ไลฟ์แฮ็ก
4 วิธีมองโลก ที่ทำให้ไม่ท้อถอย

หลายครั้งชีวิตก็ไม่ได้ดังหวังตั้งใจ หลายคราชีวิตก็ไม่เป็นดังที่ตั้งใจไว้
ก่อให้เกิดสภาวะที่เรียกว่าความทุกข์ อย่างไรก็ดี ในการจัดการกับความทุกข์
บางคนก็สามารถทำได้ดี แต่บางคนกลับอยู่ในวังวนของความทุกข์ อีกหลายคนสามารถหาความสุขได้ในสภาวะวิกฤติด้วยซ้ำ
ทีนี้เรามาดูกัน ว่า มุมมอง แบบไหน ที่น่าจะช่วยให้เพื่อนๆจัดการกับความทุกข์ได้ดีขึ้น
1. หากว่าเราเชื่อว่า ความทุกข์เป็นเรื่องปกติ และ ความสุขต่างหากเป็นเรื่องไม่ปกติ เราก็จะเข้าใจโลกมากขึ้น ในขณะเดียวกันคนที่เข้าใจว่าความสุขคือเรื่องปกติ และความทุกข์คือเรื่องไม่ปกติ อย่างงี้เมื่อเค้าเจอความทุกข์ ก็จะคิดว่า ทำไมต้องทุกข์เหลือเกิน หลักการนี้คล้ายกับศาสนาพุทธที่เชื่อว่าทุกอย่าง ที่ตั้งอยู่จะดับไปในไม่ช้า คิดแบบนี้ก็จะเห็นความเสื่อมเป็นที่ตั้ง และไม่จำเป็นต้องปลง แต่ทำให้เข้าใจธรรมชาติ และหากเทียบไอเดียทางวิทยาศาสตร์ในสิ่งที่เรียกว่า Entropy (มันคือหน่วยการวัดสภาวะสภาพที่ไร้ระเบียบ) ซึ่งมีตัวอย่าง เช่น หากทำแก้วใบนึงแตก นั่นหมายความว่าเราทำให้ Entropy มันมากขึ้น เพราะเราทำให้สิ่งที่เคยเป็นชิ้นเป็นอันเดียวกันเกิดความไร้ระเบียบ ในทางกลับกัน ในโลกมนุษย์หรือแม้แต่จักรวาล เราเชื่อกันว่า แก้วใบนึงซักวันก็ต้องแตก แต่เราจะไม่วันเห็น เศษแก้วเล็กๆค่อยๆมารวมกันกลายเป็นแก้วแล้วอยู่ดีๆตั้งอยู่บนโต๊ะ นั่นหมายความว่า การแตกของแก้วมีทิศทางจาก ปกติเป็นไร้ระเบียบนั่นเอง
Advertisement
Advertisement
2. หากเรามองว่าตัวเราเองเป็นคนไร้ค่า สติปัญญาไม่ดี ความจำก็ไม่เจ๋ง เจ้าอารมณ์ หรืออื่นๆที่เป็นข้อเสีย แต่คุณรู้หรือไม่ว่าหากวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ ต้องการที่จะสร้างตัวเราขึ้นมาซักคนซักคนนึง และเอาที่ฉลาดเท่าเราก็พอ ปัจจุบันนั้นก็ยังสามารถทำไม่ได้อยู่ดีแม้ว่าจะใช้เงินเป็น 100 ล้านบาท ดังนั้นจงรับรู้ว่าอย่างน้อยเราก็มีค่ามากกว่า 100 ล้าน และ การที่เรามาอยู่บนโลกก็เพื่อ เล่นตามบทที่เราอยากเล่นบ้างหรือไม่อยากเล่นบ้างกันไป
3. หากเป็นคนชอบน้อยเนื้อต่ำใจในวาสนา เพราะชอบเปรียบเทียบกับคนอื่น บางคนก็อาจจะแนะนำให้เราไปดูคนที่ด้อยกว่าเราแทน แต่อันที่จริงๆแล้ว มนุษย์มีความเป็นอัตลักษณ์ และความสุขของมนุษย์นั้น มัน Subjective หรือ ขึ้นอยู่กับใจทั้งสิ้น ดังนั้นจงแสวงหาความสบายใจ หรือ คนรุ่นใหม่เค้าเรียกว่า บุญ โดยพาตัวเองไปหาความสบายใจของตัวเอง ซึ่งฝรั่งมักเรียกว่า Passion พุทธองค์อาจเรียกว่า ฉันทะ
Advertisement
Advertisement
4. ความทุกข์นั้น มีความหมายที่เราชอบพูดกันว่าคือ ความทนอยู่ไม่ได้ แต่ที่จริงมันเหมือน แรง มีตึงมีหย่อน ความตึงก็เช่นตอนเดิน ตอนออกกำลังกาย สุดท้ายมันก็ก่อให้เกิดกล้ามเนื้อ ความทุกข์เหล่านี้ผมเรียกเองว่า Necessary Suffering หรือความทุกข์ที่จำเป็น แต่มีอีกความทุกข์นึงเรียกว่า Unncessary Suffering อันนี้คือความทุกข์ที่ไม่จำเป็น อาจเกิดจากความประมาท ความโง่ ความ หลง ดังนั้นทุกขณะที่ใช้ชีวิตให้ลองแบ่งแยกให้ดี เพื่อที่จะจัดการกับแต่ละประเภทอย่างถูกจุด อีกทั้งเราก็รู้ว่าร่างกายสร้าง Necessary Suffering (ความทุกข์ที่จำเป็น)เพื่อรักษาชีวิตเราไว้นั่นเอง
ขอบคุณสำหรับ
ภาพหน้าปก Suffering จาก darksouls1, Pixabay
ภาพที่1 บาดเจ็บ จาก Anemone123, Pixabay
ภาพที่ 2 AI จาก geralt, Pixabay
ภาพที่ 3 Passion จาก Papa Yaw, Pexels
Advertisement
Advertisement
ภาพที่ 4 ชีวิต จาก chanwity, Pixabay
ความคิดเห็น
