บลูลี่(Bully) คืออะไร บลูลี่(Bully) คือการกลั่นเเกล้ง ข่มเหง ขู่เข็ญ คุกคาม รังเเก การกระทำใดๆที่ผู้กระทำจงใจกระทำต่อผู้ถูกกระทำเพื่อให้เกิดผลกระทบในเชิงลบทางด้านร่างกายหรือจิตใจ โดยเป้าหมายของผู้กระทำมุ่งเเน่นเพื่อความสนุกสนานหรือความสะใจ John Hain จาก Pixabay" /> เมื่อกล่าวถึงการ บลูลี่ ในสังคมบัจจุบันเเน่นอนว่ามีอยู่ทุกชนชั้นทุกเพศทุกวัยเเละทุกอาชีพ เเต่ตามหัวข้อกลุ่มโดนบลูลี่เเละอาจส่งผลมากที่สุดคือวัยเด็ก ในช่วงวัยประถมถึงมัธยมซึ่งในวัยนี้จะเริ่มมีสังคมเเละเพื่อนฝูงมีเพื่อนที่ชอบเเละเเน่นอนก็ต้องมีเพื่อนที่ไม่ชอบ ชึ่งจะเริ่มมีการเเสดงออกโดยการ กลั่นเเกล้งในรูปแแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายวาจาหรือการกระทำ เช่น ตบหัว ล้อชื่อพ่อเเม่ ล้อปมด้อย พูดในเชิงนินทาให้ร้ายรวมไปถึงชกต่อย การบลูลี่ มีกี่เเบบ การบลูลี่จริงๆเเล้วไม่มีรูปเเบบตายตัวขึ้นอยู่ว่าการบลูลี่จะเกิดขึ้นที่ใดหรือสังคมไหน ในที่นี้จะกล่าวถึงการบลูลี่ในสังคมโรงเรียนในช่วงวัยประถมถึงชั้นมัธยม โดยเเบ่งออกได้หลายด้านพอสังเขปดังนี้ ด้านร่างกาย คือ การกระทำใดๆก็ตามที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดทางด้านร่างกาย เช่น การตบหัว ชกต่อย การบลูลี่เเบบนี้เกิดขึ้นบ่อยมากในสังคมเด็กนักเรียนไทย โดยจะมีระดับความรุนเเรงเเตกต่างกันไป ด้านจิตใจ คือ การใช้คำพูดด่าทอล้อเลียนหรือพูดจาเสียดจึงทำให้เกิดความอับอายหรือวิตกกังวลซึ่งจะบั่นทอนจิตใจผู้ที่ถูกกระทำอย่างมาก เช่น การล้อชื่อพ่อเเม่ การล้อปมด้อย การดูถูกเหยียดหยาม ด้านสังคม คือ การกระทำหรืออาการที่แสดงออกอย่างชัดเจน เช่น การเมินเฉย ไม่คุยด้วย หรือกีดกันเพื่อนออกจากกลุ่มrebbeccadevitt0 จาก Pixabay" /> ผลกระทบจากการโดนบลูลี่ จากการโดนบลูลี่ไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกายหรือจิตใจย่อมก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้ถูกกระทำด้วยกันทั้งนั้นซึ่งผลกระทบในอนาคตเลยก็ว่าได้โดยจะมีหัวข้อดังนี้ ใช้ความรุนเเรง เเน่นอนว่าในเด็กบางคนหรือบางกลุ่มไม่ยอมให้ทำร้ายรังเเกอยู่ฝ่ายเดียวจึงคิดตอบโต้โดยใช้กำลังซึ่งในบางกรณีอาจทำให้เหตุการบานปลายถึงขั้นได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตก็เคยเกิดขึ้นมาเเล้ว ไม่อยากไปโรง