ขึ้นชื่อว่าโรคกรดไหลย้อน แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกทรมานแล้วคะ วันนี้เจ้าของกระทู้จะมาแชร์ประสบการณ์การเป็นโรคนี้ พร้อมวิธีการรักษาที่ลองมาเกือบทุกวิธี ใครว่าดีก็สรรหามาลองหมด ให้มันรู้กันไปข้างนึงเลย ย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีก่อน จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ประสบพบเจอกับเจ้าโรคนี้เกิดขึ้นตอนที่ตัดสินใจเรียนโทไปด้วยทำงานประจำไปด้วย แม้จะเห็นอนาคตลางๆว่าจะต้องเจออะไรบ้าง งานหนัก เรียนหนัก เครียด นอนไม่พอ ไม่มีเวลาส่วนตัว แต่ก็ขอลองดูสักครั้งในชีวิต เจ้ากรดไหลย้อนเข้ามา Say hi ครั้งแรกในชีวิตช่วงเทอม 2 ของปีการศึกษาแรก หลังจากคุณหมอวินิจฉัยจากอาการที่เป็นแล้วยืนยัน 100% ว่าคุณเป็นกรดไหลย้อนครับ !!!! อาการช่วงนั้นทรมานแสนสาหัส ตั้งแต่แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก อาหารไม่ย่อย กระแอมไออยู่บ่อยครั้ง เสียงเริ่มแหบจนพี่ที่ทำงานเริ่มทักว่าเสียงแมนจัง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด เวลานอนทรมานมากเหมือนจะขาดอากาศหายใจ ต้องสะดุ้งตื่นเป็นพักๆเพื่อลุกขึ้นมานั่งหายใจ ยามกินแทบจะไม่ได้กิน เพราะทานได้แต่อาหารอ่อนๆรสจืดเหมือนอาหารคนป่วย หมอสั่งห้ามทาน ชา กาแฟ น้ำอัดลม ของมัน ของทอด ของเปรี้ยว นม เนย ชีส เบเกอร์รี่ อาหารรสจัด เยอะมากจนไม่รู้ว่าสรุปแล้วหนูทานอะไรได้บ้างคะคุณหมอ ? ยามนอนก็แสนจะทรมาน ต้องนอนหมอนสูง นอนตะแคง นอนหงายไม่ได้ หายใจไม่ออก TT วิธีการและยารักษา เรียกได้ว่าลองมานับไม่ถ้วน ทั้งส่องกล้องกระเพาะอาหาร ส่องกล้องลำไส้ใหญ่ ฉีดยาลดกรด ทานยาทั้งยาในยานอกเม็ดละหลายร้อยก็ทานมาหมดแล้ว ยาสมุนไพร ยาธาตุ น้ำหมักที่ใครว่าดี ก็ไปสรรหาเอามาทานจนได้ มีกราวิสคอนและ Motitium เป็นเพื่อนซี้ที่ต้องพกติดกระเป๋าอยู่ตลอดเวลาเผื่อกรดไหลย้อนแวะเวียนมาทักทายโดยไม่บอกกันล่วงหน้า จะได้มีหน้าด่านไว้รับมือการโจมตีของกรดได้ทัน !!! พอถึงจุดหนึ่งมันเริ่มไม่ไหวแล้ว เริ่มหันย้อนกลับมามองตนเอง ถามตัวเองว่า ทำไมมันไม่หายสักที ? ลองมาก็ทุกวิธีแล้ว กลับมาพิจารณาหาสาเหตุที่ตัวเรา ถามตัวเองต่อว่า เราจริงจังกับมันมากพอหรือยัง? มีตรงไหนที่เรายังทำไม่เต็มที่? ถ้าจะให้กินยาแบบนี้ไปตลอดชีวิตรับรองตับพังกันพอดี จึงตัดสินใจเริ่มปรับเปลี่ยนแนวคิดและการใช้ชีวิตของตนเอง พูดได้เลยว่าทำได้ยังไม่ถึง 100% แต่ก็ยังดีกว่าไม่เริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง เริ่มจากชา กาแฟ ชานมไข่มุก ที่ต้องดื่มทุกวัน ติดงอมแงม ถามว่าทุกวันนี้ยังดื่มหรือไม่ ? ตอบเลยว่าดื่ม แต่เอาแค่ชิมๆนิดหน่อยให้ลิ้นได้สัมผัสและหายอยาก ของมัน ของทอด ขนมเบเกอร์รี่ ถามว่าทุกวันนี้ยังทานหรือไม่ ? ตอบเลยว่าทาน แต่ลดปริมาณลงจาก 1 ชิ้น ก็เหลือแค่ 1 ใน 4 ชิ้น ทานแค่พอสนอง Need เท่านั้น อาหารไม่ย่อย แน่นท้อง หันมาดื่มน้ำหลังตื่นนอนและก่อนมื้ออาหาร 1-2 แก้ว เพื่อช่วยย่อย ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ก็ดีกว่าไม่ทำ อาการแน่นหน้าอกจากกรดตี และหายใจไม่ทั่วท้อง พยายามออกกำลังกายมากขึ้น เพื่อให้สรีระร่างกายช่วงล่างได้ขยับ โยกย้ายส่ายสะโพกบ้าง ลดความเครียด รู้ว่าสาเหตุของความเครียดมาจากไหนก็พยายามถอยห่าง แม้จะทำไม่ค่อยได้ แต่หาสาเหตุแห่งทุกข์พบ ใจก็ชนะไปครึ่งหนึ่งแล้ว หันมาทานอาหารคลีนมากขึ้น จากการทานเพื่อหวังลดน้ำหนัก แต่กรดไหลย้อนอาการดีขึ้นเป็นผลพลอยได้ที่ยิ่งใหญ่ แม้ว่าตอนนี้ เจ้ากรดไหลย้อนยังไม่ได้ตายจากจากชีวิตเจ้าของกระทู้ แวะเวียนมาทักทายกันบ้างบางโอกาสตามสิ่งเร้าและสภาพการใช้ชีวิต แต่การเริ่มหันมาปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตก็นับเป็นสัญญาณที่ดีที่เราหันมาให้ความสำคัญกับตัวเองมากขึ้น คงต้องใช้เวลาสักพักใหญ่กว่าร่างกายจะกลับมาปกติเหมือนเดิม ช่วยตนเองวินิจฉัยและรักษาร่างกายด้วยตนเอง โดยไม่ต้องหวังพึ่งหมอและยาของหมอเพียงอย่างเดียว เพราะในอนาคตตับของเจ้าของกระทู้คงไม่ถูกใจบรรดายารักษาโรคของหมอนัก ☹ รูปประกอบโดยเจ้าของกระทู้