ไลฟ์แฮ็ก

5 ปัจจัยสำคัญในการทำวิจัยให้สำเร็จ

3.3k
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
5 ปัจจัยสำคัญในการทำวิจัยให้สำเร็จ

         การศึกษาระดับชั้นอุดมศึกษา จะมีวิชาการทำวิจัยเป็นวิชาบังคับลงทะเบียน  เพื่อให้ผู้เรียนนำความรู้ทั้งหมดมาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหา ฝึกการคิด วิเคราะห์อย่างเป็นระบบ สามารถสำเร็จการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังเตรียมความพร้อมก่อนการประกอบอาชีพในอนาคต การทำวิจัยอาจเป็นเรื่องหนักใจสำหรับผู้เรียนหลายท่านเนื่องจากต้องทำวิจัยภายในขอบเขตเวลาที่จำกัด และหากทำวิจัยไม่ผ่านต้องลงทะเบียนเรียนใหม่อีกครั้ง และสำเร็จช้ากว่าเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกัน ดังนั้นจึงขอเสนอแนะ 5 ปัจจัยสำคัญในการทำวิจัยให้สำเร็จ ดังนี้

1. กำหนดหัวข้องานวิจัยให้ชัดเจน ผู้ทำวิจัยต้องติดต่อกับอาจารย์ที่ปรึกษาให้ชัดเจนเกี่ยวกับรายละเอียดหัวข้อการทำวิจัยให้เรียบร้อย โดยต้องได้รับความเห็นชอบของอาจารย์ที่ปรึกษา ซึ่งในบางมหาวิทยาลัยนั้นจะกำหนดให้มีการนำเสนอโครงร่างงานวิจัย (Proposal) ให้แล้วเสร็จก่อน เมื่อนำเสนอผ่านแล้วจึงเริ่มทำวิจัยได้ ทั้งนี้หัวข้องานวิจัยที่ดีนั้นควรเป็นปัญหาที่ผู้ทำวิจัยมีความถนัด สนใจ หรือเป็นเนื้อหาการเรียนการสอนซึ่งเรียนแล้วเข้าใจมากที่สุด จะทำให้ประยุกต์เนื้อหามาแก้ปัญหางานวิจัยได้

Advertisement

Advertisement

https://onscene-prod.s3-ap-southeast-1.amazonaws.com/files/styles/body_image_480w/public/inline-images/1_540.jpg?itok=J_f1f4RX

Advertisement

Advertisement

>                                                                                       ภาพโดย Pexels จาก Pixabay

2. เตรียมข้อมูลให้พร้อม ข้อมูลการวิจัยเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่ง หากผู้ทำวิจัยมีข้อมูลงานวิจัยที่พร้อมซึ่งอาจเป็นข้อมูลจากสถานที่ปฏิบัติงานของผู้ทำวิจัย หรือข้อมูลเก่าที่สามารถจัดหาได้ จะทำให้วิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และควรศึกษาข้อมูลเพื่อให้เข้าใจข้อมูลอย่างลึกซึ้ง จะช่วยให้ผู้วิจัยทราบแนวโน้มข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์ได้ถูกต้อง เช่น การทราบพฤติกรรมข้อมูลจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่จะสูงสุดช่วงเดือนธันวาคม ก็จะทำให้คาดการพยากรณ์ได้ว่าลักษณะข้อมูลมีความเป็นฤดูกาล และเดือนธันวาคมปีถัดไปนักท่องเที่ยวน่าจะเดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่จำนวนมากเช่นเดียวกัน 

Advertisement

Advertisement

sizes="100vw" data-srcset="https://trueid-slsapp-storage-prod.s3-ap-southeast-1.amazonaws.com/partner_files/trueidintrend/31354/2_557.jpg?w=480 480w, https://trueid-slsapp-storage-prod.s3-ap-southeast-1.amazonaws.com/partner_files/trueidintrend/31354/2_557.jpg?w=640 640w, https://trueid-slsapp-storage-prod.s3-ap-southeast-1.amazonaws.com/partner_files/trueidintrend/31354/2_557.jpg?w=1200 1200w, https://trueid-slsapp-storage-prod.s3-ap-southeast-1.amazonaws.com/partner_files/trueidintrend/31354/2_557.jpg?w=1600 1600w" alt="https://onscene-prod.s3-ap-southeast-1.amazonaws.com/files/styles/body_image_480w/public/inline-images/2_557.jpg?itok=1iHp6A9z" >                                                                                     ภาพโดย Pexels จาก Pixabay

3. เลือกเครื่องมือในการวิเคราะห์ ผู้ทำวิจัยควรเข้าพบอาจารย์ที่ปรึกษา พร้อมกับเลือกเครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลงานวิจัยให้เรียบร้อย ซึ่งอาจารย์ที่ปรึกษาบางมหาวิทยาลัย และการศึกษาในระดับชั้นปริญญาโทและปริญญาเอก อาจารย์อาจไม่แนะนำเครื่องมือแก่นักศึกษา โดยให้ไปค้นคว้าด้วยตนเองและมานำเสนออาจารย์ที่ปรึกษาอีกครั้ง ซึ่งเครื่องมือในปัจจุบันก็มีหลายอย่างเพื่อสนับสนุนผลการวิจัยให้ถูกต้อง เช่น SPSS เป็นโปรแกรมหาค่าทางสถิติ วัดผลระดับความเชื่อมั่นในการยอมรับผลการทำวิจัย (P-Value) งานวิจัยส่วนใหญ่ต้องมีการอ้างอิงค่านี้เสมอ  Excel เป็นโปรแกรมที่เกี่ยวกับการคำนวณ สามารถประยุกต์ใช้กับการสร้างตัวแบบทางคณิตศาสตร์ (Math Model) เพื่อหาคำตอบโดยใช้ฟังก์ชัน Excel Solver ทั้งยังสามารถสร้างค่าพยากรณ์ล่วงหน้าในอนาคตเหมาะสำหรับผู้ทำวิจัยในหัวข้อเรื่องเกี่ยวกับการพยากรณ์ยอดขายเพื่อวางแผนการสั่งซื้อสินค้ามาเก็บไว้  โปรแกรม R ใช้สำหรับการวิเคราะห์ทางสถิติมีความสะดวกในการใช้งานเพียงแค่พิมพ์คำสั่งในโปรแกรม ก็จะได้ผลลัพธ์ตามต้องการ และโปรแกรม Tableau เป็นโปรแกรมสำหรับวิเคราะห์ข้อมูลที่มีปริมาณมาก และขนาดใหญ่ (Big Data) สามารถเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นภาพ (Visualization) ได้อย่างสวยงาม เป็นต้น

