ไลฟ์แฮ็ก

5 เคล็ดลับ 'คุยอย่างไร' ให้อีกฝ่ายรู้สึกดี จากหนังสือขายดีของประเทศญี่ปุ่น

517
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
5 เคล็ดลับ 'คุยอย่างไร' ให้อีกฝ่ายรู้สึกดี จากหนังสือขายดีของประเทศญี่ปุ่น

สวัสดีค่าา กลับมาเจอกันอีกครั้งวันนี้ในหัวข้อ เคล็ดลับ 'คุยอย่างไร' ให้อีกฝ่ายรู้สึกดี จากหนังสือขายดีของประเทศญี่ปุ่น เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะเคยพบกับอุปสรรคของการสนทนา หรือ การจับใจความ ทั้ง ๆ ที่สำหรับใครบางคนอาจจะดูเป็นเรื่องง่ายแสนง่าย แต่กับบางคนกลับเป็นเรื่องที่ยากเสียเหลือเกิน ทั้งคิดไม่ออกว่าจะชวนคุยเรื่องอะไร แล้วไหนจะอาการประหม่าในการพูดคุยกับคนแปลกหน้า หรือการพูดในที่สาธารณะ วันนี้เราได้หยิบยกหนังสือเล่มหนึ่งที่ชื่อว่า "ทำไมคุยกับคนนี้แล้วรู้สึกดีจัง" หนังสือขายดีของประเทศญี่ปุ่นที่เขียนโดย คุณโยชิดะ ฮิซะโนะริ นักจัดรายการวิทยุชื่อดังของญี่ปุ่น พร้อมสรุปย่อยเทคนิคที่น่าสนใจจากหนังสือเล่มนี้มาให้อ่านกัน หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังเจอปัญหานี้อยู่นะคะ


ปัญหาที่ 1: ไม่กล้าสบตากับคู่สนทนา

Advertisement

Advertisement

วิธีแก้:

เชื่อว่าหลายคนต้องประสบปัญหานี้ เวลาพูดคุยกับคู่สนทนาทีไรไม่รู้จะมองไปตรงไหนดี ทั้งประหม่า ตื่นเต้น บางทีก็เขิน แบบนี้ยิ่งทำให้เราเสียอาการไปกันใหญ่ ในหนังสือเล่มนี้ได้แนะนำไว้ว่า การสบตาคู่สนทนานั้นถือเป็นความท้าทายรูปแบบหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องสบตาตลอดเวลา เราอาจจะสบตากับคู่สนทนาในช่วงที่เราเป็นฝ่ายพูด หรืออีกเทคนิคหนึ่งก็คือ การเบี่ยงเบนจุดวางสายตาไปยังที่จมูกของคู่สนทนาแทน แบบนี้ก็ได้ผลดีไม่แพ้กัน อาจจะลองนำเทคนิคนี้ไปปรับใช้ดูได้ในการสนทนาครั้งต่อไป

2ที่มารูปภาพ: https://unsplash.com/photos/F9DFuJoS9EU


ปัญหาที่ 2: ไม่รู้จะคุยอะไรดี

วิธีแก้:

อีกหนึ่งปัญหาโลกแตกอันดับสองรองจาก วันนี้กินอะไรดี ก็คือ ฉันจะชวนคุยอะไรดีเนี่ย? เพราะสำหรับมนุษย์ที่พูดไม่เก่งอย่างเรา ๆ แล้วนั้น การชวนคนแปลกหน้า หรือ คนที่ไม่สนิทคุยนั้นมันยากยิ่งกว่าให้เขียนเรียงความส่งอาจารย์เสียอีก คุณโยชิดะ ได้ให้เทคนิคดี ๆ สำหรับปัญหานี้ไว้ว่ามีหัวข้อพื้นฐานทั่วไปที่สามารถหยิบยกนำมาพูดคุยได้ดีนั่นก็คือ สภาพอากาศ งานอดิเรก การเดินทาง สุขภาพ อาหาร และ ข่าวสาร เป็นต้น โดยการเริ่มต้นการสนทนานั้นควรจะอยู่ในรูปแบบของประโยคคำถามที่สุภาพ และแสดงให้เห็นถึงความสนใจที่เรามีให้กับคู่สนทนา ที่สำคัญคำถามนั้นต้องเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับคู่สนทนามากกว่าการกลับมาโฟกัสที่เรื่องของตัวเอง อย่าลืมรู้จักชื่นชม เออออตามบ้าง เพื่อให้การสนทนาราบรื่นยิ่งขึ้น

Advertisement

Advertisement

1ที่มารูปภาพ: https://unsplash.com/photos/7s3biR6HATU


ปัญหาที่ 3: ไม่กล้าพูดคุยกับใครเพราะกลัวโดนล้อ

วิธีแก้:

