเป็นรูเหมือนโดนกระสุนยิง แต่ไม่พบกระสุนอะไรเลยในบริเวณนั้น ทั้งบ้านหลายหลังเป็นลักษณะเดียวกัน หน้าต่าง และเครื่องใช้ต่าง ๆ เป็นรูเหมือนโดนกระสุนยิง แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ มีแต่วัสดุเท่านั้นที่เสียหาย แต่ว่ากระสุนกลับหายไปเหมือนกับหายไปกลางอากาศ จากนั้นก็มีเหตุการณ์แบบเดียวกันในหลายเมือง เหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1927 สิ้นสุดในปี 1928

เครดิตภาพจาก ABC.net

เครดิตภาพจาก ABC.net

4.Valentich disappearance -1978 (การหายไปของนักบินแบบไร้ร่องรอยขณะบินอยู่กับยูเอฟโอ)

เหตุการณ์เป็นเหตุการณ์หนึ่งที่เรียกว่าหลายคนต้องตกใจ เมื่อนักบินคนหนึ่งนามว่า Frederick Valentich ได้กำลังทำการบินอยู่ จู่ ๆ ก็พบว่ามียานไม่ทราบลักษณะ เปล่งแสงประกายวาบ ๆ บินวนไปมาด้วยความเร็วสูง ทางนักบินจึงแจ้งทางกองบังคับการบินทราบ เมื่อนักบินติดต่อได้แล้ว ทางกองกำลังก็ให้ทางนักบินชี้แจงสถานะว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทางนักบินก็กล่าวว่าเขาเห็นยานไม่ทราบลักษณะ ซึ่งตอนนั้นก็มีการติดต่อติด ๆ ขัด ๆ บ้างเป็นบางช่วง นักบินก็กล่าวว่าเขาได้เห็นยานลึกลับเปล่งแสงออกมาเป็นสีเขียว สักพักยานก็หายไปต่อหน้าเขา แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็คือเขาได้บรรยายออกมาว่ามันกำลังบินโฉมเฉี่ยวไปมา และที่สำคัญมันไม่ใช่เครื่องบิน แต่มันเป็นอย่างอื่น จากนั้นสัญญาณการติดต่อหายไป ทางกองบังคับการบินก็พยายามที่จะติดต่อเขาแต่ก็ติดต่อกลับไม่ได้ ที่ช็อกที่สุดก็คือเขาไม่ได้กลับมาอีกเลย และเป็นบุคคลที่หายสาบสูญตลอดกาล

เครดิตภาพจาก ufoinsight.com

เครดิตภาพจาก ufoinsight.com

3.the kinross incident -1953 (การหายไปของนักบินที่เห็นต่อหน้าต่อตาบนจอเรดาห์)

เหตุการณ์นี้ก็ไม่ต่างกับเหตุการณ์ที่แล้วเท่าไรนัก ซึ่งนักบิน 2 คน นั่งเครื่องบินลำเดียวกัน ได้ทำการบิน แล้วทางเรดาร์ของกองทัพนั้นจับสัญญาณได้ว่านักบิน 2 คน มีสัญญาณประหลาดกะพริบอยู่ 1 ดวง แล้วดูเหมือนมันจะเข้ามาบริเวณใกล้ ๆ นักบิน 2 คน ใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งนักบิน 2 คนได้บินเข้าไปปะทะกับมัน แล้วก็หายสาบสูญไปต่อหน้าต่อตาบนเรดาร์ ทางกองทัพเองก็ถึงกับช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนทุกวันนี้ ซึ่งสันนิษฐานว่าดวงไฟประหลาดนั้นอาจจะเป็นยานยูเอฟโอดูดกลืนนักบินไป

เครดิตภาพจาก kodkey.com

เครดิตภาพจาก kodkey.com

2.Bermuda Triangle incidents (เหตุการณ์ต่าง ๆที่ผู้คนหายไปในสามเหลี่ยมปริศนา)

เป็นเหตุการณ์ที่ผู้คนส่วนใหญ่คงจะทราบกันดีอยู่แล้ว สำหรับสามเหลี่ยมเจ้าปัญหาที่ชื่อว่าเบอร์มิวดา ที่อยู่ใกล้กับรัฐฟลอริดา ที่ไม่ว่าใครจะขับเครื่องบิน นั่งเรือผ่านมาบริเวณสามเหลี่ยมนี้ก็จะต้องหายไปไม่มีวันกลับ หลายฝ่ายก็ทำการวิเคราะห์ก็คิดว่าอาจเป็นแรงดึงดูดอะไรสักอย่างหนึ่งในบริเวณนั้น จนทุกวันนี้ก็ยังมีการคิดค้นทฤษฎีสามเหลี่ยมนี้อยู่และพยายามค้นหาคำตอบไปเรื่อย ๆ แม้ว่าพื้นที่สามเหลี่ยมนี้ไม่ได้มีอาถรรพ์เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ถือว่าเป็นปริศนาที่โด่งดังระดับโลก

เครดิตภาพจาก romancatholicman.com

เครดิตภาพจาก romancatholicman.com

1.miracle of the sun -1917 (ปรากฏการณ์พระอาทิตย์เต้นได้)

เหตุการณ์นี้ผู้คนน้อยมากที่จะรู้จักกับเหตุการณ์นี้ และผมถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดมากที่สุดของโลกเลยก็ว่าได้ที่เกิดขึ้นในประเทศโปรตุเกส เหตุการณ์นี้ก็มีอยู่ว่ามีเด็ก 3 คน ได้ทำนายว่าพระแม่มารีจะปรากฏมาท้องฟ้าตอนเที่ยง ประชาชนประมาณสัก 8 หมื่นคน (จากข้อมูลอีกฝั่งก็ว่าเป็นแสนคน) ก็มาเฝ้ายืนรอเพื่อเป็นสักขีพยาน พอถึงเวลากำหนดแล้วปรากฏการณ์อันน่าตกตะลึงก็เกิดขึ้น เมื่อท้องฟ้าได้แตกออกมาและดวงอาทิตย์ก็ส่องแสงออกมา ซึ่งไม่ใช่ส่องแสงแบบทั่วไปเท่านั้น แต่เป็นการส่องแสงออกมาเป็นหลายสีซ้อนกัน ทั้งดวงอาทิตย์ยังมีการหมุนรอบตัวเองท่ามกลางต่อหน้าต่อตาของผู้คนที่มาเฝ้ารอ ยังไม่พอดวงอาทิตย์ยังมีการเคลื่อนที่ไปมาอีกด้วย ทำให้บางคนตีความว่าถึงวันสิ้นโลก ผู้คนจึงยอมรับว่าปรากฏการณ์นี้คือปาฏิหาริย์ของพระผู้เป็นเจ้าที่สำแดงเดชให้ชาวโลกได้เห็น


เครดิตรูปภาพหน้าปกจาก valzart.wordpress.com

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์