7 มุมมองของช่องว่างระหว่างวัยกับความไม่เข้าใจของคนสองยุค (Age gap)

เพราะเหตุใดช่องว่างระหว่างวัยจึงเกิดความเข้าใจที่แตกต่างระหว่างคนสองยุค?

"ยายไม่ชอบคนที่ไม่ทำงาน ไม่ชอบคนไม่ใส่ใจการเรียนที่มัวแต่ทำตัวเหลวไหลเอาแต่เที่ยวไปวัน ๆ ดูเหมือนไม่ค่อยใส่ใจและรักในอนาคต แบบนี้คงให้อยู่ด้วยกันที่นี่ไม่ได้!" ก็คงเป็นอะไรประมาณนี้กับคำพูดที่พอจับใจความได้ระหว่างยายวัยชราที่มีต่อสาวนักศึกษาวัยเล่าเรียน จนนำไปสู่ความไม่พอใจของยายเจ้าของหอพักและไล่นักศึกษาสาวให้ออกจากหอโดยทันควันทั้ง ๆ ที่ฝ่ายสาวเจ้าก็พยายามอธิบายถึงความจริงที่เป็นไปในชีวิตปัจจุบันของเธอที่ได้ปฏิบัติอย่างถูกต้องเหมาะสมแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล สาเหตุก็เป็นเพราะว่ายายนั้นไม่เข้าใจว่าวิถีชีวิตแบบนิวนอร์ม่อลนั้นมันเปลี่ยนอะไรไปหลายต่อหลายอย่างจากวิถีชีวิตและมุมมองของยายที่เคยเป็นมา จนทำให้สาวนักศึกษาจำเป็นต้องย้ายหออย่างกระทันหันด้วยความจำใจ ท่ามกลางความไม่พอใจของคนในครอบครัวของสาวนักศึกษาเนื่องจากว่ายายนั้นไม่รับฟังเหตุผลใดใดทั้งสิ้น ซึ่งเป็นตลกร้ายแฝงซ่อนอยู่ในความเป็นจริงของวันนี้ในแบบที่คาดไม่ถึง เพราะเหตุใดที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ตลกร้าย (Nonsense) แบบนี้ขึ้นมาได้!?

             โดยในชีวิตประจำวันยายอาจจะมีภารกิจในหน้าที่การงานที่ต้องดูแลหอพักหรือทำอะไรอย่างอื่นอยู่ตลอดเวลาตามประสาคนรุ่นเก่าที่หยุดอยู่นิ่งไม่ได้ก็เลยไม่ค่อยได้เสพข้อมูลข่าวสารที่เป็นปัจจุบันทั้งจากโทรทัศน์หรือวิทยุที่อาจใช้เพียงแค่ดูหนังฟังเพลงเท่านั้นตามประสาในเวลาทำงาน กอปรกับทักษะการเขียนการอ่านก็อาจไม่ค่อยดีนักเนื่องจากเรียนมาน้อยจึงทำให้ไม่ค่อยได้อ่านข่าวสารจากในหนังสือพิมพ์หรือวารสารสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ จึงทำให้มีข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาที่เป็นอดีตไปแบบไม่อัพเดทและทำให้มีเม็มโมรี่ที่ล้าหลังไม่เข้ากับยุคสมัย

3. น้ำเต็มแก้ว (Headstrong)

             แม้ว่าจะรับรู้และเข้าใจดีถึงสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในชีวิตประจำวันกับวิถีชีวิตแบบนิวนอร์ม่อลแต่ยายก็ไม่ได้เปิดรับทั้งหมด โดยปฏิบัติตามเพียงแค่การระมัดระวังป้องกันตนเองจากโรคโควิดสิบเก้าเพราะรายงานข่าวมีครึกโครมทุกวี่วันแต่ก็ไม่เปิดรับความจริงที่เป็นสิ่งใหม่ทั้งหมดทั้งที่รูปแบบในการเรียนการสอนในทางการศึกษานั้นเปลี่ยนแปลงไปแล้วสืบเนื่องจากหมดวัยที่จะรับรู้ในข้อมูลเหล่านี้เพราะเลยวัยเรียนมานานโข รวมถึงการคิดและเชื่อว่ารูปแบบการศึกษาในแบบเก่า ๆ ที่ผ่านมานั้นดีกว่าและดีอยู่แล้ว

4. มองโลกในแง่ลบ (Bad attitude)

             บางครั้งการไม่เปิดรับสิ่งในสิ่งใหม่ก็ทำให้ความคิดจิตใจและมันสมองยังคงอยู่ในกรอบแคบ ๆ แบบกบในกะลาพลางคิดว่าตนเองก็รู้มามากอย่างที่สุดแล้ว หากมีใครคิดเห็นหรือปฏิบัติที่แตกต่างไปยายก็จะคัดค้านหรือไม่เห็นด้วยอย่างสุดโต่งจนทำให้ดูเหมือนเป็นการมองโลกอีกด้านที่ขัดและเป็นเส้นขนานกับความเป็นจริง ซึ่งหากมีการต่อต้านอย่างสุดโต่งด้วยเหตุผลนานาประการตามความคิดของตนเองแล้ว ยายก็จะกลายเป็นคนที่มองโลกในแง่ลบไปโดยปริยายอย่างไร้ซึ่งทัศนคติที่ดีตามยุคสมัยที่ควรจะเป็น

5. ไร้เหตุผล (Unresonable)

