ไลฟ์แฮ็ก
3 วิธี เรียนดีได้เกรด 4 ใน 1 เทอม

อ๊อดดดดดดด! เสียงกริ่งหมดเวลาทำข้อสอบปลายภาคดังขึ้น คนที่เดินออกจากห้องสอบมี 2 ประเภทเท่านั้น 1. สบายใจ 2. ปล่อยวาง
เพราะไม่ว่าน้อง ๆ จะทำข้อสอบได้หรือไม่สิ่งที่รอน้อง ๆ อยู่ต่อจากนี้นั่นก็คือปิดเทอมนั่นเอง คำถามก็คืออยากเป็นคนประเภทไหนตอนเดินออกจากห้องสอบ การเดินทางในระบบการศึกษาอันแสนยาวนานถ้าคิดเป็นตัวเลข ก็ประมาณ 1 ใน 4 ของเวลาชีวิตเลยทีเดียว ถ้ามันยาวนานขนาดนั้นมันก็น่าจะมีค่ามากพอให้เราพยายามกับมันอีกสักนิด เพราะอย่างน้อยวันหนึ่งเมื่อเรามองย้อนกลับมาจะได้รู้สึกภูมิใจในสิ่งที่ทำลงไป แต่จริงๆแล้วถ้าเรานับวุฒิการศึกษาทั้งหมดแล้วละก็ มันแทบจะอยู่กับเราไปทั้งชีวิตเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นการเรียนหนังสือ เรียนให้ดี เรียนให้เก่ง ย่อมมีประโยชน์กว่าเรียนไม่เก่งอย่างแน่นอน
คนที่เรียนเก่งไม่ได้แปลว่ามี IQ สูงหรือฉลาดกว่าผู้อื่นเสมอไป แต่พวกเขาเหล่านั้นมีเคล็ดลับและพื้นฐานที่ดีกว่าผู้อื่น พวกเขาเข้าใจว่าต้องทำอย่างไรถึงจะได้คะแนนดีขึ้น เด็กที่เรียนเก่งทุ่มเทเวลาให้กับการศึกษามากกว่าเด็กที่เรียนไม่เก่ง แน่นอนว่าผลสำรวจบอกว่าเด็กไทยเรียนหนักที่สุดติดอันดับโลก "หรือนี่กำลังจะบอกว่าเด็กที่เรียนเก่ง เรียนหนักกว่านั้นอีก อย่างนั้นหรือ..." จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นครับ เด็กที่เรียนเก่งเรียนน้อยกว่าเด็กอื่นๆเสียด้วยซ้ำ พวกเชาแค่มีวิธีจัดการกับการเรียนที่แตกต่างจากเด็กทั่วไป
Advertisement
Advertisement
และวันนี้เราจะมาบอกเคล็ด(ไม่)ลับ 3 ขั้นตอนที่จะทำให้น้องๆเรียนดีขึ้นได้ ใน 1 เทอม และน้องจะแปลกใจที่สมุดพกเต็มไปด้วยเกรด 4
เครดิตรูปภาพพื้นหลัง : ภาพโดย sasint จาก Pixabay
1.เรียนก่อนที่จะเรียน
ใช่แล้วครับเคล็ดลับที่ 1 คือจงหาทางศึกษาวิชานั้นก่อนที่จะเปิดเทอม
ในทุก ๆ โรงเรียน ผู้ที่ถูกว่าจ้างให้มอบความรู้ให้กับเราเรียกว่า "คุณครู" คุณครูบางท่านก็สอนเข้าใจบางท่านก็ทำเรางง บางท่านใจดี บางท่านก็ดุชะมัด คุณครูทุกคนจริง ๆ แล้วก็เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง เธอสามารถป่วยได้ มีปัญหาชีวิตได้ อยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมที่จะสอนได้ มีปัจจัยมากมายที่ทำให้เป็นแบบนั้น ซึ่งก็ไม่ต่างจากวัยฮอร์โมนอย่างน้อง ๆ ที่บางวันก็ง่วงบางช่วงก็ติดเกมบ้างก็อยากคุยกับเพื่อนบ้างก็คิดถึงรุ่นพี่ที่ชอบอยู่ ทำให้ไม่พร้อมที่จะเรียน
ในเมื่อผู้สอนและผู้ถูกสอนมีจังหวะชีวิตที่ไม่แน่นอนแบบนี้ ถ้าน้อง ๆ คาดหวังว่าจะได้รับความรู้จากในห้องเรียน 100% เต็มแล้วละก็ คิดผิดแล้วละครับ
Advertisement
Advertisement
แล้วจะทำอย่างไรดี จริง ๆ แล้วเราอาจลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเรียนไป มันคือตัวเชื่อมหนึ่งเดียวระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน สิ่งนั้นก็คือ "หนังสือ" นั่นเอง
ไม่ว่าคุณครูที่สอนเราจะจบปริญญาเอกหรือปริญญาโทมาจากไหนก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วความรู้ที่เขาต้องสอนเรา ความรู้ที่เราจำเป็นต้องได้รับจากเขา มีเพียงความรู้ในหนังสือตรงหน้าเท่านั้น มันจึงเป็นการดีกว่ามากถ้าช่วงปิดเทอมเราศึกษาหรือหาวิชาเหล่านั้นมาเรียนให้เข้าใจเสียก่อน ถ้าเราทำแบบนั้น เมื่อเวลาที่คุณครูเริ่มสอนในห้องเรียนได้มาถึง สำหรับคนอื่นมันคือการเรียน แต่สำหรับคนที่ศึกษาด้วยตัวเองมาแล้วอย่างพวกเรามันคือ การทบทวนนั่นเอง แค่นี้เราก็นำคนอื่นไปก้าวสองก้าวแล้ว
