หลายคนแค่ได้ยินคำว่าฟันคุดก็ต้องหน้ายู่เบือนไปทางอื่น ถ้าไม่ใช่คนที่ผ่านการผ่าฟันคุดมาแล้ว ก็อาจเป็นคนที่กลัวความเจ็บจากการฟังประสบการณ์อันเจ็บปวดของคนอื่นมาแน่นอน เราก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เพิ่งผ่านประสบการณ์นี้มาหมาดๆ และอยากมาบอกเล่าให้ฟัง โดยเฉพาะใครที่กำลังกลัวหรือกำลังเผชิญกับการตัดสินใจปัญหาฟันคุดอยู่ มาฟังเรื่องของเราแล้วอาจจะมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง เพราะเคสของเราถือว่าเป็นอีกเคสหนึ่งที่ค่อนข้างยาก...ยากตรงไหน ตามกันมาได้เลยค่ะ จะเล่าให้ฟังไปพร้อมกับความรู้และคำแนะนำที่ได้จากการศึกษาข้อมูลให้หมดเปลือกค่ะ ต้นปี 2021 เราไปอุดฟันที่คลินิกหนึ่ง โดยก่อนที่คุณหมอจะเริ่มอุดฟัน คุณหมอจะทำการ x-ray ฟิล์มเล็กด้านที่จะอุดเพื่อดูว่าต้องทำลึกขนาดไหน แต่ปรากฏว่าคุณหมอหน้าตื่น ปรับเก้าอี้เราให้ลุกมานั่ง แล้วโชว์ฟิล์มให้ดู เป็นแบบนี้ค่ะ...ภาพ x-ray จริง ครั้งแรก โดย ผู้เขียน ฟันคุดคืออะไร? ต้องอธิบายก่อนว่า ฟันคุด คือ ฟันที่ไม่สามารถขึ้นได้ตามปกติในช่องปาก อาจจะโผล่ขึ้นมาได้แค่บางส่วน หรือบางกรณีก็ฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกรทั้งซี่เลย ฟันคุดที่พบได้บ่อยที่สุดมักจะเป็นฟันกรามซี่ในสุดซึ่งถ้าโดยปกติแล้วจะขึ้นเมื่อเราอายุประมาณ 18-25 ปี เขาจึงเรียกเจ้าฟันคุดนี้ว่า wisdom teeth เนื่องจากว่ามันขึ้นเมื่อเรามีสติปัญญาหรือความรอบรู้มากขึ้นแล้ว ฉะนั้นหากเราไปหาหมอฟันเมื่ออายุประมาณนี้ หมอจึงมักจะตรวจดูว่ามีฟันคุดหรือเปล่า หากมีฟันคุดหมอจะแจ้งให้เราทราบเพื่อวางแผนเอาออก เพราะหากไม่เอาฟันคุดออก มันจะสร้างปัญหากับเรามากมายในภายหลังอย่างแน่นอน ฟันคุดมีกี่แบบ? จากการที่เราหาข้อมูลมากมายก่อนจะได้ผ่าฟันคุดนั้น เราจำแนกออกเป็น 4 แบบ คือ1. ฟันคุดที่เอนมาด้านหน้า มักจะไปดันฟันซี่ที่อยู่ด้านหน้าทำให้ปวดได้2. ฟันคุดที่ขึ้นแบบตั้งตรงขึ้นมา อาจจะขึ้นมาได้บางส่วน และมีบางส่วนที่ยังฝังอยู่ในเหงือก3. ฟันคุดที่นอนระนาบพื้น ทำมุม 90 องศากับฟันด้านหน้า มักจะฝังตัวอยู่ในกระดูก และผ่ายากที่สุด4. ฟันคุดที่เอนไปด้านหลัง แบบนี้พบได้น้อยที่สุดในบรรดาฟันคุดทั้ง 4 แบบภาพวาดฟันคุดแบบต่างๆ โดย ผู้เขียน ฟันคุดสร้างปัญหาอะไร? สำหรับเรานั้น ไม่เคยรู้สึกปวดฟันคุดมาก่อนเลย จึงไม่เคยเอะใจที่จะเอาออก มาจนถึงอายุ 30 กว่า พอพบว่าตัวเองมีฟันคุดจึงคิดย้อนกลับไป อ๋อ...