Up เกรดจาก 2.71 เป็น 4.00 ในเทอมเดียว Part 1

บทความนี้ผมจะเล่าประสบการณ์ของผมในระหว่างที่เรียนปริญญาตรีให้อ่านกันเพลินๆ สักนิดนะครับ ซึ่งก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าผมไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จในการเรียนสักเท่าไหร่ตั้งแต่ระดับมัธยมมาแล้ว ดังนั้น เมื่อขึ้นระดับมหา’ลัย จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าผมจะมีผลการเรียนยังไง

ในระดับปริญญาตรีผมเรียนรัฐประศาสนศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยเกรดในปีหนึ่งเทอมแรก ได้แค่ 2.97 ซึ่งถือว่าน้อยมากสำหรับการเรียนปีหนึ่งเทอมแรกของระดับปริญญาตรี นั่นก็เพราะ ยิ่งเรียนในชั้นปีที่สูงขึ้นไปเท่าไหร่ เกรดก็ยิ่งขึ้นยากด้วยเท่านั้น (ทว่าตกง่ายมาก) ต่อมาพอเข้าเทอมสอง ซึ่งผมก็ไม่ได้หวังว่าจะให้เกรดมันดีอะไรขึ้นมามากมาย ดังนั้น เกรดของผมจึงล่วงลงมาที่ 2.71 และที่ฮากระจายกว่านั้นคือการติด F วิชาภาษาไทย และติด D วิชากฎหมาย

พอจบเทอมสอง ผมลงเรียนซัมเมอร์ต่อเลย ซึ่งเข้าใจว่าตอนนั้นมีการปิดภาคเรียนที่ยาวมาก จำได้ว่าประมาณ 6 เดือน เนื่องจากการปรับให้เข้ากับการเปิด-ปิดภาคเรียนของอาเซียน แล้วบางอย่างก็เกิดขึ้นกับชีวิตผม (ในบทความนี้ผมขอไม่กล่าวถึงแล้วกัน) ทำให้ผมเรียนได้เกรด 4.00 ในเทอมนั้น นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่ประเด็นหลักของบทความนี้ก็คือ “เทคนิคการเรียนในเทอมนั้น” ดังนี้

ไม่จำเป็นต้องทบทวนเนื้อหาหลังเรียนเสร็จ แค่ทำงานหรือการบ้านให้เสร็จก็พอ

ไม่จำเป็นอีกเช่นกันที่จะต้องมานั่งทบทวนเนื้อหาหลังจากเรียนเสร็จ เนื่องจากในแต่ละรายวิชาจะมีงานหรือมีการบ้านมาให้ทำอยู่แล้ว เอาเวลาไปจัดการกับสิ่งเหล่านี้ดีกว่าครับ และไม่ต้องกังวลไปว่าจะลืมเนื้อหาที่เรียนมาหรือไม่ เพราะหากเราทำความเข้าใจเนื้อหาตั้งแต่ในห้องเรียนจนพอที่จะอธิบายให้ตนเองหรือให้คนอื่นฟังอย่างรู้เรื่องแล้ว ทีนี้อยากเอาออกจากหัว มันก็ไม่ยอมออกครับ ดังนั้น เช่นที่กล่าวไปแล้ว เอาเวลาไปทำการบ้านดีกว่า ซึ่งตรงนี้สำคัญนะครับ เพราะว่างานหรือการบ้านที่อาจารย์ให้มาจะช่วยเราในเรื่องคะแนนเก็บ จำไว้ว่า แม้จะมีเทคนิคการอ่านหนังสือชั้นเซียนขนาดไหน หากไม่มีงานส่ง ก็ง่ายที่เซียนจะเป็นได้แค่เกรียนครับ (อันนี้ขอยกเว้นรายวิชาที่ไม่มีคะแนนเก็บช่วยเลย เช่น หลายๆ วิชาในสาขากฎหมาย)

เล่นเกมส์ VS อ่านหนังสือ

“ว่างแล้วทำอะไรดี?” คำตอบง่ายมากสำหรับผม คือ “เล่นเกมส์” หรือทำในสิ่งที่เราอยากทำดีกว่าครับ เพราะหากว่ากันจริงๆ แล้ว ช่วงที่สบายที่สุดของชีวิตหลายๆ คนก็คือช่วงเรียนมหา’ลัยนี่แหละครับ หรือถ้าอยากได้อะไรที่มันมีสาระมากกว่าที่ผมทำก็อาจไปหาเข้าชมรม ไปเป็นจิตอาสา เรียนภาษาอังกฤษ หรือทำงาน Part-Time ก็ช่วยให้มีรายได้เสริมอีกทาง ยิ่งสมัยนี้ที่มีทั้งการส่งอาหาร การเขียนบทความ แม้กระทั่งการแสดงตัวตนผ่านทาง Social Media

เอาเป็นว่าสำหรับ Part 1 ผมจบไว้เพียงเท่านี้ก่อน ส่วน Part 2 ผมจะเล่าเกี่ยวกับการจัดตารางอ่านหนังสือสอบ และเสริมด้วยเทคนิคการอ่านเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่ามันต้องอ่านอย่างเอาเป็นเอาตายในการเตรียมสอบแต่ละครั้ง หรือบางคนคิดว่าคนที่เขาสอบได้เกรดดีๆ เพราะเขาเก่ง เขาอ่านตรง ซึ่งก็มีส่วนครับ แต่เอาเป็นว่าใจเย็นๆ ไว้ผมเล่าให้อ่านใน Part 2

สุดท้าย...ขอบคุณที่อ่านจนจบ...และขอให้ติดตามต่อใน Part หน้าครับ

ขอบคุณภาพจาก Suphakarn Sophaporn