เรียนเป็นเรืองธรรมชาติที่คนเราไปอยู่ในที่ที่ทำให้ไม่สบายกายหรือสบายใจก็ไม่อยากกลับไปที่นั่นอีกซึ่งในตัวเด็กก็เช่นกันทำให้ไม่อยากไปโรงเรียนอีก ซึมเศร้า เก็บตัว เครียด เมื่อเด็กไม่สามารถเเก้ไขปัญหาเรื่องนี้ จึงทำให้เด็กเกิดความอึดอัดซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบทางด้านพฤติกรรม เช่น ไม่ค่อยพูด เงียบ เก็บตัว ไม่มีสมาธิในการเรียน หากเรามีเรื่องกังวลอะไรในใจก็มักจะทำอะไรได้ไม่เต็มที่ซึ่งในตัวเด็กเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ของตัวเด็กเองโดยในบางเคสเด็กต้องทนต่อการบลูลี่จนจบการศึกษาหรือจนกว่าจะได้ย้ายโรงเรียน การบลูลี่ในสายตาของผู้ใหญ่ ในคุณครูหรือผู้ปกครองบางคนยังไม่รู้ด้วยช้ำว่าการบลูลี่คืออะไร มองว่าเเค่เด็กเเกล้งกันเล่นๆโดยไม่รู้อะไรเลยว่าเด็กต้องทนอึดอัดใจกับเรื่องเเบบนี้มากเเค่ไหน ในบางครอบครัวผู้ปกครองก็ไม่ได้สังเกตพฤติกรรมหรือให้คำปรึกษาอะไรกับเด็กเลยเนื่องด้วยหน้าที่การงานสภาพเเวดล้อม เเละความสัมพันธ์ในบางครอบครัวที่ไม่ค่อยดีนัก จนถึงสถานศึกษาเเละคุณครูบางส่วนก็ไม่ได้คิดสนใจเรื่องเหล่านี้เลย ทั้งนี้ควรมีความร่วมมือระหว่างผู้ปกครองเเละสถานศึกษาเฝ้าดูพฤติกรรมเด็กที่ถูกบลูลี่เเละเด็กที่ทำการบลูลี่เพื่อนเพื่อเป็นเเนวทางในการเเก้ปัญหาอย่างถูกต้อง S. Hermann & F. Richter จาก Pixabay" /> วิธีการเเก้ปัญหาเมื่อถูกบลูลี่ (ในความเห็นของcatman) ตาต่อตาฟันต่อฟัน ในเมื่อเราถูกกระทำเราก็เเค่ตอบโต้ในเมื่อไม่มีใครช่วยเราได้ก็ต้องช่วยตัวเองถึงเเม้ผลออกมาอาจเป็นเหมือนข้อความข้างต้นเเต่ในบางครั้งถ้าเราสู้สักครั้งเราอาจจะไม่โดนรังเเกอีกเลย เงียบชะเดี๋ยวก็ดีเอง ไม่ตอบโต้อยู่นิ่งๆเงียบๆ ยึดถือหลักการแห่งอหิงสา ของมหาตมะ คานธี เป็นที่ตั้ง บางที่เขาอาจจะลืมหรือเบื่อเเละเลิกบลูลี่เราไปเลยก็ได้ ทำให้เป็นเรื่องใหญ่เข้าไว้ ฟ้องเลยไม่ว่าจะเป็นครูหรือผู้ปกครองถ้าเขาไม่สนใจก็ฟ้องหรือร้องเรียนที่อื่นเลย เช่น ผู้อำนวยการโรงเรียน ตำรวจ หรือมูลที่เกี่ยวกับเด็กอย่างเรา ร้องเรียนไปเรื่อยๆจนกว่าจะมีคนเล็งเห็นปัญหาของเรา ท่องไว้เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องใหญ่ ประสบการณ์ตรงของcatman เเน่นอนครับเขียนบทความมาถึงขนาดนี้ catmanย่อมมีประสบการณ์เกียวกับการบลูลี่อยู่เเล้วครับ ในกรณีผมจะเป็นการโดนเพื่อนบลูลี่ครับในสมัยที่ผมยังเรียนประถมเท่าที่จำความได้น่าจะเป็น ป.3 