ไอ้ที่ชอบปวดหัวแบบไม่มีสาเหตุอาจจะเป็นเพราะปวดฟันคุดนี่แหละ เพียงแต่ไม่รู้ว่ามันคือปวดฟัน เพราะมันจะร้าวขึ้นไปหลังหู และเลยขึ้นกระหม่อม ไอ้เราก็นึกว่าเป็นไมเกรน และที่เหงือกอักเสบบ่อยๆ นี่ก็เป็นผลอันเนื่องมาจากฟันคุดนั่นเอง นอกจากนี้ฟันคุดมักจะไปเบียดฟันซี่ที่ใกล้เคียงจนทำให้ฟันกร่อน กระดูกรอบฟันละลาย เศษอาหารก็เข้าไปติดได้ง่าย ทำความสะอาดไม่ถึง จนสุดท้ายก็ทำให้ทั้งฟันคุดและฟันใกล้เคียงนั้นผุ ส่วนใหญ่แล้วฟันคุดก็ยังไปดันให้ฟันบริเวณนั้นฟันเคลื่อนเกซ้อนกันได้ ที่หนักมากขึ้นคือเกิดถุงน้ำรอบฟันหรือเนื้องอกได้ หนักขั้นกว่าขึ้นไปอีกคือฟันคุดทำให้ขากรรไกรบาง เมื่อได้รับการกระทบกระแทกจะทำให้ขากรรไกรหักง่าย กลับมาที่เคสของเราต่อค่ะ... เมื่อคุณหมอเจอฟันคุดซ้อนแนวนอนทับกัน 2 ซี่ ตามฟิล์มแผ่นเล็กแล้ว คุณหมอรีบสั่งให้เราไป x-ray แผ่นใหญ่ คือทั้งปากเลย โดยเครื่อง x-ray ใหญ่ ก็จะมีลักษณะคล้ายเสาไว้ตั้ง และมีที่ให้เราเอาคางไปวางไว้ พอดีกับที่ที่ให้เราใช้ฟันกัดไว้ เมื่อเปิดเครื่อง มันจะหมุนรอบตัวเรา ให้เรายืนนิ่งๆ ประมาณ 10 วินาที ผลจากภาพฟิล์มใหญ่เป็นแบบนี้ค่ะภาพ x-ray จริง ครั้งที่ 2 โดย ผู้เขียน เป็นฟันคุดนอนซ้อนกันทั้ง 2 ข้างเลยค่ะ! หมอทำหน้าตื่นกว่าเดิมอีกค่ะ หมอบอกว่าฟันคุดมันกินกระดูกรอบฟันเราละลายไปแล้วด้วย อันนี้เป็นเคสยาก เท่าที่หมอเคยเป็นหมอมา เคยเจอเคสแบบนี้แค่ 2 ราย...ฟังแล้วจะเป็นลมค่ะ แค่ฟันคุดธรรมดาคนทั่วไปก็บ่นว่าเจ็บปวดกันระงมแล้ว แต่เราดันมี 2 ซี่นอนแบบซ้อนทับกัน ทั้งซ้ายและขวา ด้านบนอีกด้านละซี่ รวมๆ แล้วเรามีฟันคุดในปากทั้งหมด 6 ซี่ค่ะ มีใครให้มากกว่านี้ไหมเอ่ย? จากนั้นคุณหมอที่คลินิกเขียนใบส่งตัวเราไปยังโรงพยาบาล เพื่อให้หมอผู้เชี่ยวชาญได้ดำเนินการต่อ แต่โชคร้ายหรือโชคดีที่จะได้ยืดเวลาทำใจก็ไม่รู้ ช่วงนั้นโควิดระบาดหนัก ทั้งปีเราแทบไม่กล้าออกไปไหน เพื่อรอให้การระบาดซาลงก่อน รอมาจนกลางปี 2022 เห็นว่าเป็นเวลาที่เหมาะแล้วจึงเริ่มต้นด้วยการไปโรงพยาบาลในอำเภอก่อน เพื่อนำใบส่งตัวให้ทันตแพทย์ได้ดูฟิล์ม ทันทีที่ได้เห็นฟิล์ม x-ray คุณหมอก็ร้องกันใหญ่ คนไข้ก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ ค่ะ จากนั้นคุณหมอก็ติดต่อหมอผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการนัดผ่าฟันคุด ซึ่งหมอผู้เชี่ยวชาญท่านนี้ปกติจะประจำอยู่ในโรงพยาบาลของจังหวัด แต่จะเข้ามารับเคสในโรงพยาบาลอำเภอ 2 ครั้งต่อเดือน