อื่นๆ
Review ซีรีส์ Vagabond season 1 อีกหนึ่งซีรีส์เกาหลีที่จับทางคนดูได้อย่างชาญฉลาด จนกลายเป็นปรากฏการณ์บน Netflix ชาวไทย

ซีรีส์เกาหลี ที่ได้สร้างปรากฎการณ์ครั้งใหญ่บน Netflix ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ด้วยความที่เป็นซีรีส์แอคชั่น ระทึกขวัญ ผสมกับประเด็นทางการเมือง ที่ทำให้ใครก็ตามที่ดูล้วนแต่ต้องติดใจกับความเข้มข้นตื่นเต้นของซีรีส์ที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ความนิยมของ Vagabond มาแรงไม่แพ้กับ Kingdom ที่พึ่งฉายไปเมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา
หนังจะเล่าเรื่องราวของ ซาดัลกอน สตั๊นท์แมนหนุ่มผู้อยู่กับหลานชายสองคน แต่จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ได้พบข่าวร้าย เมื่อเครื่องบินที่หลานชายของเขาโดยสารไปยังประเทศโมรอกโก ประสบอุบัติเหตุจนทำให้เครื่องบินตก จนทำให้ผู้โดยสารบนเครื่องบินเสียชีวิตทั้งลำ ทว่าซาดัลกอน ได้พบพิรุตของเหตุการณ์ดังกล่าว ว่าเหตุเครื่องบินตกนี้อาจไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ แต่เป็นการก่อการร้าย ทำให้เขาต้องหาทางสืบสวนคดีดังกล่าว ก่อนที่จะพบว่าแท้จริงแล้วคดีนี้เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้มีอิทธิลระดับสูงของเกาหลีใต้
Advertisement
Advertisement
ความสนุกของ Vagabond คือการที่ซีรีส์ปูพลอตเรื่องมาให้เป็นซีรีส์แนวแอคชั่น ล้างแค้น ที่เล่นกับอารมณ์คนดูตัวละครเป็นหลัก แต่แท้จริงแล้ว ซีรีส์กลับซ่อนประเด็นทางการเมืองอันแสนซับซ้อนไว้เบื้องหลัง ซึ่งตลอดความยาว 16 EP. ของซีรีส์ ก็สามารถเล่นกับความอยากรู้อยากเห็นกับคนดูได้อย่างชาญฉลาด ไม่ว่าจะเป็นการตัดจบแต่ละตอนให้เต็มไปด้วยความฉงนสงสัย การหักมุมคนดูไปมา ไปจนถึงการสร้างตัวละครที่คนดูรู้สึกชื่นชอบ และอยากเอาใจช่วยไปตั้งแต่ต้นจนจบ
ส่วนที่เป็นทั้งจุดแข็ง และจุดด้อยของ Vagabond คือความไม่สมเหตุสมผลของบรรดาตัวละครฝั่งตัวเอก ที่ซีรีส์ได้พยายามสร้างสถานการณ์ความโชคร้ายต่างๆ มาให้ตัวละครประสบพบเจอ ได้ตลอดทั้งเรื่อง จนหลายๆ ครั้งมันกลับทำให้เรารู้สึกหงุดหงิด แต่ความหงุดหงิดดังกล่าวกลับกลายเป็นสิ่งที่ตรึงคนดูอยู่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะมันทำให้เราได้ลุ้น ได้ตื่นเต้นกับซีรีส์เรื่องนี้ โดยเฉพาะการพยายามขายฉากแอคชั่นไล่ล่า อย่างออกหน้าออกตาของซีรีส์เรื่องนี้ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่างานโปรดักชั่นของซีรีส์ถือว่าทำออกมาได้ดีตามมาตรฐานที่หนังแอคชั่นฟอร์มยักษ์ควรจะเป็น เช่นเดียวกันกับความเก่งเกินมนุษย์มนาแต่กลับไร้ความยั้งคิด ของ ซาดัลกอน ที่ย้อนแย้งกันอย่างสิ้นเชิง เพื่อที่ซีรีส์จะได้โชว์คิวบู๊สุดดุเดือดของพระเอกของเรื่อง จนกลายเป็นสเน่ห์ ที่ทำให้เราชื่นชอบตัวละครตัวนี้อย่างไม่รู้ตัว
Advertisement
Advertisement
ความเข้มข้นของซีรีส์เรื่องนี้ คือบทของฝั่งตัวร้ายของเรื่อง ที่เต็มไปด้วยการชิงไหวชิงพริบมากมาย และมีการวางแผนกันอยากดิบดี ผิดกับที่่ฝั่งตัวเอกของเรื่อง ที่กลายเป็นว่าหลายๆ ครั้งพวกเขาเดินตามหมากที่ตัวร้ายวางไว้ และตามแผนการของผู้มีอิทธิพลเหล่านี้ไม่ทัน นอกจากนี้ซีรีส์ยังได้สะท้อนเบื้องหลังของผู้คนในวงการการเมืองโดยอิงกับเหตุการณ์ปัจจุบัน ออกมาได้เป็นอย่างดี
เหมือนว่าทีมสร้างซีรีส์วางแผนตั้งแต่ต้นแล้วว่า Vagabond จะได้รับความนิยม จึงสร้างออกมาไม่ให้มีเพียงซีซั่นเดียว ในช่วงท้ายซีซั่นที่เหมือนเนื้อหาทุกอย่างจะคลี่คลาย แต่ซีรีส์ ก็ได้สร้างปมใหม่ สถานการณ์ใหม่ให้กับคนดู และตัวละคร เพื่อเตรียมตัวทำใจที่จะไปลุ้นต่อในซีซั่นหน้า ถึงแม้ว่าเนื้อหาดูจะออกทะเล และหลุดเป้าหมายไปบ้างก็ตาม
Vagabond อาจไม่ถึงขั้นเป็นซีรีส์ที่สมบูรณ์แบบ และยอดเยี่ยม แต่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งซีรีส์เกาหลี ที่ยังจับทางคนดูได้อย่างชาญฉลาด สามารถเล่นกับอารมณ์คนดูได้ตลอดทั้ง 16 EP. จนสามารถสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่ให้กับ Netflix ได้อย่างน่าชื่นชม
Advertisement
Advertisement
ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.imdb.com/
ความคิดเห็น






