ไลฟ์แฮ็ก
How to เลี้ยงเต่าญี่ปุ่น ฉบับมือใหม่
รูปด้านบนคือรูปตอนที่รับน้องมาเลี้ยงได้ 1 อาทิตย์ค่ะ
บิกิเชื่อว่าเวลาเราไปเดินตลาดนัดขายสัตว์เลี้ยง สัตว์ที่เราจะสามารถพบได้เป็นประจำเลยจะเป็นอะไรอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจาก “เต่าญี่ปุ่น” หรือที่เรารู้จักกันในนาม “เต่าเเก้มเเดง” นั้นเองค่ะ
ซึ่งน้องเต่าญี่ปุ่นนี้มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า “Trachemys scripta elegans” เเละน้องเต่าญี่ปุ่นนี้มีถิ่นกำเนิดในพื้นที่ลุ่มน้ำแถบรัฐอิลลินอยส์ แม่น้ำมิสซิสซิปปีไปจนถึงอ่าวเเม็กซิโก
ซึ่งน้องจัดเป็นเต่าน้ำจืดค่ะ เเละเพื่อเป็นเเนวทางในการเลี้ยงน้องเต่าญี่ปุ่นให้ถูกวิธี วันนี้บิกิจึงมีเคล็ดลับในการเลี้ยงน้องเต่าญี่ปุ่นฉบับมือใหม่หัดเลี้ยงมาฝากกันค่ะ
1.การเลือกซื้อน้องเต่าญี่ปุ่น
เวลาเราเลือกซื้อน้องสักตัวนะคะ อย่างเเรกที่บิกิอยากให้สังเกตคือ ความสะอาดภายในร้านค่ะ เพราะว่าความสะอาดภายในร้านนั้นสามารถบ่งบอกถึงการดูเเลเอาใส่ใจของเจ้าของร้านได้ ว่าเจ้าของร้านนั้นใส่ใจเรื่องของความสะอาดเเละใส่ใจสัตว์เลี้ยงมากเเค่ไหน ซึ่งเรื่องความสะอาดเเละการได้การเอาใจใส่นั้นสามารถบอกถึงสุขภาพที่ดีของสัตว์เลี้ยงได้เช่นกันค่ะ
Advertisement
Advertisement
อย่างต่อมาคือ เลือกตัวที่ใช่เเละถูกชะตากับเรามากที่สุด ทั้งนี้เราต้องสังเกตสุขภาพของน้องด้วยนะคะว่าน้องเเข็งเเรงดีไหม ซึ่งเราสามารถดูได้จาก ความร่าเริ่งของน้อง น้องว่ายน้ำไหม น้องขยับไหม หรือว่าเเค่นอนนิ่ง ๆ เฉยหากว่าน้องเเค่นอนนิ่ง ๆ หลับตาไม่ยอมขยับเลยอาจหมายความว่าน้องป่วยได้ค่ะ
อย่างต่อมาคือสังเกตดวงตาว่าตาใสไหม ถ้าตาน้องขุ่น ๆ หรือบวมเเดง อาจบ่งบอกว่าน้องกำลังไม่สบายหรือน้องอาจตาบอดได้ อีกทั้งสังเกตดูความสมบูรณ์ของร่างกายน้อง เช่น หางขาดไหม ขาหักไหม กระดองน้องนิ่ม-แตก-บิ่นไหม เล็บครบหรือไม่ เป็นต้น
2.สถานที่เลี้ยง
รูปนี้คือสถานที่เลี้ยงน้องตอนที่น้องยังตัวเล็กอยู่ค่ะ
รูปนี้คือรูปตอนที่น้องเริ่มโตเเล้วบิกิจึงเปลี่ยนที่เลี้ยง (น้องจะขึ้นมาพักเเละอาบเเดดด้านบนถ้ำชองน้องค่ะ)
น้องเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ (รูปด้านบนนี้ตอนน้องอายุได้ประมาณ2ปี)
Advertisement
Advertisement
หลังจากที่เรารับน้องมาเเล้วเราก็จำเป็นต้องมีสถานที่เลี้ยง สถานที่เลี้ยงนั้นจะต้องมีขนาดพอดีพอเหมาะกับน้องให้น้องสามารถมีที่ว่ายน้ำได้เเละมีบกให้น้องขึ้นมาพักด้วยนะคะ
ถึงเเม้ว่าน้องจะเป็นเต่าน้ำเเต่ก็ใช่ว่าน้องจะเหนื่อยไม่เป็นนะคะ เพราะฉะนั้นเเล้วเราต้องมีบกให้น้องขึ้นมาพักเหนื่อยเเละอาบเเดดด้วยจ้า (ทั้งนี้ตอนที่บิกิไปรับน้องมา เจ้าของร้านบอกกับบิกิว่า น้องจะโตเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับขนาดของสถานที่เลี้ยงด้วย)
อีกอย่างที่สำคัญคือ เรื่องของความสะอาดของน้ำนะคะ เมื่อเห็นว่าน้ำเริ่มสกปรกเราก็ควรจะเปลี่ยนน้ำทันทีเพื่อสุขภาพที่ดีของน้อง และเมื่อเราเปลี่ยนน้ำให้น้องบิกิขอเตือนว่า “ห้ามใช้น้ำประปาเด็ดขาด” เพราะว่าในน้ำประปามีคอลีนจำนวนเยอะซึ่งคอลีนอาจจะทำให้น้องเต่าของเราตาบอดได้ค่ะ