เราจึงต้องกลับมาใหม่เพื่อพบหมอผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง กระทั่งนัดแนะกันว่าจะทำการผ่าฟันคุดด้านล่างขวาก่อน เตรียมตัวอย่างไร เมื่อจะไปผ่าฟันคุด?1. ใครรู้ตัวว่าเป็นคนสำออย ให้เตรียมลางานสัก 1-3 วัน โดยเฉพาะหลังจากผ่าฟันคุด 2 วันแรก เพราะจะมีอาการปวด บวม ไม่ค่อยคล่องตัว แนะนำให้ลางานไว้ล่วงหน้า หรือสามารถขอใบรับรองแพทย์จากหมอได้ โดยหมอจะเขียนให้เราพักประมาณ 2 วัน ไม่ควรทำกิจกรรมใดๆ ให้พักผ่อนอยู่บ้านไปก่อน แต่หากใครมีความอึด ไม่สำออยเหมือนเราก็สามารถทำงานได้ตามปกติค่ะ2. นอนหลับให้เพียงพอ ดื่มน้ำเยอะๆ ช่วงสัปดาห์ก่อนผ่านั้นให้ทำร่างกายให้แข็งแรง ทำใจให้ผ่องใสเข้าไว้ค่ะ อย่าไปพูดเรื่องนี้กับใครมาก เพราะคนฟังชอบจะยกเคสนั้นเคสนี้มาบอกเรา เราจะจิตตกมากขึ้นค่ะ3. งดดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ ในระหว่างที่อยู่ในขั้นตอนผ่าฟันคุด4. ก่อนไปพบหมอ ทานข้าวให้อิ่มก่อน ห้ามอดข้าวเด็ดขาด เพราะเมื่อผ่าฟันคุดแล้วเราจะกินอะไรไม่ได้อีกหลายชั่วโมง5. แปรงฟันให้สะอาดหลังจากทานข้าว6. พกผู้ติดตามไปด้วยอย่างน้อย 1 คน เพื่อลดความตื่นเต้น เป็นเพื่อนคุยตอนนั่งรอหมอ และช่วยพากลับบ้านหลังจากผ่าเสร็จ7. วัดความดัน ต้องไม่สูงเกินเกณฑ์ เพราะจะทำให้เลือดหยุดไหลช้าและหมอจะไม่ทำการถอนหรือผ่าฟันให้ หากวัดความดันแล้วสูงให้ลองกลับมานั่งพัก หายใจลึกๆ ทำใจให้สบายก่อนสัก 10 นาทีแล้วค่อยไปวัดใหม่ค่ะ8. เวลาซักประวัติกับพยาบาล ต้องบอกความจริงนะคะ พยาบาลจะถามถึงการแพ้ยาหรือแพ้อาหารของเรา โรคประจำตัวจำพวก ความดันสูง ไขมัน คลอเรสเตอรอล เบาหวาน หัวใจ อย่าลืมบอกพยาบาลค่ะ อ่อ...ใครเป็นโรคกระเพาะหรือชอบปวดท้องเวลากินข้าวไม่ตรงเวลาต้องบอกด้วยนะคะ หมอจะได้จัดยาแก้ปวดที่ไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหารค่ะ เมื่อถึงเวลาขึ้นเขียง หมอจะให้เราบ้วนปากด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ให้อมไว้ประมาณ 30 วินาที ก่อนจะบ้วนทิ้ง และแล้วเวลาที่ทำใจมานานร่วม 1 ปี ก็มาถึง... หมอจะฉีดยาชาที่เหงือก อันนี้ให้ทำใจไว้เลยว่ามันจะเจ็บหน่อย แต่ก็ยังพอทนได้ ใครกลัวความเจ็บเหมือนเราให้ท่องคำว่า “อดทนๆๆๆ” ในใจไปเรื่อยๆ ทำให้มันจบๆ ไปซะให้สิ้นเรื่องค่ะ! ใช้เวลาไม่นานในการฉีดยาชา ตีไปสัก 1 นาทีก็เสร็จ หมอจะให้เราบ้วนปากอีกครั้งด้วยน้ำเปล่า บ้วนหลายๆ ครั้งตามที่หมอบอกเลยค่ะ รอสักพักเพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์ จากนั้นหมอจะทำอะไรบางอย่างในปากของเราเพื่อเช็คว่าเราเจ็บหรือเปล่า ถ้าไม่เจ็บแสดงว่ายาชาออกฤทธิ์แล้ว หมอก็จะดำเนินการผ่าค่ะ สำหรับเคสเราคุณหมอไม่ได้บอกว่าขั้นตอนนี้ทำอะไรบ้าง จะได้ยินเสียงกรอกระดูกและเสียงเครื่องดูดน้ำลายเป็นระยะ ขั้นตอนนี้เราใช้วิธีการสวดมนต์อยู่ในใจค่ะ สวดไปเรื่อยๆ ถูกบ้างผิดบ้างก็ไม่เป็นไร ท่องซ้ำไปซ้ำมาก็ท่องใหม่ พยายามดึงความสนใจอยู่ที่บทสวดมนต์ และทิ้งร่างกายนี้ให้อยู่ใต้การควบคุมของหมอไปเลย ยกเว้นเวลาหมอบอกให้หันหน้าหรือฝืนต้านแรงหมอก็ทำตามนั้นค่ะ เพื่อให้คุณหมอได้ทำงานได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้นค่ะ ส่วนใหญ่ระหว่างนั้นอาจมีอาการเจ็บบ้าง ให้บอกหมอทันที จะด้วยการยกมือ หรือร้องอืออาอะไรก็ว่าไปตามที่ตกลงกับหมอไว้ค่ะ ของเราหมอบอกให้ยกมือใต้ผ้าที่คลุมตัว แต่เมื่อถึงเวลาเราใช้การร้องออกมาเพราะเร็วว่าค่ะ ถ้ามีความเจ็บหมอจะฉีดยาชาเพิ่มให้ค่ะ หากเจ็บไม่มากลองทนไปก่อนค่ะ สำหรับฟันคุดที่เป็นแบบนอนอย่างเคสเรา คุณหมอจะทำการกรอแบ่งฟันออกเป็นส่วนๆ เพื่อให้เอาออกมาได้ง่าย เราจึงได้ยินแต่เสียงกรอกระดูกเป็นหลัก ความรู้สึกในปากก็จะหน่วงๆ สั่นสะเทือนหน่อยๆ ก็ฮึบไว้ค่ะ ให้มันจบๆ ไป! สักพักเราได้ยินเสียงเหมือนฟันกระทบกับแก้วดัง กริ๊กๆ ข้างหู แสดงว่าคุณหมอเอาฟันคุดของเราออกมาได้สำเร็จแล้ว 1 ซี่ค่ะ เหลืออีก 1 ซี่ที่ฝังอยู่ เอาค่ะ! จัดการซะให้มันจบๆ ไป! ซี่ที่ 2 นั้น เรารู้สึกกรอลึกกว่าเดิมอีก และหน่วงลงลึกไป ก็พยายามหายใจยาวๆ ตั้งสติให้อยู่กับบทสวดมนต์ต่อ ใครไม่ถนัดสวดมนต์ก็หาอย่างอื่นที่ชอบมากกว่าได้อย่างเช่น ร้องเพลงในใจ ท่องสูตรคูณ ท่องอาขยาน หรือสิ่งที่ถนัดในใจก็ได้ค่ะ จะช่วยดึงความสนใจ และไม่ทำให้รู้สึกว่าเวลาผ่านไปยาวนานมากค่ะ ความเจ็บปวดของเราเริ่มขึ้นครั้งที่ 3 เมื่ออยู่ในช่วงที่ใกล้จะเสร็จแล้ว เรารู้สึกได้ว่ามันลึกมาก และหมอกำลังงัดเอาซีกฟันคุดนั้นออกมา เราเริ่มรู้สึกตึงและปวดในระดับที่ทนได้อยู่ จึงไม่ได้บอกหมอค่ะ กระทั่งได้ยินเสียงซีกฟันกระทบแก้วอีกครั้ง ในใจก็โล่งขึ้นหน่อย แสดงว่าใกล้เสร็จแล้ว เสียงเครื่องมือเริ่มเงียบลง อยู่ในขั้นตอนการเย็บปิดแผลค่ะ ในขณะที่ความปวดระบมมันเริ่มก่อตัวขึ้นมา และมีการเจ็บนิดหน่อยจนร้องบอกหมอ หมอก็งงๆว่าทำไมเจ็บตอนเย็บแผล ไม่รู้ว่ายาชากำลังหมดฤทธิ์หรือเปล่า แต่ก็เริ่มปวดระบมลึกๆ ตั้งแต่อยู่ในห้องแล้ว พอเสร็จแล้ว