เชื่อว่าคงไม่มีใครที่ไม่เคยกินกล้วยน้ำว้านะคะ เพราะถูกนำมาทำเป็นขนมหลากหลายอย่าง อีกทั้งยังเป็นผลไม้ที่หาซื้อง่าย ราคาก็ไม่แพง แถมยังมีตลอดทุกฤดูอีกด้วย คิดว่าคุณผู้อ่านเองก็คงจะรู้เกี่ยวกับประโยชน์ของกล้วยน้ำว้ามาบ้างแล้ว ไม่มากก็น้อยนะคะ แต่ทำไมบางคนกินแล้ว เป็นแค่ผลไม้ที่ช่วยบำรุงสุขภาพเท่านั้น ในขณะที่กับบางคน กลับเป็นยารักษาโรคได้ เอาล่ะค่ะ ก่อนที่ผู้เขียนจะแชร์ประสบการณ์ของตัวเอง ก็ขอบอกประโยชน์คร่าว ๆ ของกล้วยน้ำว้าในแต่ละวัย ก่อนนะคะ เผื่อคุณอ่านที่ยังไม่รู้ถึงประโยชน์และสารอาหารที่แตกต่างกัน ที่มีอยู่ในแต่ละวัยของกล้วยน้ำว้าค่ะ 1. กล้วยดิบ เปลือกสีเขียว ภาพโดย : เจ้าของบทความจากสารอาหารต่างๆในกล้วยดิบนั้นจึงทำให้กล้วยดิบมีสรรพคุณ ดังนี้ช่วยแก้อาการท้องเสีย ช่วยสมานแผลในกระเพาะและลำไส้ รักษาแผลในกระเพาะ ลดไขมันในเลือดช่วยลดความดันโลหิต และเบาหวาน 2. กล้วยห่าม กึ่งสุกกึ่งดิบ เปลือกเขียวปนเหลือง ภาพโดย : เจ้าของบทความสรรคุณทำให้อารมณ์ดี ช่วยต้านภาวะซึมเศร้า ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งในกระเพาะ ลำไส้ และมะเร็งตับ ช่วยบรรเทาอาการโรคริดสีดวงทวารหนัก อาการท้องเสีย ลดความดัน ชะลอความชรา ลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน ช่วยดีท็อกซ์ลำไส้ ป้องกันโรคโลหิตจาง 3. กล้วยสุก เปลือกสีเหลือง ภาพโดย : เจ้าของบทความสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อน ๆ ช่วยแก้ท้องผูก ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ช่วยลดอาการนอนไม่หลับ อาการหงุดหงิดของผู้หญิงในช่วงมีประจำเดือน 4. กล้วยสุกงอม เปลือกจะมีจุดสีดำ ภาพโดย : เจ้าของบทความ4 กล้วยงอมด้วยสาร TNF ที่มีอยู่ในกล้วยสุกงอม ยิ่งกล้วยมีจุดสีดำเยอะเท่าไหร่ ( ยิ่งงอม ) ก็ยิ่งมีสารนี้เยอะขึ้นเท่านั้น ซึ่งเป็นสารที่จะไปช่วยสร้างเม็ดเลือดขาวให้มากขึ้น ช่วยสร้างภูมิต้านทาน อีกทั้งยังสามารถที่จะไปต่อสู้ และยับยั้งเซลล์ที่ผิดปกติ หรือเซลล์มะเร็งได้ดังนั้นจะเห็นว่า แม้กล้วยแต่ละวัยแต่ละสี จะมีความพิเศษที่แตกต่างกันอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วในกล้วย 1 ลูก จะมี คาร์โบไฮเดรต วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินบี 1 บี 2 และบี 6 อีกทั้ง ธาตุโพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียม สารต้านอนุมูลอิสระ สารเบต้าแคโรทีน น้ำตาลเชิงเดี่ยว คือ ซูโครส กลูโคส และฟรุกโทส ซึ่งร่างกายสามารถเอาไปใช้ได้ทันที