ปัญหานี้หลายคนอาจจะเจออยู่กับตัว แต่ก็ไม่กล้าที่จะบอกใครถึงสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เรากลายเป็นคนเงียบขรึม ไม่อยากคบค้าสมาคมหรือพูดคุยกับใครมากนัก เพราะกลัวว่าตัวเองจะถูกล้อหากทำ หรือ พูดอะไรเปิ่น ๆ ออกไป ในหนังสือเล่มนี้ก็ได้ให้ข้อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า วิธีแก้ที่ดีที่สุดคือการปรับเปลี่ยนทัศนคติของการโดนล้อเสียใหม่ ให้มองว่าคนคนนั้นอาจจะรู้สึกสนิทสนมกับคุณมากพอและอยากเป็นเพื่อนกับคุณก็ได้ สำหรับเราแล้วนี่ก็เป็นวิธีคิดในเชิงบวกที่ช่วยให้เรามีความสุขและมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นอยู่เหมือนกันนะ

4ที่มารูปภาพ: https://unsplash.com/photos/nuis4wZYpyo


ปัญหาที่ 4: เดาสถานการณ์ไม่ถูก ยิงมุกผิดเวลา

Advertisement

Advertisement

วิธีแก้:

เคยเป็นกันไหมคะ ช่วงเวลาที่ไม่ควรแต่เรา หรือ คนใกล้ตัวดันยิงมุกสุดเห่ยออกไป นอกจากจะขำไม่ออกแล้ว อาจจะทำให้คู่สนทนาเดือดปุด ๆ หรือ เกลียดขี้หน้าไปเลยอีกด้วย นี่น่าจะเป็นปัญหาคลาสสิกที่ต้องใช้การฝึกฝนมากหน่อย แต่ในเล่มนี้ก็มีการบอกเทคนิคดีๆไว้เหมือนกันค่ะ นั่นคือ เราต้องปรับอารมณ์ของตัวเองให้กลมกลืนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ แต่ถ้าหากว่าเดาไม่ออกจริง ๆ ว่าอารมณ์ตอนนั้นของคู่สนทนา หรือ คนรอบ ๆ เป็นอย่างไร ให้รู้จักสังเกตอาการ ภาษากาย หรือ คำพูด ที่หลุดออกมา อาจจะเป็นสัญลักษณ์ที่กำลังบ่งบอกถึง สภาวะบรรยากาศ ในตอนนั้นอยู่ก็เป็นได้

5ที่มารูปภาพ: https://unsplash.com/photos/LxEsi17Au6U


ปัญหาที่ 5: ไม่รู้ว่าทำไมคุยกับใครแล้วเขาก็ไม่ชอบ

วิธีแก้:

ปัญหาสุดท้ายของวันนี้ที่อยากนำมาแชร์คือ ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าทำไมคุยกับใครก็ไม่ประสบความสำเร็จ หรือทำไมเขาถึงไม่ชอบเรา (อันนี้หมายถึงทุกรูปแบบของความสัมพันธ์นะคะ) ก่อนอื่นเราต้องสำรวจตัวเองก่อนเลยว่าระหว่างการสนทนาคุณมีนิสัยแบบนี้หรือไม่?  โกหก โอ้อวด ขัดคอ หากมีหนึ่งในสามนี้ล่ะก็ถึงเวลาที่จะต้องปฏิวัติตัวเองเสียใหม่แล้ว อย่าง การโกหก นั้น รวมไปถึงการปรุงแต่ง ใส่อารมณ์เกินจริง (แต่ไม่เนียน) ทำให้เราดูเป็นคนไม่น่าเชื่อถือ เช่น คู่สนทนาถามว่าอร่อยไหม แล้วเราก็เล่นใหญ่รัชดาลัยกลับไปว่าอร่อยมาก แต่แอ็คติงเป็นศูนย์ แบบนี้ใครก็เสียความรู้สึก ส่วนการคุยโม้โอ้อวดนั้น อาจจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่ก็ต้องฝึกในการฟังให้มากขึ้น อย่าอวดรู้ อวดดี อวดเก่งไปเสียหมด และสุดท้ายหากคุณมีนิสัยชอบ ขัดจังหวะ คนอื่น อาจจะไม่ได้ตั้งใจก็ตามที แต่มันก็อาจทำให้เกิดความรำคาญกับคู่สนทนาได้

6ที่มารูปภาพ: https://unsplash.com/photos/VTE4SN2I9s0


จบไปแล้วค่ะกับ 5 เคล็ดลับดีๆเพื่อเติมเต็มให้การสนทนาครั้งต่อไปของคุณประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น ครั้งต่อไปจะนำหนังสือเล่มไหนมาเล่าให้ฟังอีกนั้นรอติดตามกันเร็วๆนี้นะคะ รับรองว่ามีประโยชน์แน่นอนค่ะ :)

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์