ได้ ด้วยความที่ผมเป็นเด็กขยันเรียน มีร่างกายที่ใหญ่กว่าเด็กในวัยเดียวกัน หน้าตาขี้เหล่ตัวดำใบหน้ามีสิวค่อนข้างเยอะ อีกอย่างคือผมไม่สู้คนด้วยคือผมไม่ชอบความรุนเเรง ถามว่าเคยสู้ไมเคยสู้เเล้วครับเเล้วเเพ้เขาครับเเล้วโดนหนักกว่าเก่าอีกครับ สมัยนั้นโดนอะไรมามั่ง ตบหัวครับทุกวันครับ ล้อชื่อพ่อเเม่ โดนไถ่ตังมั่งละ โดนสารพัดครับ ชึ่งผมต้องโดนอย่างงี้ไปจนจบ ป.6 ครับ เคยมีครั้งนึงครับมีเพื่อนเอามีดของเล่นมาเล่นที่โรงเรียนสิ่งที่ผมโดนคือเขาเอามีดของเล่นมาปาใส่ผมถึงมันจะเป็นมีดของเล่นก็จริงครับ เเต่ความเเรงในการปามันทำให้หน้าผากผมเป็นรูมีดลึกประมาณ 1 มม.ถึงจะเป็นเเผลเล็กนิดเดียวก็จริงเเต่ลองคิดดูนะครับถ้าวันนั้นไม่ใช่หน้าผากเเต่เป็นตาผมละคงจะบอดเเน่นอน ถ้าถามว่าเกิดผลเสียอะไรกับผมเหรอมันมีเเน่นอนครับ ผมจะไม่ชอบอดีตในวัยเด็กของตัวเองครับไม่อยากจะจำอยากจะลืมเรื่องพวกนี้มากเเต่ก็ลืมไม่ได้ธรรมดาครับความทรงจำที่เจ็บปวดคนเรามักลืมยาก เเต่พอผ่านพ้นช่วงนั้นมาได้ก็เริ่มดีขึ้น อาจเป็นเพราะเราเริ่มโตขึ้นวุฒิภาวะก็มีมากขึ้น ถึงจะยังมีมั่งประปรายถึงกระนั้นข้อดีก็ยังมีนะครับ ผมที่เคยผ่านการโดนบลูลี่มาจะไม่ชอบการบลูลี่เลยครับพูดได้ว่าไม่เคยบลูลี่คนอื่นเลยเพราะตัวเราเองที่โดนมาจะรู้ว่าการโดนมันเจ็บปวดขนาดไหน สุดท้ายนี้ catman ขอขอบคุณผู้อ่านที่ให้ความสนใจอ่านบทความของผมเเละขอเป็นกำลังใจให้คนที่ถูกบลูลี่หรือเคยผ่านการโดนบลูลี่มาก่อน ขอให้ผ่านพ้นในช่วงนั้นไปได้อดทนครับเดี๋ยวก็ผ่านไปถ้าผ่านไปได้อะไรๆก็จะดีขึ้นเองละครับ ส่วนใครที่กำลังบลูลี่คนอื่นอยู่ก็ขอให้หยุดเถอะครับ บางทีคนที่คุณกำลังบลูลี่อยู่ในวันนี้ อาจจะเป็นมิตรเเท้ของคุณในวันหน้าก็ได้หันมาทำความดีให้กันดีกว่าครับ ขอจบบทความเเต่เพียงเท่านี้ขอบคุณครับ *เกร็ดความรู้ : ประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศที่มีบลูลี่ในวัยประถมเยอะมากจึงมีประกันภัยบลูลี่ขึ้นประกันภัยนี้ไม่ใช่การได้รับเงินชดเชยเมื่อลูกถูกแกล้ง แต่เป็นการให้ความช่วยเหลือทางการเงินในการจ้างทนายเพื่อดำเนินการทางกฎหมายกับคนแกล้งหรือโรงเรียน ภาพปกโดย Gerd Altmann จาก Pixabayhttps://pixabay.com ภาพ1โดย Gerd Altmann จาก Pixabayhttps://pixabay.com ภาพ2โดย Gerd Altmann จาก Pixabayhttps://pixabay.com ภาพ3โดย Gerd Altmann จาก Pixabayhttps://pixabay.com