หมอจะให้เรากัดผ้าก๊อซไว้ สำหรับเคสเราถือว่าไม่นานเท่าที่คาดไว้ค่ะ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ก็เกือบชั่วโมงอยู่ เพียงแต่เราคาดไว้ก่อนหน้านี้ว่ามันน่าจะต้องเป็นชั่วโมงเพราะเคสยาก ต้องเอาออกทั้ง 2 ซี่เลย ตั้งความคาดหวังไว้เกินๆ หน่อย แต่ผลออกมาน้อยกว่า ก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าไม่นานค่ะ โล่งอกโล่งใจกันไป ทำอย่างไรบ้าง หลังจากออกจากห้องผ่าฟันคุด? สิ่งแรกที่ต้องเลย คือ ต้องกัดผ้าก๊อซไว้ตามที่หมอบอกค่ะ หมอจะดูตามเคสแผลของแต่ละคน บางคน 1 ชั่วโมง บางคน 2 ชั่วโมง ในขณะนั้นพยายามไม่พูดหรือพูดให้น้อยที่สุดเพื่อลดการอ้าปาก เราจะได้กัดผ้าได้ตลอด สำหรับค่ารักษาเราผ่าที่โรงพยาบาลรัฐ ค่ารักษาครั้งนี้ประมาณ 1800 บาท แต่ด้วยมีประกันสังคม ช่วยด้านทันตกรรมได้ 900 บาทต่อปี เราจึงเหลือจ่ายค่าส่วนต่างประมาณ 900 บาทค่ะ ยาที่หมอให้มามี 3 ตัว ได้แก่1. ยาฆ่าเชื้อ Amoxicillin 500 mg ต้องย้ำว่ายาฆ่าเชื้อหรือยาปฏิชีวนะทุกตัวที่ได้มากิน ไม่ว่าจะเจ็บป่วยอะไรก็ตาม ต้องกินตามหมอบอกนะคะ เวลาต้องตรง และห้ามหยุดยาจนกว่ายาจะหมดค่ะ ไม่เช่นนั้นเชื้อแบคทีเรียในร่างกายเราจะเกิดการดื้อยา ต่อไปเมื่อเราเจ็บป่วยขึ้นอีกยาตัวนี้จะใช้ไม่ได้ผลแล้ว ต้องเปลี่ยนตัวยาให้มีระดับสูงขึ้นมา แล้วหากทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วจะไม่มียาตัวไหนสามารถรักษาเราได้อีกแล้ว น่ากลัวมากๆ นะคะภาพยาฆ่าเชื้อ โดย ผู้เขียน 2. ยาแก้ปวด Ibuprofen 200 mg หมอสั่งให้เรากินครั้งละ 2 เม็ดค่ะ ถ้าหากใครเป็นโรคกระเพาะหมอจะจ่ายยาตัวอื่นแทนค่ะ เนื่องจากยานี้ระคายเคืองกระเพาะอาหารจึงต้องกินยาหลังจากกินข้าวทันที ไม่เช่นนั้นอาจเกิดการเลือดออกในกระเพาะได้นะคะ ยาแก้ปวดนี้เรากินจนหมดที่หมอให้มาค่ะ ประมาณ 5 วัน เพราะยังรู้สึกปวดอยู่ ยานี้มีฤทธิ์ทั้งแก้ปวดและลดการอักเสบค่ะ แผลเราค่อนข้างลึกเลยจะมีความรู้สึกปวดและอักเสบนานหลายวันภาพยาแก้ปวด โดยผู้เขียน 3. ยาพาราเซตามอล 500 mg หมอน่าจะให้มาเผื่อไว้เวลาที่ปวดตอนท้องว่าง เพราะหากท้องว่างเราไม่ควรกิน Ibuprofen ค่ะ หมอสั่งให้กิน 3 มื้อหลังอาหาร จึงลดการปวดได้ทั้งวัน แทบไม่ได้กินพาราเลยค่ะ ใครมีพาราอยู่แล้วแจ้งหมอไว้ก่อนได้ค่ะ จะได้ไม่ต้องรับมาเพิ่มให้สิ้นเปลืองภาพยาพาราเซตามอล โดย ผู้เขียน หลังจากผ่าเสร็จประมาณเกือบชั่วโมง เรารู้สึกมีอาการปวดมากขึ้น แต่ยังกัดผ้าก๊อซอยู่ จึงพยายามกินยาพาราเข้าไปก่อน 1 เม็ด เนื่องจากตอนนั้นท้องว่าง ยังไม่สามารถกินยา Ibuprofen ได้ค่ะ ส่วนผ้าก๊อซควรกัดไว้จนกว่าเลือดจะหยุดไหล เมื่อเลือดหยุดไหลแล้วจึงสามารถกินอาหารได้ สิ่งหนึ่งที่ห้ามทำเด็ดขาด คือ ห้ามบ้วนน้ำ บ้วนน้ำลาย หรือบ้วนเลือด หมอทุกท่านจะสั่งไว้ว่าให้กลืนลงไปค่ะ เนื่องจากเลือดที่ไหลออกจากแผลจะมาปิดปากแผลและแข็งตัวตรงนั้น หากเราบ้วนออกหรือมีการใช้แรงดันทำให้ลิ่มเลือดตรงนั้นหลุดออกมา ก็จะทำให้เลือดไหลออกจากแผลอีก อ่อ อีกอย่างหนึ่งที่เป็นการทำให้เลือดหยุดช้าลงนั่นคือ การใช้หลอดดูดน้ำ เพราะฉะนั้นเวลาดื่มน้ำ ห้ามใช้หลอดดูดน้ำ ให้ดื่มน้ำจากแก้วนะคะ เวลาผ่านไปประมาณ 3 ชั่วโมง เลือดหยุดไหลแล้ว อาการปวดเริ่มมีมากขึ้น เราจึงต้องหาอะไรกินเพื่อที่จะกินยาแก้ปวด อาหารที่แนะนำเป็นมื้อแรกหลังจากผ่าฟันคุด คือ โจ๊ก และในอีกวัน 2-3 วันแรก ให้โจ๊กยืนหนึ่งค่ะ ใช้ช้อนชาตักโจ๊กกรอกเข้าปาก โดยไม่ต้องเคี้ยว ถ้ามีหมูสับให้ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ขนาดที่พอเข้าปากแล้วกลืนได้เลย ถ้าให้ตัดปัญหาเรื่องหมูชิ้นใหญ่ก็แนะนำเป็นโจ๊กคนอร์ ทำง่าย ใช้เวลาไม่นาน หมูชิ้นเล็กไม่ต้องตัดแบ่งอีกค่ะ หลังจากกินยาไปแล้วประมาณ 2 ชั่วโมง อาการปวดก็เริ่มเบาลง หมอให้ประคบเย็นใน 2 วันแรก หากใครไม่มีอุปกรณ์ประคบ สามารถใช้ถุงพลาสติกใส่น้ำแข็ง นำไปห่อผ้าเช็ดหน้าอีกที แล้วประคบแก้มข้างที่ผ่าฟันคุดเป็นระยะๆ คืนนั้นก่อนนอน พยายามแปรงฟันให้เบามือที่สุด เว้นบริเวณแผลผ่าฟันคุดไว้ ส่วนที่อื่นๆ สามารถแปรงฟันได้ปกติ คุณหมอเน้นว่า แปรงฟันให้สะอาด ถ้าแปรงไม่สะอาดจะติดเชื้อ วันแรกๆ เราอาจจะอ้าปากไม่ได้กว้างมาก อาจจะใช้เป็นผ้าก๊อซถูบริเวณฟันที่ใกล้เคียงกับแผลก็ได้ หรือใช้เป็นแปรงสีฟันซิลิโคนสำหรับเด็กก็จะช่วยลดการกระทบกระเทือนที่รุนแรงได้ การบ้วนปาก เนื่องจากวันแรกกลัวว่าเลือดจะไม่หยุดไหล เราจะใช้วิธีการอมน้ำแล้วอ้าปากปล่อยให้น้ำไหลออกมาเอง จะไม่ใช้แรงในการบ้วนออกมาค่ะ จากนั้นกลั้วด้วยน้ำเกลือโดยไม่ใช้การบ้วนเช่นกัน ควรกลั้วน้ำเกลือหลังกินโจ๊กและยาทุกมื้อ ป้องกันการติดเชื้อค่ะ ในคืนแรกอาจจะนอนลำบากสักหน่อย แต่มั่นใจว่าน่าจะนอนดีกว่าเวลาไม่เอาฟันคุดออกแล้วปวดอีกค่ะ เพราะฉะนั้นรีบๆ ไปเอาฟันคุดออกเสียนะคะ เราจะระบมทั้งแผลและทั้งปากอยู่หลายวันสักหน่อย เนื่องจากมีการใช้เครื่องมือกรอฟันที่ทำให้กระทบกระเทือน นอกจากแผลผ่าตัดแล้ว เราจะได้แผลถลอกปอกเปิกจากการใช้อุปกรณ์ของหมอกลับมาด้วย ริมฝีปากอาจถลอกบ้าง และในปากจะมีอาการคล้ายเป็นร้อนใน ดังนั้นเราจึงแนะนำ item เสริมอีกอย่างอย่างสองอย่าง นั่นคือ ยากินแก้ร้อนใน พวกยาขมยาเขียว ยาทาแก้ร้อนใน และดื่มน้ำเยอะๆ ค่ะ อาการบวมนั้นแน่นอนว่าเป็นทุกคนค่ะ รุ่งเช้าหลังจากวันที่ผ่าสามารถเห็นได้ชัด จะบวมมากอยู่ประมาณ 2-3 วันแรกค่ะ อย่างที่บอกไปช่วงนี้ควรพักอยู่บ้านเฉยๆ งดกิจกรรมหนักๆ งดออกกำลังกายไปก่อน นอนดูซีรี่ส์พร้อมประคบเย็นไปยาวๆ ได้เลยค่ะ อาหารการกินจริงๆ สามารถทานได้เป็นปกติ เพียงแค่งดใช้ข้างที่ผ่าฟันคุด สำหรับเรากินแต่ของอ่อนๆ เคี้ยวให้น้อยที่สุด เพราะเวลาเคี้ยวจะปวดแผล เมื่อถึงวันที่ 3 หลังผ่าฟันคุดก็เปลี่ยนมาเป็นประคบร้อนแทนเพื่อให้หลอดเลือดขยาย ลดอาการบวมค่ะ อาการปวดจะลดลงเรื่อยๆ จนถึงวันที่ 7 หมอจะนัดตัดไหม การตัดไหม ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากมายค่ะ ใช้เวลาแป๊บเดียวเท่านั้น ไม่ถึง 1 นาที คุณหมอจะดูลักษณะแผลว่าเรียบร้อยดีหรือไม่ มีการติดเชื้อแทรกซ้อนหรือเปล่า ถ้าเรียบร้อยดีหมอจะทำการตัดไหมค่ะ จากข้อมูลที่ถามมา หลายคนบอกว่าตัดไหมไม่เจ็บ แต่เดี๋ยวก่อน...อย่าเพิ่งเชื่อค่ะ ยังมีคนอีกส่วนที่บอกว่าเจ็บตอนตัดไหม ซึ่งเคสเราก็เป็นหนึ่งในนี้ แต่การเจ็บจะเจ็บเหมือนกันตอนที่ฉีดยาชาค่ะ ก็ใช้วิธีการท่องในใจว่าอดทนไว้ๆๆๆ เดี๋ยวก็เสร็จ ให้มันจบๆ ไปซะ! และหนึ่งสิ่งที่อยากฝากไว้เวลาตัดไหม เราควรตรวจสอบแผลอีกทีว่าหมอตัดไหมออกหมดหรือเปล่า เพราะเคสเราเป็นเคสศึกษาได้เนื่องจากคุณหมอเย็บไหม 2 จุด คือตรงแผลซึ่งอยู่ลึกสุด และตรงฟันกรามซี่ที่ใกล้กัน ซึ่งเราเห็นตั้งแต่ก่อนวันตัดไหมแล้วล่ะว่ามันมีอะไรติดอยู่ที่ซอกฟันกรามตรงนี้อยู่ ในใจก็คิดว่าเป็นไหมเย็บแหละ เดี๋ยววันตัดไหมหมอคงตัดออกให้ แต่!... พอตัดไหมเสร็จก็กลับบ้านเลย และรู้สึกเจ็บๆ ขัดๆ อยู่ ส่องกระจกดูถึงเห็นว่าไอ้ปมนี้มันยังติดอยู่ที่ซอกฟัน ลองดึงๆ ก็ไม่ออก เจ็บด้วย เลยต้องถ่อไปที่คลินิกที่ส่งตัวเราไปโรงพยาบาลตั้งแต่แรก ให้หมอตัดออกให้ ต้องเสียค่าอุปกรณ์และฆ่าเชื้ออีก 50 บาท ฉะนั้นฝากเตือนทุกๆ คนตรวจสอบความเรียบร้อยจากคุณหมออีกที หรือหากใครเห็นเจ้าปมนี่ติดซอกฟันกรามหลังผ่าฟันคุดมา ห้ามดึงออกเองนะคะ อาจจะทำให้ตรงนั้นอักเสบและติดเชื้อได้ ควรไปให้ทันตแพทย์ช่วยเอาออกให้ค่ะภาพวาดแสดงจุดเย็บไหม โดย ผู้เขียน อาการข้างเคียงหลังผ่าฟันคุด มีคนแนะนำว่าหลังจากผ่าฟันคุดแล้วไม่ต้องไปยุ่งกับแผล