การทำงานที่บ้าน เป็นหนึ่งในหนทางที่จะช่วยควบคุมการแพร่กระจายเชื้อและได้รับเชื้อ COVID-19 แต่การที่ต้องอยู่บ้านนี้ กลับทำให้กิจวัตรรวน กินจุกจิกมากขึ้น สุดท้ายภูมิคุ้มกันแย่ลง น้ำหนักขึ้น แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ทางเราได้เอา 5 วิธีง่าย ๆ ที่จะกู้หุ่นฟิต พิชิต Overeating มาฝากค่ะ วิธีที่ 1 : ปรับตารางการกิน การมีเวลาการกินที่เป็นระบบ หรือเป็นกิจวัตรนั้นส่งผลให้ระบบในร่างกายของเราเป็นปกติด้วยนะคะ ไม่ว่าจะช่วยเรื่องควบคุมความหิว ไม่ให้กินจุกจิกระหว่างวัน ระบบย่อยอาหาร รวมไปถึงการนอนด้วยค่ะ ถือว่าสำคัญมาก ๆ เลยนะคะ มาเริ่มจากการกินข้าวเช้าภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากตื่นนอน และกินให้ครบ 3 มื้อ โดยกำหนดเวลาแต่ละมื้อ เช่น มื้อเช้า : 8 โมง มื้อเที่ยง : เที่ยงตรง มื้อเย็น : 5 โมงเย็น ซึ่งแต่ละมื้อควรห่างกัน 4-5 ชั่วโมง จะเพิ่มตัวช่วยเตือนกินข้าวด้วยนาฬิกาปลุก หรือแอปพลิเคชันที่ช่วยแจ้งเตือน อย่าง Reminder ก็ไม่แย่นะคะ อย่างน้อยให้เป็นกิจวัตรก็โอเคแล้วค่ะ ขอบคุณภาพจาก canva วิธีที่ 2 : คำนึงถึงคุณค่าทางอาหารที่จะได้รับในทุกมื้อ เน้นกินผักใบเขียวหรือผลไม้น้ำตาลต่ำ เลือกโปรตีนจากพืช ถั่วเลนทิล ถั่วชิกพี เต้าหู้ หรือเนื้อสัตว์ที่ไขมันต่ำ คาร์โบไฮเดรตที่มาจากข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท มันฝรั่งหรือมันหวาน และรับไขมันที่ดีจาก ถั่วอัลมอนด์ เมล็ดฟักทอง อโวคาโด หรือจากน้ำมันมะกอก หรือจะจัดสัดส่วนจานตามภาพด้านล่างนี้ก็ง่ายไปอีกแบบนะคะ เพียงเท่านี้ก็ได้รับสารอาหารและวิตามินเพียงพอต่อวันแล้วค่ะ ขอบคุณภาพจาก canva วิธีที่ 3 : คิดก่อนดื่ม หากกระหาย พยายามดื่มน้ำเปล่าให้ได้มากที่สุดนะคะ ลดหรือเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ น้ำหวาน หรือเครื่องดื่มที่มีสารให้ความหวาน เพราะทั้งหมดนี้แหละค่ะที่จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแย่ลง ถ้าอยากกินของหวาน ๆ ลองเปลี่ยนเป็นผลไม้สด อย่าง แอปเปิ้ล แตงโม ฝรั่ง หรือจะเอาไปปั่นเป็นสมูทตี้เย็น ๆ ก็จะยิ่งฟินค่ะ แต่ระวังผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงอย่างมะม่วงสุก ลำไย เงาะและทุเรียนด้วยนะคะ หรือถ้าไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า ลองนำแตงกวา เปลือกส้ม หรือเปลือกมะนาวล้างสะอาดมาใส่ในแก้วน้ำทำเป็น Infused Water ก็ได้นะคะ หากสนใจทางเรามีลิงค์ที่เป็นรวม 7 สูตร Infused water คลิกตรงนี้ได้เลยค่ะ ขอบคุณภาพจาก canva วิธีที่ 4 : หิว หรือ เบื่อ แยกให้ดี แน่นอนว่าทำงานก็จะเครียดใช่ไหมคะ เวลาเครียดเราก็จะอยากกินอะไรสักอย่าง ทั้งที่เราไม่ได้หิวเลย เวลาที่เราหิวจริง ๆ ท้องจะร้องค่ะ นอกจากนี้การกินอาหารพร้อมทำอย่างอื่นไป จะทำให้เรากินอาหารได้มากขึ้นจนอาจจะกินเยอะเกินไป ดื่มด่ำกับรสชาติ เคี้ยวนาน ๆ และก็หยุดกินทันทีเมื่อรู้สึกอิ่ม และที่สำคัญ เลือกตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพด้วยนะคะ และหากรู้ตัวแล้วว่าตัวเองเริ่มเครียด ให้ลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน หรือออกจากโซนทำงานก่อนค่ะ ยืดเส้นยืดสาย ถ้ามีระเบียงก็ยืนรับลมหน้าระเบียง เดินไปดื่มน้ำ เล่นกับสุนัขหรือสัตว์เลี้ยง หรือ คุยกับคนในบ้านก็ได้ค่ะ แต่พยายามอย่าเล่นโทรศัพท์นะคะ เพราะการเล่นโทรศัพท์เราต้องใช้สายตา ซึ่งจะเท่ากับว่าใช้สมองไปด้วย กลายเป็นว่าสมองเราก็จะไม่ได้พักนะคะ ขอบคุณภาพจาก canva วิธีที่ 5 : แคล(อรี่)นี้เพื่อเธอ “ห้ามกินคุกกี้เด็ดขาด มันอ้วนนะ!!” ความจริงเรากินได้นะคะ สมมุติเราอยากกินคุกกี้สักสองชิ้นหลังมื้อเที่ยง เราก็ลดคาร์โบไฮเดรตในมื้อเที่ยงลง เพื่อเก็บแคลอรี่ให้กับคุกกี้แสนรักของเรานั่นเองค่ะ นอกจากนี้ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นขนมนะคะ จะเป็นพิซซ่า ไอศรีม เค้ก หรืออะไรก็ตาม เรามองที่ส่วนประกอบหลัก และพลังงานที่จะได้รับคร่าว ๆ ของอาหารนั้น ๆ แล้วก็ประมาณเอา หรือจะเซิร์ชกูเกิ้ล โดยการ พิมพ์ชื่ออาหาร แล้วตามด้วยคำว่า "แคลอรี่" แล้วเอาไปหักลบกับมื้ออาหารต่อไปของเรา และที่สำคัญที่สุดเลยคือ กินแค่พอให้หายคิดถึงนะคะ เพียงเท่านี้เราก็เอนจอยขนมหรือของโปรดเราได้ โดยไม่ต้องอดจนเก็บไปฝันแล้วค่ะ ขอบคุณภาพจาก canva สุดท้ายนี้สิ่งที่อยากฝากไว้คือ การที่เราจะก้าวผ่านวิกฤต COVID-19 หรืออะไรก็ตาม เราต้องมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ทั้งด้านกายภาพและจิตภาพ โดยการที่เราจะมีทั้งสองอย่างที่ดีได้นั้น ก็มาจากการกินที่ดีของเราและการมีความคิด หรือ Mindset ที่มีต่ออาหารค่ะ ไม่ว่าจะกินอะไร Junk Food Clean Food หรืออะไรก็ตาม จะต้องอยู่ปริมาณที่สมควร การนอนที่ดี และที่สำคัญคือแม้จะมีการให้เว้นระยะห่างทางสังคมแต่ไม่ใช่ว่าเราจะต้องอยู่แต่ในบ้านเท่านั้นนะคะ (นอกเสียจากต้องกักตัว) อยากให้ออกไปเดินรอบหมู่บ้านวันละ 20 นาที หรือถ้าต้องกักตัวจริง ๆ ก็ยืดเส้นยืดสาย วิดพื้น สควอท หรือทำตามคลิปในยูทูปก็ได้ค่ะ เพียงเท่านี้ก็จะทำให้เรามีภูมิคุ้มกันพร้อมที่จะฝ่าทุกวิกฤตไปได้แล้วค่ะ ขอบคุณข้อมูลจาก Health