และกล้วยน้ำว้ายังให้ แคลเซียม สูงกว่า กล้วยชนิดอื่น ๆ มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อปิ้งหรือต้ม แคลเซียมก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นถึง 5 - 6 เท่า เลยทีเดียวค่ะ เอาล่ะค่ะ แม้จะรู้แล้วว่า กล้วยน้ำว้านั้นมีประโยชน์มากมายเพียงใดก็ตาม แต่จะไม่ได้รับประโยชน์เหล่านั้นเลย หากไม่กินหรือกินไม่เป็น ต้องกินยังไงล่ะ.....คำตอบ ก็คือ ต้องกินเป็นประจำทุกวันค่ะ อย่าให้ขาด ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เรากินยาเพื่อรักษาโรค เราก็ต้องกินยาตัวนั้นเป็นประจำทุกวัน ใช่ไหมล่ะคะ ถ้ากินบ้าง ไม่กินบ้าง กล้วยน้ำว้าที่มีฤทธิ์เป็นยาก็จะกลายเป็นแค่ผลไม้ที่เข้าไปบำรุงสุขภาพ เป็นครั้งคราวเท่านั้นล่ะค่ะ ซึ่งก่อนหน้านั้น ผู้เขียนเองก็กินนะ กล้วยน้ำว้าน่ะ เพราะมีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่าย มักจะท้องผูกบ่อย ๆ แถมยังเป็นกรดไหลย้อนด้วย แม้จะรู้ว่ากล้วยน้ำว้าช่วยในการขับถ่าย แต่ก็อย่างว่าล่ะค่ะ กินบ้างไม่กินบ้าง จึงไม่เห็นผลอย่างที่ควรเป็น จนครั้งหนึ่ง ได้ฟังบรรยายจากแพทย์หญิงท่านหนึ่ง ท่านบอกว่า การจะกินสมุนไพรเพื่อการรักษาโรคนั้น จะต้องกินเป็นประจำทุกวัน ต่อเนื่องกันอย่างน้อย 11 เดือนถึงจะเห็นผล ซึ่งพอรู้อย่างนี้แล้ว ผู้เขียนเองก็เลยคิดว่า การที่จะกินกล้วยน้ำว้าต่อเนื่องนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเป็นผลไม้ที่หาซื้อได้ง่าย ราคาก็ไม่แพง อีกทั้งยังมีตลอดทุกฤดูอีกด้วย จึงได้กินมาเป็นเวลา 7 เดือนแล้วล่ะค่ะ ขอบอกว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นมหัศจรรย์จริง ๆ ได้มากกว่าประโยชน์ที่เคยรู้มาด้วยซ้ำ ซึ่งถ้ารู้อย่างนี้ ก็กินมานาแล้วล่ะค่ะ สิ่งที่ได้จากการกินกล้วยน้ำว้า...1. อาการปวดประจำเดือนหาย ผู้เขียนเอง ก็ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงส่วนมากค่ะ ที่เวลามีประจำเดือนแล้ว ก็จะปวดท้อง หรือแม้แต่ก่อนเป็นประจำเดือน จะมีอาการคัดหน้าอกมาก ๆ รวมทั้งปวดหลัง ปวดเอว สารพัด บางครั้งก็ปวดหัว อาการเหล่านี้มักจะเกิดทุกครั้งเสมอ ไม่ว่าก่อนหรือตอนเป็นประจำเดือน ถือว่าเป็นปัญหามาก ๆ ที่ต้องทรมานทุกเดือน โดยที่ไม่มีทางแก้เลย นอกจากจะกินยาแก้ปวดระงับบ้าง หากทนไม่ไหวจริงๆ เชื่อว่าคุณผู้อ่าน ที่เป็นที่เป็นผู้หญิงก็ คงจะเจอปัญหาเดียวกันนะคะ เพราะเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกของผู้หญิงจริง ๆ แต่รู้ไหมคะว่า