พออายุเริ่มมากขึ้นระบบการเผาผลาญอาหารในร่างกลับลดลงอย่างสวนทางกัน จนกระทั่งผมได้ตัดสินใจชั่งน้ำหนักตัวเพื่อให้ตัวเลขเป็นเครื่องยืนยันว่าผมควรจะเอายังไงต่อกับชีวิตและสุขภาพดี น้ำหนักที่ชั่งออกมานั้นอยู่ที่ 100 กิโลกรัม และอาจจะเป็น 101 กิโลกรัม เสียด้วยซ้ำ ถ้าหากผมนั้นรับประทานอาหารเช้าลงไป และนั้นคือจุดเริ่มต้นในการหาวิธีลดน้ำหนักที่ดีที่สุดสำหรับตัวผม เพราะก่อนหน้านี้ผมก็หาทางลดน้ำหนักอยู่เรื่อย ๆ แต่หากไม่ได้จริงจัง และซีเรียสเท่าครั้งนี้ จากนิสัยส่วนตัวผมเป็นคนชอบกินพวกขนมหวานและเป็นคนที่กินค่อนข้างจุอยู่พอสมควร ผมเคยเริ่มจากการกินคลีนและเข้าฟิตเนส น้ำหนักตัวผมช่วงแรกก็ลดลงให้ได้พอได้ใจชื่น และด้วยอะไร ๆ หลาย ๆ อย่าง เช่นการงาน และเวลา หรือความขี้เกียจ ทำให้การลดน้ำหนักในครั้งนั้นได้ยุติลง และอาการที่เรียกว่าการ"โยโย่"ก็ได้เกิดขึ้นกับตัวผมผมได้มีร่างกายที่อ้วนขึ้นอย่างชัดเจนจากไซส์เสื้อผ้าที่ต้องเปลี่ยนไปอีก 1 ไซส์ และนี่อาจจะเป็นตัวเติมเชื้อไฟให้ผมได้จุดประกายเพื่อที่จะลดน้ำหนักอีกครั้งจนผมได้ไปรู้จักกับคำ การกินอาหารแบบคีโตเจนิก หรือเป็นการกินไขมันเพิ่มขึ้นและลดปริมาณการกินคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลลง ผมรู้สึกว่ามันเปิดโลกของผมเป็นอย่างมาก เมื่อได้รับรู้ว่าเราต้องกินไขมันเข้าไปเพื่อไปลดไขมันในร่างกายอีกทีเมื่อผมได้ทำการค้นคว้าและศึกษาลึกลงไปก็ได้พบกับหลักการที่ อธิบายความสงสัยของผมทั้งหมด เมื่อเรากินคีโตซึ่งหลัก ๆ แล้วจะงดแป้งกับน้ำตาล และเพิ่มการกินไขมัน จนในร่างกายเกิดภาวะคีโตสิส ก็คือร่างกายใช้ไขมันเป็นพลังงานหลัก เพราะการที่ไม่กินแป้งและน้ำตาลนั้น จะทำให้ระดับกลูโคสในเลือดต่ำ จนเกิดการสลายไตรกลีเซอไรค์ที่สะสมไว้ในเซลล์ไขมันเกิดเป็นกลีเซอรอลและกรดไขมันอิสระ จนกรดไขมันอิสระเดินทางเข้าสู่ตับ ตับก็ได้สร้างคีโตนเป็นพลังงานในเซลล์ ส่งผลให้ไขมันในร่างกายถูกนำไปใช้ โดยที่เราไม่ต้องไปออกกำลังกายแบบหนัก ๆ เพื่อเบิร์นไขมันออกเลยและผมก็ได้กินแบบคีโตที่แบบว่าเคร่งบ้างหลุดบ้าง แต่แล้วเมื่อผ่านไปเป็นเวลา 1 เดือน ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ น้ำหนักผมหายไป 4 กิโลกรัม ซึ่งมันมากแล้วนะสำหรับผม จนในขณะนี้เป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแล้วครับ น้ำหนักผมก็ลดลงเรื่อยๆ ครับ หายไป 7 กิโลกรัมแล้วครับเมนูหลักๆของผมก็จะเป็น หมูย่าง เบคอน ไข่ดาว ปลาทอด ซึ่งก็ไม่ลำบากในการกินเลยแม้แต่น้อยครับ แต่หากใครที่มีโรคประจำตัวหรือต้องรับประทานยาต่อเนื่องควรปรึกษาแพทย์ก่อนนะครับ เพราะร่างกายของคนเรามันไม่เหมือนกันอาจจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดีก็เป็นได้ ถ้าจะให้ดีคนที่ไม่มีประจำตัวก็ควรตรวจสุขภาพให้มั่นใจว่าร่างกายของคุณสมบูรณ์แข็งแรง พร้อมที่จะกินคีโตได้เลยครับขอบคุณภาพหน้าปก ขอบคุณภาพประกอบ (1) ขอบคุณภาพประกอบ (2) ภาพจากเจ้าของบทความมีสุขก่อนสาย (3-4)