ก็อย่างที่รู้ ๆ กันว่า กล้วยน้ำว้านั้นมีฤทธิ์เป็นยา ที่รักษาได้หลากหลายหากว่ากินเป็น และนอกจากจะต้องกินให้เป็นแล้ว ยังต้องกินให้ถูกกับช่วงเวลาด้วยนะคะ ถึงจะได้ผลสำหรับบางเรื่อง เช่น กลิ่นปาก เป็นต้นค่ "กลิ่นปาก" ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียวล่ะค่ะ เพราะมันจะส่งผลต่อความมั่นใจ และบุคลิกของคนนั้น อีกทั้งผู้คนรอบข้าง ก็ไม่อยากจะอยู่ใกล้หรือคุยด้วยเลย ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเดียวนะ ที่คนรอบข้างไม่กล้าทักหรือเอามาล้อเลียนน่ะค่ะ นอกจากคนที่จะสนิทกันจริง ๆ เท่านั้น ถึงจะกล้าบอก แต่ก็ต้องใช้ความกล้าอย่างมากเลยล่ะ ในการที่จะบอกอีกฝ่ายรู้ …และนี่ยังเป็นเรื่องเดียวอีกด้วย ที่ไม่มีใครอยากจะถูกทักน่ะ… เพราะหากถูกล้อในด้านรูปร่างหน้าตา หรือด้านอื่น ๆ แล้ว จะแค่ทำให้ผู้ถูกล้อรู้สึกโกรธ แต่หากถูกทักว่ามี "กลิ่นปาก" แล้วล่ะก็ ความรู้สึกมันจะต่างกันลิบลับเลยล่ะค่ะ ซึ่งจะไม่ใช่ความโกรธ… แต่จะเป็นความอับอาย จนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีกันเลยทีเดียวล่ะ ซึ่งแย่ยิ่งกว่าถูกทักว่า "กลิ่นตัวเหม็น" ซะอีกนะคะ เชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยนะคะ ที่เมื่อเกิดปัญหาเกี่ยวกับกลิ่นปาก ก็จะแก้ไขปัญหา โดยการใช้ยาสีฟันดับกลิ่นปาก และน้ำยาบ้วนปาก ซึ่งก็อาจจะได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้างแตกต่างกันไป แต่สำหรับผู้เขียนแล้วไม่ค่อยได้ผลเลยค่ะ ไม่ว่าจะใช้ยาสีฟันที่เขาบอกว่าดีนักดีหนาก็ตาม แต่กลิ่นปากก็ยังเหมือนเดิม จนกระทั่งมากินกล้วยน้ำว้านี่ล่ะค่ะ ถึงได้หายจริง ๆ ซึ่งกลิ่นปากที่ผู้เขียนกำลังพูดถึงนี้ ไม่ใช่กลิ่นที่มาจากฟันผุนะคะ แต่เป็นลมหายใจที่มีกลิ่น ซึ่งก็เกิดได้จากหลากหลายสาเหตุเลยล่ะค่ะในบทความเรื่อง "กล้วยน้ำว้ากินยังไงให้เป็นยา" นั้น ผู้เขียนก็ได้พูดถึงประสบการณ์การกินกล้วยน้ำว้า ที่ช่วยรักษาหลาย ๆ เรื่อง รวมทั้งเรื่องกลิ่นปากด้วย ซึ่งตอนนั้นรู้แค่ว่า กินแล้วช่วยให้กลิ่นปากหาย แต่ไม่ได้รู้ว่า จริง ๆ แล้ว จะมีแค่ช่วงเวลาเดียวเท่านั้น ที่กินแล้วถึงจะได้ผล.. จนกระทั่งสังเกตว่า คนใกล้ตัว ทำไมกลิ่นปากไม่หายสักที แม้ว่าเขาจะกินกล้วยวันละ 2 ลูก ระหว่างวันก็ตาม เพราะด้วยความสงสัย และไม่รู้จริง ๆ ว่า ทำไมถึงไม่ได้ผลลัพธ์เหมือนกัน เลยให้เขาลองแบ่ง 1 ลูก