ไลฟ์แฮ็ก
5 เทคนิคการปฏิเสธแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น

การที่มีคนมาขอความช่วยเหลืออะไรสักอย่างแล้วเราจะตอบว่า "ไม่" นั้นมันพูดออกมายากเหลือเกิน แม้ว่าเราจะรีบกลับบ้านอย่างไรก็ตามหรืองานของตัวเองจะกองท่วมหัวขนสูงเท่าคอนโด 40 ชั้นไปแล้ว แต่สิ่งที่เราจะตอบกลับไปได้ก็คือ ค่ะ!! ได้ค่ะ เพราะการตอบปฎิเสธใครนั้นยากเหลือเกิน ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี เพราะเดี๋ยวจะมีเรื่องกระทบกระทั่งกันเสียเปล่า ๆ ดังนั้นเราควรที่จะมาเรียนรู้สกิลการปฎิเสธอย่างมีศิลปะเป็นคำตอบที่มีชั้นเชิงและสามารถถนอมน้ำใจกันอย่างเต็มที่
ในหนึ่งวันนั้นเราไม่สามารถที่จะรู้เลยว่าจะมีเรื่องราวอะไรที่จะเข้ามาทำให้ชีวิตของเรานั้นวุ่นวายมากยิ่งขึ้นไปอีกกว่าทุกวันหรือเปล่า ปัญหาร้อยแปดพันเก้าที่เป็นของคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นคนใกล้ตัวหรือเพื่อนร่วมงานจะต้องมีเรื่องอะไรที่เข้ามาทำให้เรารู้สึกลำบากใจในการตอบปฏิเสธอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการที่เรานั้นเรียนรู้วิธีที่จะสามารถปฎิเสธคำชักชวน หรือคำขอร้อง อะไรที่กำลังจะเข้ามาทำให้เราลำบากใจถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
Advertisement
Advertisement
บางครั้งเราก็ควรปฎิเสธคนอื่นบ้าง เพราะไม่อย่างนั้นคนที่เป็นทุกข์มากที่สุดอาจจะเป็นเราก็ได้
ขอขอบคุณภาพจาก unsplash
1. เข้าใจและเรียนรู้ความแตกต่างระหว่าง "ทำไม่ได้" กับ "ไม่อยากทำ"
หลายคนมากที่ไม่กล้าปฎิเสธเวลามีคนมาข้อร้องให้ช่วยเพราะว่ารู้สึก "เกรงใจ" แต่ถ้าหากคุณช่วยเขาและตัวคุณเองมีปัญหามันก็คงจะไม่คุ้มกันใช่ไหมหละ เช่น มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งมาขอให้คุณช่วยงานหลังเลิกงาน แต่ตัวคุณต้องไปขึ้นรถเที่ยวสุดท้ายตอน 18.30 น. ถ้าไม่กลับก็คือกลับบ้านไม่ได้ คุณก็ต้องปฎิเสธถูกต้องไหม การปฎิเสธที่เป็นการรักษาน้ำใจมากที่สุดก็คือคุณต้องพูดตรง ๆ อย่าโกหกเพื่อนร่วมงาน บอกไปตรง ๆ ว่า วันนี้ฉันคงช่วยงานคุณไม่ได้ เพราะต้องรีบไปขึ้นรถเที่ยวสุดท้ายเวลา 18.30 น. ถ้าหมดรอบนี้ฉันจะไม่สามารถกลับได้ ดังนั้นขอโทษจริง ๆ แต่ถ้าครั้งหน้ามีอะไรที่ช่วยได้ฉันจะช่วยเต็มที่เลยค่ะ
Advertisement
Advertisement
- สิ่งที่คุณต้องพูดให้หนักแน่นก็คือคุณ "ทำมันไม่ได้จริง ๆ" บอกเหตุผลที่แท้จริงไปไม่ต้องปิดบังหรือโกหก ถ้ามันเป็นเรื่องสำคัญและเป็นเรื่องที่รับได้ทุกคนย่องเข้าใจคุณอยู่แล้ว
- พูดขอโทษไปพร้อมกับแสดงประโยคบ่งบอกถึงน้ำใจของเรา เช่น ถ้าครั้งหน้าไม่ติดธุระอะไรจะช่วยทำแน่นอน ถ้าครั้งหน้ามีอะไรที่ช่วยได้จะช่วยเต็มที่ ฯลฯ บ่งบอกเขาว่าถ้าเราช่วยได้จะช่วยแน่นอนเพียงเท่านี้ก็จะไม่มีเรื่องบาดหมางหรือเรื่องที่ทำให้ไม่พอใจกันอย่างแน่นอน
2. ปฎิเสธโดยไม่ต้องพูดคำว่า "ไม่" พร้อมแนะนำสิ่งที่จะสามารถช่วยเหลือได้
ขอขอบคุณภาพจาก unsplash
บางครั้งเวลามีคนมาขอความช่วยเหลือแล้วคุณรู้สึกขี้เกียจเหลือเกิน แต่ถ้าจะพูดว่าขี้เกียจทำไปตรง ๆ มันก็คงจะมองหน้ากันไม่ติดอย่างแน่นอน และถ้าจะให้พูดว่า "ไม่" มันก็คงจะกระทบใจคนที่ขอให้ช่วยและก็คงมีเรื่องบาดหมางกัน ดังนั้นให้เราตัดคำว่า "ไม่" ออกไปจากประโยคของเรา แล้วปฏิเสธแบบอ้อม ๆ พร้อมกับแนะนำคนที่จะให้เราช่วยไปหาที่ ๆ จะทำสิ่งที่ให้ข่วยได้ออกมาดีกว่าเรา เช่น ถ้ามีคนมาปรึกษาเราเรื่อง ให้ช่วยทำงานวิจัย แต่เผอิญตัวคุณเรียนศิลปะมาและไม่มีความรู้ที่จะทำงานวิจัยจริง ๆ คุณอาจจะแนะนำคนที่ขอความช่วยเหลือจากคุณให้ไปถามผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ จะดีกว่า เพราะมันคงดีกว่าคุณไปช่วยแล้วทำงานของเขาพังจนิงไหม
Advertisement
Advertisement
3. พูดแสดงถึงความไม่ว่างของเรา บอกปฎิเสธแบบอ้อม ๆ
การพูดปฏิเสธโดยอ้างว่าไม่ว่าง หรือติดธุระ คงเป็นคำปฏิเสธที่หลายคนมักใช้กับเพื่อนหรือคนที่สนิท อย่างเช่น เมื่อมีเพื่อนมาขอให้เราไปเที่ยวด้วย แต่ต้องกลับตี 3 แล้วเราต้องทำงาน 9 โมง ดังนั้นเราก็ไปไม่ได้แน่ ๆ อยู่แล้ว แต่ถ้าจะบอกเพื่อนว่าไม่ไปเฉย ๆ ก็คงจะโดนด่ากันยาว ๆ ดังนั้น คุณอาจจะพูดว่าช่วงนี้งานฉันยุ่งมากเลย ต้องขอดูเวลาที่แน่ชัดก่อน แล้วยังไงจะบอกอีกทีนะ แล้วก็แยกย้ายไป การตอบคลุมเครือว่าจะไปไม่ไปแบบนี้ก็สามารถที่จะทำให้เราไม่โดนเพื่อนด่าได้ และเมื่อถึงเวลาจริง ๆ เราไม่ไปเพื่อนก็คงจะรู้เอง
4. ปฏิเสธแบบจริงใจและให้ความเคารพ
ขอขอบคุณภาพจาก unsplash
ถ้ามีคนที่อายุมากกว่ามาขอให้คุณช่วย เชื่อเถอะว่าแทบจะทุกคนต้องน้ำท่วมปากอย่างแน่นอน ไม่รู้จะพูดปฎิเสธออกไปอย่างไร แต่ถ้าสิ่งที่เขานั้นพยายามให้คุณช่วยเป็นสิ่งที่คุณไม่สามารถทำให้ได้จริง ๆ คุณควรจะปฎิเสธไปตรง ๆ ด้วยถ้อยคำที่จริงใจ ถ้าเขาเป็นผู้ใหญ่และโตกว่าจริง ๆ เขาต้องเข้าใจและเคารพในคำพูดของคุณ แต่ถ้าเขาไม่เข้าใจและหาเรื่องต่อว่าคุณนั้นหมายความว่าเขาไม่มีความเป็นผู้ใหญ่และตัวคุณเองก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องเคารพอะไรเขาอีกต่อไปแล้วเหมือนกัน
5. ถ้าปฎิเสธไม่ได้...ให้ลองตั้งคำถามกลับไปแทน
บางครั้งเมื่อเราเจอกับสถานการณ์ที่บีบบังคับ เรามักจะเผลอหลุดปากรับคำไปแล้วก็ต้องมานั่งทำงานงก ๆ แม้งานที่ทำนั้นอาจจะเป็นงานที่เราไม่ถนัดเลยก็ตาม ดังนั้นเมื่อเราได้รับมอบหมายงานที่เราไม่มีประสบการณ์ หรือเราไม่ถนัด เราสามารถที่จะตั้งคำถามกลับไปได้ เช่น พี่คะ ฉันว่างานตรงนี้ฉันไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ พี่พอจะมีแนวทางคำแนะนำ หรือคนที่ถนัดในด้านนี้บ้างไหมคะ ฉันอยากได้คำแนะนำหน่อยค่ะ พอคนที่สั่งงานเราเห็นเราไม่ค่อยมั่นใจในการทำงานชิ้นนี้ตัวเขาเองก็อาจจะคล้อยตามและมอบหมายงานนี้ให้คนที่ทำได้ดีกว่าเราก็ได้ ถือเป็นการปฎิเสธที่ไม่มีคำว่า "ไม่" อยู่ในประโยคเลย
การปฎิเสธถือเป็นเรื่องปกติที่เราทุกคนนั้นสามารถที่จะทำได้เมื่อตัเราเองไม่พร้อมที่จะทำสิ่งที่มีคนขอให้ช่วย ดังนั้นตัวคุณเองสามารถที่จะปฏิเสธมันเพื่อตัวของคุณเอง เพราะการที่เราไปรับปากแล้วทำงานให้เขาออกมาได้ไม่ดีมันจะยิ่งแย่ลงไปมากกว่าปฏิเสธอย่างแน่นอน
ขอขอบคุณภาพหน้าปกจาก https://www.canva.com/
ความคิดเห็น






