ไลฟ์แฮ็ก
4 วิธีรับมือเมื่ออยู่ในวันมรสุมชีวิต
โคนนิจิวะ~~ กลับเจอกันอีกแล้ว นี่เป็นบทความที่ 2 ของเต้ย ในบทความแรกนั้น เต้ยได้พูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ไป มาครั้งนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิธีการเอาตัวรอดในวันที่เราเผชิญกับมรสุมชีวิต
ชีวิตเรามันจะมีอะไรให้ตื่นเต้นอยู่เสมอ บางวันก็ดี๊ด๊ามีความสุขเหลือเกิน บางวันก็เบื่อ ๆ เซ็ง ๆ ไม่อยากทำอะไร และในบางวันขณะที่เรากำลังสนุกอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แล้วจู่ๆก็มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ทำให้เรารับมือไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดอยู่อยู่ตรงหน้า ถ้าเป็นเรื่องดีก็ดีไป แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เราไม่อยากเกิดขึ้นล่ะจะทำยังไงก็ต่อ? สิ่งแรกที่ต้องทำคือการยอมรับความจริงก่อนว่ามันได้เกิดขึ้นจริง ๆ แล้ว จากนั้นให้ทำตามคำแนะนำของเต้ยทั้ง 4 ข้อนี้
1.มีทัศคติที่ดี
การที่เรามีทัศคติที่ดีจะทำให้เรามีชีวิตที่มีความสุขมากขึ้นต่อให้เราต้องเจอเรื่องที่เลวร้ายมากแค่ไหนก็ตาม การที่เรามีทัศคติที่ดีมันเป็นพลังบวกที่จะช่วยดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาหาเรา ก็เพราะว่าความคิดความรู้สึกของเรามีผลต่อทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ ถ้าเรายังเป็นคนขี้โมโห อ่อนไหวง่าย เจออุปสรรคนิด ๆ หน่อย ๆ ก็รู้สึกแย่ละ ท้อใจไม่อยากทำต่อ แล้วเมื่อไหร่เราจะผ่านเรื่องเลวร้ายไปได้?
Advertisement
Advertisement
2.ฝึกให้กำลังใจตัวเอง
เป็นสิ่งที่ง่ายที่สุดแต่เต้ยเชื่อว่าหลาย ๆ คนกลับมองข้ามไป เวลาใครต่อใครมีปัญหา เราให้คำแนะนำ ให้กำลังใจเขาได้เสมอ แต่พอเป็นเรื่องตัวเองกลับทำอะไรไม่ได้เลย น่าแปลกใจยิ่งนัก ให้เราอยู่กับตัวเองสักวันละ 5-10 นาทีแล้วเอาจิตใจ ความรู้สึกถอยออกสักก้าว มองตัวเองเป็นเพื่อนคน ๆ หนึ่งที่กำลังประสบปัญหาชีวิตแล้วจากนั้นพูดในสิ่งที่เราอยากบอก อยากให้กำลังใจเพื่อนคน ๆ นี้ หรืออาจจะนั่งอยู่หน้ากระจกก็ได้แล้วมองดูตัวเองในกระจกจากนั้นก็พูดคุยกับคนในกระจกซะ
มีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ มาฝาก หมั่นขอบคุณตัวเองทุก ๆ วันก่อนเข้านอน ‘ขอบคุณนะที่ผ่านวันนี้มาได้’ ‘ขอบคุณนะที่ใจยังสู้’ ‘ขอบคุณนะที่เหนื่อยมาด้วยกัน’ //อยากขอบคุณในเรื่องอะไรก็พูดบอกไป ไม่ต้องเขินอาย ไม่มีใครเห็นแล้วหาว่าเราบ้าหรอก และเขียนความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราทำสำเร็จในวันนี้ เช่น ‘ไม่ไปทำงานสาย’ ‘ได้รับคำชมจากหัวหน้า’ ‘ซื้อลูกชิ้นให้น้องหมากิน’ ‘ได้ดูซีรีส์ที่อยากดูมานาน’