             พอเห็นแย้งคัดค้านและต่อต้านอย่างสุดชีวิตด้วยเชื่อในประสบการณ์และการรับรู้รับฟังและมองเห็นมาโดยตลอดที่ผ่านมาพร้อมกับชีวิตที่อาบน้ำร้อนมาก่อนหลายยุคสมัยของยายโดยไม่รับฟังคำอธิบายด้วยเหตุผลแห่งความจริงที่เป็นไปอย่างถูกต้องแบบหัวชนฝา อีกทั้งยังยืนยันความเชื่อของตนอย่างรุนแรงและเชื่อมั่นจนกลายเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็กอย่างไม่มีเหตุผลที่เหมาะสมตามวัยวุฒิที่ควรมีวุฒิภาวะด้านไอคิวและอีคิวที่ดีกว่านี้

          6.  เอาแต่ใจ (Opinionated)

               ทั้งนี้ก็อาจเป็นเพราะมีนิสัยส่วนตัวที่เป็นมาตั้งแต่อ้อนแต่ออกตั้งแต่ไหนแต่ไรในอดีตเป็นต้นมาที่มักจะทำอะไรตามใจคือไทยแท้พร้อมทั้งถือความคิดของตนเองเป็นใหญ่โดยปิดกั้นข่าวสารและเหตุผลที่ถูกต้องตามความเป็นไปในยุคสมัยไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดใดก็ตามและหากมีนิสัยเช่นนี้แล้วก็คงยากที่จะเปลี่ยนใจให้ยายเปลี่ยนความรู้สึกหรือเปลี่ยนความเข้าใจให้กลับเข้ามาในแนวทางที่ถูกต้องได้จากความยึดมั่นถือมั่นและสุดโต่งในความเชื่อนั้น ๆ

7. ปูมหลังครอบครัว (Parenting)

             ซึ่งอาจอ้างอิงถึงที่มาที่ไปของยายในอดีตในเรื่องของสภาพแวดล้อมและวิธีการเลี้ยงดูจากครอบครัว หากได้รับการปลูกฝังมาแบบผิดจากแนวทางที่ถูกต้องตามครรลองและทำนองคลองธรรมก็จะทำให้มีความคิดจิตใจอุปนิสัยและความรู้สึกในการรับรู้และความเข้าใจที่ผิดไปจากคนทั่วไปที่เข้าใจและปฏิบัติได้ถูกต้องตามกาลเทศะหรือช่วงจังหวะเวลาและในแต่ละสถานการณ์อย่างเหมาะสม

          ตลกร้ายของคนสองยุคที่ฝ่ายหนึ่งก็พยายามทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุดทั้งในส่วนของการศึกษาและการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระทางครอบครัว ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งก็พยายามทำหน้าที่ของเจ้าของหอพักที่ต้องการคนที่มีพฤติกรรมที่ดีอยู่ในกรอบที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาต่อธุรกิจหอพักให้เช่าของตน แม้ว่าจะมีการพูดจาตกลงทำความเข้าใจกันเป็นที่เรียบร้อยจนอีกฝ่ายได้รับรู้และเข้าใจในความเป็นจริงแล้ว แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนเหตุการณ์ให้สาวนักศึกษาสามารถอยู่หอพักต่อไปได้ เนื่องจากอีกฝ่ายอ้างว่าได้รับมัดจำของผู้เช่ารายใหม่แล้วและกำลังจะย้ายเข้ามาพักในเร็ววัน แต่ก็ยังเปิดโอกาสให้สาวนักศึกษาเข้ามาอยู่ใหม่ได้หากมีห้องว่างและพร้อมยินดีคืนเงินประกันให้ แต่ก็มิอาจทำให้ความรู้สึกที่เสียไปแล้วของสาวนักศึกษานั้นกลับคืนมาได้จึงยินดีที่จะย้ายออกและไม่ประสงค์จะดำเนินคดีกับยายดั่งความต้องการของคนในครอบครัวแต่อย่างใด ซึ่งทุกอย่างก็เคลียร์ปัญหาความไม่เข้าใจแบบจบลงไปด้วยดีแบบจำใจและมึนงง ทั้ง ๆ ที่สัญญาเช่าได้ตกลงทำกันไว้เป็นเวลาหนึ่งปี แต่จู่ ๆ ก็กลับถูกไล่ออกจากหอพักอย่างไร้เหตุผลโดยไม่เคารพต่อสัญญาเช่า ที่ดูเหมือนเจ้าของหอพักจะกระทำตามอำเภอใจทำให้สัญญาเช่ากลายเป็นแค่กระดาษเปล่าเท่านั้น มันก็เลยเกิดความคลางแคลงใจท่ามกลางความสงสัยของใครต่อใครหลาย ๆ คนแม้กระทั่งตัวของสาวนักศึกษาเองว่า "อย่างงี้ก็ได้เหรอ!?!"

            เรื่องโดย  นรชนไท

            เครดิตภาพ

             ภาพปก  โดย Andrea Piacquadioจาก Pexels

             ภาพที่ 1  โดย Artem Beliaikinจาก Pexels

             ภาพที่ 2  โดยAnete Lusina จาก Pexels

             ภาพที่ 3 โดย Wagner Soaresจาก Pexels

             ภาพที่ 4 Andrea Piacquadio โดยจาก Pexels

             ภาพที่ 5 Andrea Piacquadio โดย จาก Pexels

             ภาพที่ 6 Vera Arsic โดยจาก Pexels

             ภาพที่ 7 Victoria Borodinova โดยจาก Pexels 

เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !