ไลฟ์แฮ็ก

6 วิธีที่ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ไม่มึนงงระหว่างวัน

1.4k
คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
6 วิธีที่ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง ไม่มึนงงระหว่างวัน

วิธีเตรียมตัวเองให้พร้อมเสมอในเช้าวันใหม่เพื่อให้พลังงาน ความคิด สมองและร่างกาย ได้ใช้งานอย่างเต็มที่ไม่มีปัญหาอะไรตั้งแต่เช้าจนจรดเย็น เราจึงจำเป็นที่ควรดูแลตัวเองและขจัดสิ่งที่จะทำให้เรารู้สึกไม่สดใสทิ้งไป ให้ทุกอย่างที่เราจะเริ่มทำ ไม่ว่าจะเรียนหรือทำงานในวันนั้น ๆ มีแค่ความสดชื่นสบายใจ ปลอดโปร่ง และรับผิดชอบหน้าที่ได้ไม่ขาดตกบกพร่องมีประสิทธิภาพ

1. พักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอถือเป็นเรื่องสำคัญหนึ่งของวัยทำงานหรือทุกวัยที่ต้องใช้ทั้งแรงกายแรงใจ รวมทั้งสมองและความคิดในการสร้างสรรค์ รับผิดชอบหน้าที่ในส่วนต่าง ๆ การมีความสดชื่นแจ่มใสในทุกวัน จากการนอนหลับอย่างเต็มที่ มักจะส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานเป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีง่วงระหว่างวัน สมองมีความปลอดโปร่งทำให้การทำงานเป็นไปได้อย่างสบาย พร้อมรับอะไรใหม่ ๆ ทำกิจกรรมทั้งวันได้อย่างไม่มีติดขัด

Advertisement

Advertisement

นอนเครดิตภาพ : freepik.com

2. ทานอาหารเช้า

แต่ละช่วงเวลาของวันจะมีการใช้แรงและพลังงานในแต่ละช่วงนั้นแตกต่างกัน แต่หนึ่งในช่วงที่สำคัญของการเริ่มต้นวันที่เราจะต้องเรียกตัวเองให้สดชื่น ตื่นจากการพักผ่อนมาทั้งคืนและเพื่อการออกไปทำกิจกรรมของวันนั้นได้อย่างมีเรี่ยวแรง ก็คือการทานอาหารในมื้อเช้าที่เป็นประโยชน์ เพียงพอต่อความต้องการและพลังงานที่เราจะใช้ เพื่อไม่ให้ในมื้ออื่น ๆ เราต้องทานในปริมาณที่มากเกินไปจากความหิวโหย โดยเฉพาะช่วงกลางวันยิ่งทานในปริมาณที่เยอะก็อาจจะทำให้เราทั้งอิ่มทั้งง่วงเพลียในเวลาระหว่างวัน

อาหารเช้าเครดิตภาพ : freepik.com

3. ออกกำลังกายเป็นประจำ

การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพเป็นสิ่งที่เราเข้าใจและรู้กันเป็นอย่างดีว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายของเรา แต่รู้ไหมว่าการออกกำลังกายบ่อย ๆ มีผลทำให้กระตุ้นระบบประสาทและสมองเนื่องจากการไหลเวียนดีของเลือด จะยิ่งทำให้เรารู้สึกสดชื่นปลอดโปร่งได้ ยิ่งเฉพาะการออกกำลังกายยืดเส้นยืดสายเล็ก ๆ น้อย ๆ ในทุกเช้าจะช่วยให้ร่างกายเรากระปรี้กระเปร่า พร้อมไปกับการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่ดี

Advertisement

Advertisement

ออกกำลังกายเครดิตภาพ : freepik.com

4. ดื่มน้ำสะอาดเยอะๆ

เพราะในร่างกายของเรามีส่วนประกอบสำคัญหลัก ๆ อย่างน้ำ ที่หล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ในร่างกายอีกหลายระบบ การดื่มน้ำในปริมาณที่พอเพียงต่อวัน 2 ลิตรโดยประมาณ นอกจากช่วยให้ร่างกายของเราสดชื่นรู้สึกเย็นดับกระหายได้ดี น้ำเปล่ายังมีส่วนช่วยให้เราสบายมีความผ่อนคลาย มีผลต่อร่างกายและสมอง ทำให้เราทำงานหรือทำกิจกรรมต่อไปได้อย่างคล่องตัว ปลอดโปร่ง มีประสิทธิภาพที่ดี

ดื่มน้ำเครดิตภาพ : freepik.com

5. ทานผลไม้รสสดชื่น

หลังจากอาการอิ่ม ความง่วงและความมึนงงระหว่างวันก็เริ่มจะคืบคลานคงต้องใช้ตัวช่วยในการขบเคี้ยวกระตุ้นความตื่นกันซะหน่อย จะได้ช่วยให้เราไม่ง่วงหงอย โดยเฉพาะหลังมื้ออาหารที่เริ่มจะคล้อยบ่ายเข้าเต็มทีแล้ว ลองหาผลไม้รสชาติเปรี้ยวอมหวานอย่างตระกูลเบอร์รี่ หรือรสสัมผัสที่ทำให้เราได้เคี้ยว กระตุ้นร่างกายให้รู้สึกตื่นให้ความสดชื่นและยังได้สุขภาพดี ๆ ไม่มีอ้วนเหมือนขนมขบเคี้ยวอีกด้วย

Advertisement

Advertisement

กินผลไม้เครดิตภาพ : freepik.com

6. ทำอะไรทีละอย่าง

โฟกัสไปที่ละอย่างในสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ หรือจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังไปเลยให้ชัดจะได้ไม่ทำให้เราสับสน จนเกิดอาการมึนงง ทำอะไรไม่ถูก คิดไม่ออกตันไปเสียหมด แยกความจำเป็นที่จะต้องจัดการเป็นอันดับแรกและค่อย ๆ จัดประเภทแต่ละอย่างให้ลงตัว หลังจากนั้นก็ลงมือพร้อมทำอย่างตั้งใจตามที่เราได้จัดลิสต์ไว้ หรือหากทุกอย่างมันดูเยอะล้นมือมากไปก็อาจจะจำเป็นต้องมีตัวช่วยที่มาแบ่งเบาภาระเราได้ อย่ากองอะไรไว้คนเดียวเพราะจะยิ่งทำให้เราปวดสมอง!

ทำงานเครดิตภาพ : freepik.com


ผ่านพ้นไปจนเกือบจะครึ่งวันก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย แบบนี้เนี่ยจะพาลทำเอาหน้าที่รับผิดชอบของเราขาดตกไปได้ ลองมาขยับเขยื้อนร่างกายหรือหาวิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการทำอะไรในแต่ละวันด้วยการทำตัวเองให้สดใส พร้อมรับสิ่งใหม่กับขั้นตอนง่าย ๆ ที่เราก็สามารถทำได้ เป็นการจัดระเบียบตัวเองและสิ่งรอบกายแล้วจะทำให้เราไม่สับสนหรือทำอะไรออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร เรียกตัวเองให้ตื่นพร้อมความกระปรี้กระเปร่า กระตุ้นสมองให้สดชื่นเพื่อทำกิจกรรมอื่น ๆ หรือคิดไอเดียอะไรได้อีกเยอะ

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์