Advertisement
Advertisement
ให้เราหันกลับมาสนใจสิ่งที่เรามีก่อนถึงแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งเล็ก ๆ ก็ตาม ภูมิใจและดีใจกับสิ่งที่เรามีอยู่ เห็นคุณค่าของมันให้มากขึ้น บางทีการที่เราดีใจกับสิ่งที่เรามีมากขึ้น สิ่งที่เรากำลังเป็นบ้าเป็นบออยู่อาจจะไม่มีความสำคัญอะไรเลยก็ได้
3.ไม่จมอยู่กับมัน
การที่เรายึดติดอยู่กับสิ่งใดนานๆ ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความทุกข์ก็ไม่ดีทั้งนั้น เพราะสิ่งที่เข้ามากระทบเราเมื่อถึงเวลามันก็ไป ไม่มีอะไรคงอยู่กับเราตลอดกาล รีบหาทางออกซะ อย่ามัวแต่นอนจมอยู่กับมัน เต้ยว่าหลายคนคงรู้ทางออกของเรื่องนั้น ๆ อยู่แล้วแหละ แต่เราดันคิดมากวิตกกังวลเกินไป มันเลยทำให้สมองตันและเกิดความสับสนทางความคิด หรือบางทีเราอาจจะหาที่ปรึกษาสักคนที่เราไว้ใจ เชื่อใจเค้าได้ เพื่อนเอย พี่น้องเอย ในการเลือกที่ปรึกษานั้นเราต้องดูด้วยว่าคนที่เราจะไปปรึกษาเค้ามีความคิดยังไง เป็นด้านบวกหรือเปล่า จะสามารถให้คำแนะนำเราได้มั้ย ถ้าเราดันไปปรึกษาคนที่มีทัศคติลบจากจะดีขึ้นก็ดันแย่ลง มิหนำซ้ำ ทำให้เราเป็นหนักกว่าเดิมอีก ถ้ามีทุนขึ้นมาหน่อยก็ไปหาโค้ชหรือนักจิตวิทยาซะ
Advertisement
Advertisement
4.มองให้มันเป็นเกม
ในเกม ๆ หนึ่งยิ่ง Level สูงเท่าไหร่ ความยากของเกมยิ่งมากขึ้นเท่านั้น การที่เราจะผ่านด่านไปได้ต้องอาศัยเลือดกำลัง อาวุธ ทักษะความสามารถ เกราะป้องกันและไหวพริบที่มากขึ้นตามไปด้วย นั่นแหละเกมชีวิตก็เหมือนกัน การที่เราจะผ่านเหตุการณ์วันที่ร้าย ๆ ไปได้เราต้องมีกำลัง ทักษะความสามารถ ภูมิคุ้มกัน และไหวพริบ ถ้าหากเรายังขาดเหลือหรือมีสิ่งใดไม่มากพอ ก็ไปเติมเต็มในส่วนนั้นซะ แล้วเราจะผ่านมันไปได้
การที่เรามองมันเป็นเกมมันจะทำให้เราสนุก รู้จักการใช้ความรู้ความสามารถ เล่นแบบนี้ไม่ผ่านเราก็เปลี่ยนรูปแบบการเล่นใหม่ แต่จงจำไว้อย่างหนึ่งว่าในโลกของเกมมันมีหลายชีวิต แต่โลกความเป็นจริงเรามีชีวิตแค่ชีวิตเดียว ก่อนที่จะทำไรลงไปให้คิดอย่างรอบครอบก่อน ถ้าตายแล้วคือตายเลย
ถ้าหากใครกำลังเจอกับมรสุมอยู่ไม่ว่าจะเรื่องงาน การเงิน ความรัก หรืออะไรก็แล้วแต่เต้ยขอให้ทุกคนผ่านพ้นมันไปได้ด้วยดีน้า ขอให้เราสู้อีกสักนิดเข้มแข็งอีกสักหน่อยเดี๋ยวสักวันมันจะเป็นวันของเรา
素敵な一日を過ごして下さい ,, อิสรินทร์
ชีวิตมันพัฒนาตรงที่ได้เคลื่อนไหวนี่แหละ ฉะนั้นอย่าไปกลัวถ้ามันจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง #jiradt
ความคิดเห็น