มากินหลังตื่นนอนทันที และดื่มน้ำตามด้วย เหมือกับที่ผู้เขียนกินเป็นประจำทุกวัน ปรากฏว่า กินติดต่อกันประมาณเกือบ 2 อาทิตย์ กลิ่นนั้นก็หายไปเลยค่ะ ปกติแล้วเขาจะเป็นคนที่ มีกลิ่นลมหายใจแรงมาก ๆ อย่าว่าแต่คุยเลยค่ะ แค่หายใจเท่านั้นกลิ่นก็โชยมาแล้วล่ะ แต่ก็อย่างที่บอกล่ะค่ะ มันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครกล้าพูด เพราะกลัวว่าคนที่ถูกทักจะรู้สึกอับอาย เลยให้เขาลองเปลี่ยนแค่ช่วงเวลากินเท่านั้น ปัญหากลิ่นปากก็ถูกแก้เลยล่ะค่ะนี่แหล่ะค่ะ ประสบการณ์ใหม่ ที่อยากจะแชร์ให้กับคุณผู้อ่าน ซึ่งกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องกลิ่นปาก ที่ไม่หายสักที แม้จะลองมาแล้ว ร้อยแปดพันเก้าวิธี ก็ยังเหมือนเดิม ลองหากล้วยน้ำว้าสุก มากินทุกวันหลังตื่นนอนทันทีนะคะ ประมาณ 1-2 ลูก แล้วดื่มน้ำตามประมาณแก้ว 1-2 แก้วด้วยค่ะ ซึ่งผู้เขียนได้กินอย่างนี้มา เป็นเวลา 8 เดือนแล้วล่ะ บอกได้เลยว่า กลิ่นปากหรือกลิ่นลมหายใจที่เมื่อก่อนเคยเป็นกังวลนั้น ตอนนี้หายไปหมดแล้วค่ะ แม้แต่เวลาตื่นนอนตอนเช้า หรือช่วงระหว่างวัน ก็ไม่มีกลิ่นเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วล่ะค่ะ จึงรู้สึกประทับใจมากเลย ที่แค่กินกล้วยน้ำว้าหลังตื่นนอน ก็สามารถจัดการปัญหานี้ได้อย่างอยู่หมัดเลยล่ะค่ะ.. ซึ่งจริง ๆ แล้วกล้วยน้ำว้า ก็ยังรักษาอีกหลาย ๆ อย่างด้วยนะคะ ซึ่ง ผู้เขียน ได้แชร์ประสบการณ์ ในบทความเรื่อง "กล้วยน้ำว้ากินยังไงให้เป็นยา" หากคุณผู้อ่านที่ยังไม่เคยอ่าน ก็ลองไปอ่านดูนะคะ เพราะผู้เขียนได้แชร์ประสบการณ์ว่า จะกินกล้วยน้ำว้ายังไงให้เป็นยา… แล้วรักษาอะไรได้บ้าง โดยเฉพาะคุณผู้หญิงที่ปวดประจำเดือนต้องอย่าพลาดเลยล่ะค่ะ ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าบทความนี้จะมีประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อยนะคะ และหากเห็นว่ามีประโยชน์ ก็ช่วยแชร์ต่อให้กับเพื่อน ๆ หรือคนที่รักด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ... เครดิตภาพ : ภาพปกโดย : ภาพปก : Mehmet_Egrik / Pixabay ภาพประกอบที่ 1 โดย : ภาพปก : Mehmet_Egrik / Pixabay ภาพประกอบที่ 2 โดย : เจ้าของบทความ ภาพประกอบที่ 3 โดย : เจ้าของบทความ ภาพประกอบที่ 4 โดย : เจ้าของบทความอยากผอมหุ่นดี อยากมีซิกแพค หาอินสปายลดน้ำหนัก เข้าร่วมด่วนที่ฟิตแอนด์เฟิร์มคอมมูนิตี้