ดังนั้นเวลาเราเปลี่ยนน้ำให้น้องเราควรใช้น้ำที่เปิดทิ้งไว้เเล้วอย่างน้อย 3-4 วันค่ะ (น้ำค้างคืน) เพื่อให้คอลีนในน้ำเจือจางลง หรือหากใครไม่สะดวกเราก็ยังสามารถใช้น้ำยากำจัดคอลีนได้ด้วยเช่นกันค่ะ (ใส่ในปริมาณที่พอเหมาะนะคะ) เเละเราควรที่จะติดตั้งระบบการกรองน้ำเเละติดออกซิเจนเพื่อลดการเกิดเเบคทีเรียในน้ำได้จ้า
Advertisement
Advertisement
3.อาหาร
นอกจากการเลือกซื้อน้องเต่าเเละการจัดสถานที่เลี้ยงเเล้วเรื่องอาหารที่เราต้องให้น้องก็สำคัญไม่เเพ้กันค่ะ เพราะหากเราให้อาหารที่ผิดๆกับน้อง ก็อาจจะส่งผลเสียตีอสุขภาพของน้องได้เช่นกันค่ะ หลายๆคนมีความเข้าใจผิดเป็นอย่างยิ่งว่าเต่าต้องกินเเต่ผักบุ้งสิ! ต้องเป็นผักบุ้งเท่านั้น! เเต่ในความเป็นจริงเเล้วไม่ใช่เลยค่ะ เต่าเเต่ละชนิดมีความเเตกต่างกันค่ะ บางชนิดกินพืช บางชนิดกินสัตว์ เเละบางชนิดก็กินทั้งพืชเเละสัตว์ก็มีค่ะ
ซึ่งเต่าญี่ปุ่นเป็นจำพวกสัตว์ที่กินทั้งพืชเเละสัตว์ค่ะ ซึ่งอาหารที่เราจะให้น้องอาจเป็นผักบุ่งหรือผักอื่น ๆ ที่เป็นผักใบเขียวที่มีกากใยอาหารสูง ปลาเหยื่อ หรือกุ้งสดก็ได้ค่ะ หรือหากใครที่ไม่สะดวกในการให้เป็นพืชผักเนื้อสัตว์ เราก็สามารถให้เป็นอาหารเม็ดสำเร็จรูปสำหรับเต่าได้ด้วยค่ะ ทั้งนี้อาหารที่เราให้น้องก็ควรที่จะต้องสด ใหม่ สะอาด เเละที่สำคัญที่เราต้องผลัดเปลี่ยนการให้อาหารไปเรื่อย ๆ (พยายามให้อาหารที่หลากหลาย) เพื่อให้น้องเต่าของเรานั้นได้สารอาหารที่ครบถ้วนเเละเพื่อให้น้องไม่เบื่อด้วยค่ะ (เพิ่มเติมสำหรับคนที่สงสัยว่าเราสามารถให้กุ้งเเห้งกับน้องได้รึเปล่า บิกิขอตอบเลยว่าสามารถให้ได้ค่ะ เเต่ว่าก่อนที่เราจะให้กุ้งเเห้งกับน้องเราต้องเอากุ้งเเห้งไปเเช่น้ำเเละล้างให้หายเค็มก่อนนะคะ) อีกเรื่องคือเราควรหลีกเลี่ยงการให้อาหารที่ย่อยยากเเละมีไขมันเยอะนะคะ เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ หนังไก่ เป็นต้นค่ะ
รูปด้านบนนี้คือตอนที่น้องอายุได้ประมาณ 3 ปีครึ่งค่ะ
คนส่วนใหญ่มักจะเห็นว่าน้องมีความน่ารัก ราคาถูกเเละตัวเล็ก อีกทั้งยังเห็นว่าเลี้ยงได้ง่ายเลยซื้อน้องมาเลี้ยงเเต่ถ้าหากไม่รู้หรือศึกษามาก่อนก็อาจจะเป็นปัญหาได้ภายในอนาคตด้วย เพราะว่าน้องสามารถโตได้ถึง 1 ฟุตเลยค่ะ เเละน้องมีอายุที่ยืนยาวมากถึง 20 ถึง 30ปี เเละหากเลี้ยงดี ๆ ในบางตัวอายุยืนถึง 40 ปีก็มีค่ะ
ดังนั้นนอกจากการที่เราต้องศึกษาก่อนรับน้องมาเลี้ยงเเล้วเราก็ควรมีความพร้อมในการเตรียมตัวรวมทั้งในเรื่องของเงินด้วย เพราะเราต้องจ่ายค่าอาหาร อุปกรณ์การเลี้ยงอีกสารพัดเเละถ้าหากน้องป่วยก็ต้องนำน้องไปรักษาด้วยค่ะ ฉะนั้นเเล้วบิกิอยากให้คำนึงเรื่องเงินด้วยว่าเราสามารถจ่ายไหวรึเปล่า ถึงเเม้ว่าน้องจะมีราคาค่าตัวที่ไม่เเพงเพียงเเค่ 60-200 บาท เเต่ว่าค่าใช้จ่ายที่ตามมานั้นเเพงกว่าค่าตัวของน้อง
ยังไงก็ตามเเต่การที่จะรับน้องมาเลี้ยงเเล้วก็ควรเลี้ยงให้ดี ควรเอาใจใส่ เพราะว่าหนึ่งชีวิตนั้นมีค่าเสมอไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ รวมทั้งไม่มีใครที่จะไม่รักชีวิตของตัวเอง ดังนั้นบิกิฝากให้ทุกท่านคิดพิจราณาให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจรับน้องมาเลี้ยงด้วยนะคะ
ขอบคุณจ้า
ความคิดเห็น