อื่นๆ
"Lie Detector" เครื่องจับเท็จ ศัตรูของคนโกหก

การค้นหาความจริง จำเป็นต้องใช้ทักษะและความเชี่ยวชาญในการสังเกตความผิดปกติของตัวผู้กระทำผิดที่แสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว การใช้การจับโกหกนี้ถ้าดูจากการบันทึกคดีในประวัติศาสตร์ พบว่ามีใช้กันมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการสังเกตหน้าตา ท่าทาง การเคลื่อนไหว แต่อากัปกิริยาเหล่านี้อาจไม่เพียงพอ หากผู้กระทำผิดมีความชำนาญในการปกปิด เนื่องจากนิสัยของมนุษย์นั้น ช่างเรียนรู้และปรับตัว ดังนั้น จึงต้องมีการพัฒนาวิธีการและเครื่องมือในการจับเท็จให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ผู้เขียนลองค้นประวัติการสร้างเครื่องจับเท็จ หรือที่เรียกกันว่า “Lie detector/Polygraph” พบว่า จริง ๆ แล้วลักษณะการทำงานของเครื่องนี้คล้ายกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ซึ่งมีไว้สำหรับบันทึกชีพจรของผู้ป่วย ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยวินิจฉัยความผิดปกติของหัวใจและเพื่อตรวจวัดสภาพผู้ป่วยในระหว่างการผ่าตัด ทั้งตรวจวัดชีพจร, ความดันโลหิต, อุณหภูมิ รวมถึงอัตราการหายใจ ซึ่งในยุคแรก ๆ เป็นการสร้างตามแนวคิดที่ว่าเมื่อคนเราโกหก ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงที่สัมพันธ์ต่อความเครียดที่เกิดขึ้น เช่น เหงื่อออก หัวใจเต้นเร็ว หน้าแดง จะว่าไปแล้ว ดูเหมือนการโกหกนี่เป็นของคู่กันกับการเป็นมนุษย์เลย เห็นด้วยกันมั้ยคะ ถึงได้มีเครื่องจับเท็จใช้กันมานมนานแล้ว
Advertisement
Advertisement
หลังจากการพัฒนามาเรื่อย ๆ ก็มีความทันสมัยมากขึ้น หลักการทั่วไปของเครื่องจับเท็จ คือ
- ความเปลี่ยนแปลงของระบบหายใจ เพราะเวลาคนเราโกหก ตื่นแต้น การหายใจก็จะเร็วและแรงขึ้น
- วัดความเปลี่ยนแปลงความดันโลหิต เช่น เราตื่นเต้น ความดันโลหิตก็จะสูงขึ้น
- วัดความต้านทานกระแสไฟฟ้าที่ผิวหนัง อันนี้ผู้ขียนคิดว่าน่าจะเกี่ยวกับความชื้นที่อยู่ที่ผิวหนัง ก็คือ ยิ่งตื่นเต้น ยิ่งมีเหงื่ออก
- วัดความเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ว่ามีการแข็งเกร็งซึ่งผู้เขียนคิดว่าเพื่อเป็นการวัดความเครียดที่เกิดขึ้น
การใช้เครื่องมือนี้ ก็จะทำไปพร้อมกับการตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง ซึ่งความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้อาจไม่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า โดยจะแสดงให้อยู่ในรูปของเส้นกราฟ ถ้าใครเคยดูหนังสอบสวนก็คงจะเคยเห็นที่มีลักษณะกราฟ ขึ้น ๆ ลง ๆ ซึ่งกราฟที่ได้ก็จะต้องถูกนำมาแปรผลโดยผู้เชี่ยวชาญเสียก่อน สำหรับผลที่ได้จากเครื่องจับเท็จนั้น สามารถนำไปเป็นพยานอ้างอิงในศาลได้หรือไม่ ก็ต้องบอกว่า ณ ปัจจุบันนี้ ยังไม่สามารถนำมาใช้อ้างอิงได้ เนื่องจากบางคนมีอาการประหม่า ตื่นเต้นจากการถูกกดดัน จนอาจทำให้ผลผิดพลาดได้ แต่ถึงกระนั้นในทางสอบสวนเราก็ยังเห็นว่าพนักงานสอบสวนยังมีการใช้เครื่องจับเท็จในการค้นหาตัวคนร้ายอยู่เรื่อย ๆ เช่น คดีฆาตรกรรมน้องชมพู่ ที่ไม่สามารถหาตัวคนผิดได้ โดยนำผลจากเครื่องจับเท็จ มาพิจารณาร่วมกับหลักฐานอื่น ๆ หรือแม้แต่คดีใหญ่ล่าสุดของ "แตงโม นิดา" ก็มีการแถลงข่าวว่าจะนำผู้ต้องสงสัยเข้าเครื่องจับเท็จเช่นกัน
Advertisement
Advertisement
สุดท้ายแล้วในตอนนี้ การใช้เครื่องจับเท็จอาจจะยังไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ แต่ในอนาคต ผู้เขียนเชื่อว่า มนุษย์คงสามารถคิดค้นเครื่องจับเท็จที่มีประสิทธิภาพดีมากขึ้น จนนำมาใช้จัดการกับผู้กระทำผิดและทำให้ความจริงปรากฏได้
ที่มา American Psychological Association, How Lie Detectors Work
ภาพทั้งหมดจาก unsplash.com
ภาพ 1Ashkan Forouzani/ภาพ 2Taras Chernus /ภาพ 3CDC
ภาพ 4Markus Winkler/ภาพปกBrett Jordan
เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !
ความคิดเห็น