อย่าไปแคะ แกะ ไม่ต้องส่องแผลมากเดี๋ยวจิตตก แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ควรปล่อยปละละเลยเช่นกัน อาจจะต้องมีการสังเกตดูบ้าง อย่างแรกเลยคือสังเกตหลังผ่าฟันคุด การที่เลือดไม่หยุดไหลหรือไหลมาก หากปฏิบัติตามที่กล่าวไว้ข้างต้นแล้วเลือดยังไม่หยุดไหลผิดปกติให้พบแพทย์ หลังผ่าประมาณ 3-5 วัน ให้สังเกตกลิ่นและบริเวณแผลว่ามีกลิ่นเหม็น มีหนองไหลจากแผล และปวดบวมมากหรือไม่ หากผิดสังเกตแสดงว่ามีการติดเชื้อ ให้รีบพบแพทย์ อาการข้างเคียงที่พบได้กรณีผ่าฟันคุดที่ใกล้เส้นประสาทคืออาการชาริมฝีปาก คาง หรือลิ้น บางคนหากกระทบกระเทือนมากอาจรู้สึกว่าลิ้นหนาขึ้น แข็งขึ้น ไม่รับรส พูดไม่ชัด ให้ปรึกษาหมอ อาจมีการให้ทานวิตามินบีเพื่อฟื้นฟูเส้นประสาท เคสเรานั้นไม่มีปัญหาเลือดไหลไม่หยุด ไม่มีการติดเชื้อ หรืออาการแพ้ยาใดๆ แต่ก่อนผ่าหมอบอกว่าอาจมีอาการชาซึ่งมีโอกาสสูงที่จะชาถาวร ซึ่งเรากลัวมาก แต่เมื่อผ่าและตัดไหมเสร็จแล้ว เราไม่ค่อยรู้สึกถึงอาการชาสักเท่าไหร่ แต่มีอาการเสียว ที่ฟันด้านหน้าข้างที่ผ่าฟันคุด จะรู้สึกแน่นๆ เสียวตุบๆ หรือบางครั้งปวดเล็กน้อย โดยจะเป็นมากช่วงระหว่างวันไปจนถึงก่อนนอน ทำให้นอนไม่ค่อยหลับ เมื่อตื่นนอนใหม่ๆ จะไม่ค่อยมีอาการ คุณหมอบอกว่าอาจเนื่องมาจากเส้นประสาทกระทบกระเทือนนี่แหละ หมอก็บอกไม่ได้ว่าเมื่อไหร่จะหาย เมื่อตัดไหมมาประมาณ 1 สัปดาห์ อาการก็เริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งเราก็ทำใจไว้ก่อนผ่าฟันคุดแล้วว่าไม่เป็นไร มันยังเป็นอาการที่ทนได้ ไม่เจ็บปวดเท่าการปล่อยให้ปวดฟันคุดโดยไม่ผ่าออก และอีกหน่อยก็คงจะชินไปเอง หรือหากโชคดีก็เส้นประสาทอาจจะฟื้นฟูหายไปเองได้โดยต้องใช้เวลานานสักหน่อย อาการเหล่านี้สามารถปรึกษาทันตแพทย์เพื่อรักษาหรือซ่อมแซมได้ค่ะ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ที่กำลังหาข้อมูล หาข้อแนะนำ และอยากทราบความรู้สึกต่างๆ ในการผ่าฟันคุด เคสเราถือเป็นเคสยาก แต่เราก็ผ่านมันมาได้ ถามว่าทำครั้งแรกแล้วเข็ดไหม? ตอบเลยว่าพอเห็นแล้วว่ามันอยู่ในระดับที่ทนได้ ไม่ได้ทุรนทุรายอะไรมากมาย ก็เลยมีกำลังใจขึ้น พร้อมเอาฟันคุดซี่ต่อไปออกเมื่อแผลแรกหายค่ะ ใครลังเลหรือกลัวอยู่ ไม่ต้องกลัวค่ะ กลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหากไม่ผ่าฟันคุดออกดีกว่า คิดซะว่าเอาออกไปซะให้มันจบๆ ไปค่ะ7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์