พอเข้าเดือนที่สอง ที่กินกล้วยเป็นประจำทุกวันเท่านั้นล่ะค่ะ อาการต่าง ๆ ที่มีก่อนเป็นประจำเดือนนั้น หายเป็นปลิดทิ้งเลย ส่วนการปวดประจำเดือนก็ได้ค่อย ๆ หาย จนมาเดือนนี้ ซึ่งก็กินมาได้ 7 เดือนแล้ว ก็ไม่ปวดอีกเลยค่ะ อีกอย่างก็คือ พอหมดก็หมดจริง ๆ ไม่มีการกระพริบกระปรอย ให้รำคาญใจเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว นี่จึงเป็นประสบการณ์ ที่ไม่ได้คาดหวังเลยว่า เมื่อกินกล้วยน้ำว้าแล้ว จะช่วยรักษาการปวดประจำเดือนได้ด้วย จึงอยากจะแชร์ให้คุณผู้หญิงที่มีอาการเหล่านี้ ลองหากล้วยน้ำว้า มากินเป็นประจำทุกวันดูนะคะ ขอย้ำว่าต้องกินเป็นประจำทุกวันค่ะ จึงจะเห็นผล 2. ระบบขับถ่าย และย่อยอาหาร ดีขึ้น นอกจากระบบขับถ่ายและย่อยอาหาร จะดีขึ้นแล้ว กลิ่นปากก็หายไปด้วยค่ะ เนื่องจากผู้เขียน มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะไม่ ก็เลยทำให้ลมหายใจมีกลิ่น ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับฟันผุ พอระบบย่อยและขับถ่ายดีขึ้น ก็ทำให้กลิ่นนั้นหายไปโดย ตอนนี้ไม่ต้องกังวลอีกแล้วล่ะค่ะ3. ภูมิต้านทานแข็งแรง ต้องยอมรับว่า กินกล้วยน้ำว้าแล้ว ทำให้มีภูมิต้านทานดีขึ้นจริง ๆ ค่ะ เพราะว่าเนื่องจากกินกล้วยน้ำว้าทุกวัน แม้ว่าคนในบ้านติดโอเมคอนกัน แต่ผู้เขียนเองเป็นคนเดียวที่ไม่ติด ไม่ได้บอกนะคะว่า ช่วยป้องกันโควิดได้ แต่กำลังบอกว่า มันทำให้ภูมิต้านทานแข็งแรงขึ้น สามารถต้านเชื้อโรค เชื้อไวรัสต่างๆได้ดีขึ้นค่ะ เห็นไหมล่ะคะว่า กล้วยน้ำว้านั้นเป็นยาวิเศษขนาดไหน เพียงแค่รู้จักกิน กินทุกวัน กินเหมือนกับกินยา ซึ่งผู้เขียนจะกินทั้ง กล้วยห่าม กล้วยสุกและกล้วยสุกงอมสลับกัน ขึ้นอยู่กับว่าซื้อได้กล้วยแบบไหน แต่ไม่เคยกินกล้วยดิบค่ะ และจะกินวันละไม่เกิน 3 - 4 ลูก ตื่นมาก็จะกินไปเลย 2 ลูก แล้วดื่มน้ำ 2 แก้วตาม ที่เหลือก็จะกินระหว่างวันค่ะ เมื่อกินอย่างนี้ทุกวัน จะทำให้สารอาหารต่าง ๆ มากมายที่มีอยู่ในเค้า ก็จะเข้าไปซ่อม สร้าง เสริม รักษา และปรับให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายนั้นสมดุล ทำให้เรามีสุขภาพที่ดี แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย ๆ นอกจากสุขภาพดีแล้ว ก็ยังได้ด้านความสวยความงามอีกด้วยค่ะ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะคะ ขอบคุณค่ะ ภาพโดย : เจ้าของบทความอยากผอมหุ่นดี อยากมีซิกแพค หาอินสปายลดน้ำหนัก เข้าร่วมด่วนที่ฟิตแอนด์เฟิร์มคอมมูนิตี้https://intrend.trueid.net/post/332259