เครดิตรูปภาพพื้นหลัง : ภาพโดย StockSnap จาก Pixabay
2.ทบทวนและทำบทสรุป
แน่นอนว่าการเรียนมาก่อนล่วงหน้าเป็นตัวช่วยให้เราเริ่มออกสตาร์ทเร็วกว่าคนอื่น มันทำให้ได้เปรียบมาก ๆ เลยเพราะเราจะเข้าใจทันทีที่ครูเริ่มสอน เมื่อครูถามคำถามในห้องโอกาสที่เราจะตอบได้ก็มีมากกว่าผู้อื่น คุณครูมีความแตกต่างจากคอมพิวเตอร์ตรงที่เธอสามารถตอบคำถามเราได้ เมื่อเราติดขัดตรงไหนเราก็สามารถถามคุณครูได้หมด ซึ่งผิดกับเพื่อนคนอื่น เพราะพวกเขาต้องกลับไปทบทวนด้วยตัวเองเสียก่อนถึงจะรู้ตัวว่าตัวเองไม่เข้าใจตรงไหน แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจ การเรียนที่ขาดการทำซ้ำหรือทบทวนจะทำให้เราลืมได้ และถ้าเป็นแบบนั้นความพยายามในช่วงปิดเทอม ความได้เปรียบในการอ่านหนังสือก่อนคนอื่นก็จะหมดไป ถ้าเรียนแล้วไม่ได้นำกลับไปทบทวนซ้ำ เพราะฉะนั้นหลังจากเราเลิกเรียนแล้ว จงทบทวนซ้ำอีกครั้ง เพื่อความมั่นใจ แต่ระบบการศึกษาของไทย ไม่ได้ให้เรียนกันแค่วิชาสองวิชา จะให้ทบทวนทุกวิชาไม่เป็นอันต้องทำอะไรกันพอดี
Advertisement
Advertisement
ดังนั้นสิ่งจำเป็นของน้อง ๆ ที่อยากเรียนดีทุกคน นั่นคือการทำ สรุปเนื้อหาสำคัญ ในวิชานั้นๆในแบบของน้อง ๆ เอง สร้างสรุปขึ้นมาให้เข้าใจง่าย บางคนอาจเลือกทำ mind map บางคนเลือกเขียนสาระสำคัญในกระดาษโน๊ต การทำบทสรุปความรู้ที่เรียน ทำให้เราไม่จำเป็นต้องกลับไปอ่านหนังสือเล่มหนาเตอะอีกรอบ แต่เราสามารถอ่านแค่สรุปเพียงไม่กี่หน้าก็สามารถเข้าใจได้ เท่านี้ช่วงก่อนสอบเราก็จะมีเวลาทบทวนความรู้มากกว่าเพื่อนๆคนอื่นเพราะคนอื่นต้องมาเริ่มอ่านหนังสือใหม่ตั้งแต่หน้าแรกของหนังสือนั่นเอง
เครดิตรูปภาพพื้นหลัง : ภาพโดย dangnambinh จาก Pixabay
3.ทำการบ้าน
ในเคล็ดลับที่ 1 และที่ 2 มันคือการสร้างความได้เปรียบในการเรียนวิชาต่าง ๆ มากกว่าคนอื่น และเมื่อเราเข้าใจและมีความรู้ในวิชาที่เรียนอย่างถ่องแท้ ไม่ว่าคุณครูจะออกข้อสอบยากแค่ไหน เราก็สามารถทำได้อย่างสบายมาก แต่น่าเสียดายที่การสอบไม่ใช่คะแนนทั้งหมด
เพื่อนบางคนไม่ค่อยตั้งใจฟังที่ครูสอนเลย แต่เขาเข้าเรียนครบทุกคาบ ส่งการบ้านทุกครั้ง แม้ทำข้อสอบได้คะแนนไม่เยอะแต่กลับได้คะแนนดี เพราะในระบบการศึกษาที่แสนโหดของประเทศเรานั้น นอกจากจะให้เรียนทั้งวันแล้วยังให้การบ้านมาทำในเวลากลางคืนอีกด้วย
แต่การบ้านนี่แหละคือตัวทำคะแนนที่สำคัญไม่แพ้การสอบกลางภาคและปลายภาคเลย สำหรับคนที่ทำตามเคล็ดลับที่ 1 และที่ 2 มาแล้วการบ้านก็เหมือนคะแนนแจกที่ทำง่ายและสบายมาก แต่เพราะเป็นแบบนั้น นั่นแหละคำว่า "ไว้ก่อน....ค่อยทำทีหลัง" จึงเกิดขึ้น ซึ่งมันอันตรายมากเพราะการบ้านเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการทำ ถ้าเราผัดวันประกันพรุ่งเราอาจลืมทำหรือทำมันออกมาได้ไม่ดีก็เป็นได้ ดังนั้นจงรีบทำการบ้านให้เสร็จให้เร็วที่สุด เพราะความรู้สึกหลังจากทำการบ้านเสร็จมันเป็นความรู้สึกแบบเดียวกับข้อ 1 ตอนที่น้องเดินออกจากห้องสอบนั่นเอง
ความคิดเห็น