https://onscene-prod.s3-ap-southeast-1.amazonaws.com/files/styles/body_image_480w/public/inline-images/%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%88.jpg?itok=l3vN14ZC                                                                                                  ภาพโดยผู้เขียน 

4. กำหนดขอบเขตการดำเนินการวิจัย ผู้ทำวิจัยต้องกำหนดของเขตการทำวิจัยให้มีความชัดเจน เลือกพื้นที่ศึกษา กลุ่มประชากร เป้าหมาย และวัตถุประสงค์ของการวิจัย เพื่อที่จะสามารถดำเนินการวิจัยได้ตรงตามโจทย์ปัญหาการวิจัย ทั้งนี้ขอบเขตงานวิจัยยังหมายความรวมถึงระยะเวลาการดำเนินวิจัยด้วย โดยต้องมีการกำหนดระยะเวลาให้แน่ชัด ถ้าสามารถทำเป็นตารางกรอบระยะเวลาได้จะทำให้บริหารจัดการและวางแผนเรื่องเวลาได้ตามเป้าหมาย ซึ่งในบางมหาวิทยาลัยต้องมีการนำเสนอรายงานความก้าวหน้างานวิจัยทุกเดือน ดังนั้นเพื่อให้สามารถรายงานความก้าวหน้าได้ผู้วิจัยจึงต้องจัดทำตารางกรอบเวลาวิจัยนอกจากนี้ตารางเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งซึ่งมีส่วนในการสำเร็จการศึกษาของผู้ทำวิจัย โดยเฉพาะการเลือกทำวิทยานิพนธ์ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมาก รายละเอียดเยอะกว่าการค้นคว้าอิสระ ผู้ทำวิจัยจึงต้องกำหนดระยะเวลาการทำวิจัยกับอาจารย์ที่ปรึกษาให้แน่นอน

https://onscene-prod.s3-ap-southeast-1.amazonaws.com/files/styles/body_image_480w/public/inline-images/4_454.jpg?itok=5_WffWCt                                                                               ภาพโดย Bruno Glätsch จาก Pixabay

5. พบอาจารย์ที่ปรึกษาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรายงานความก้าวหน้าตลอดจนปัญหาที่พบระหว่างการทำการวิจัย ในบางครั้งเมื่อได้ผลการวิจัยแล้วหากอาจารย์ที่ปรึกษาของผู้ทำวิจัยไม่ยอมรับผลการวิจัย จะได้ปรับแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที อาจเปลี่ยนเครื่องมือการวิเคราะห์ หรือเลือกใช้ข้อมูลอื่นเพื่อนำมาวิเคราะห์ต่อไป ทั้งนี้การพบอาจารย์ที่ปรึกษาอย่างสม่ำเสมอยังเป็นการทวนเนื้อหางานวิจัย ให้ทราบถึงขั้นตอนรายละเอียด วิธีการดำเนินงานวิจัย ก่อให้เกิดงานวิจัยที่มีคุณภาพ และมีความมั่นใจในการตอบคำถามกรรมการสอบวิทยานิพนธ์หรือกรรมการสอบค้นคว้าอิสระอีกด้วย

https://onscene-prod.s3-ap-southeast-1.amazonaws.com/files/styles/body_image_480w/public/inline-images/5_386.jpg?itok=NNWTk8It                                                                                 ภาพโดย Free-Photos จาก Pixabay

      5 ปัจจัยสำคัญข้างต้นจึงเป็นแนวทางให้ผู้วิจัยประสบความสำเร็จ สามารถวิเคราะห์แก้ปัญหาได้ ลดความเครียด และสำเร็จการศึกษาด้วยความภาคภูมิใจ เหนือสิ่งอื่นใดผู้วิจัยต้องมีความตั้งใจ พากเพียรพยายาม เมื่อเจอกับปัญหาระหว่างการวิจัยอย่าได้ท้อถอย ให้ใช้สติค่อย ๆ ทบทวนหาข้อผิดพลาดด้วยตนเองก่อน หากติดขัดไม่สามารถแก้ด้วยตนเองก็ยังมีเพื่อนร่วมชั้น รุ่นพี่ และอาจารย์ที่ปรึกษาคอยช่วยเหลือให้คำแนะนำ สำคัญอยู่ที่ความมุ่งมั่นตั้งใจของผู้วิจัยจะทำให้งานสำเร็จ บรรลุวัตถุประสงค์ ดังคำกล่าวของขงเบ้ง “เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย เพราะเชี่ยวชาญมิใช่เพราะโอกาส เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย ดังนี้แล้ว ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์