(ภาพปกถ่ายโดยผู้เขียน) ภาวะที่อาจเกิดขึ้นได้กับผู้สูงอายุคือ สมองเสื่อม ซึ่งเกิดจากการทำงานของสมองใหญ่ผิดปกติ ส่งผลให้การดำเนินชีวิตประจำวันเป็นไปอย่างยากลำบากมากขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลกับบุคลิกและอารมณ์ของผู้ป่วยด้วย ภาวะสมองเสื่อมจากวัยชรามักพบในผู้สูงอายุวัย 65-70 ปีขึ้นไป ภาพโดย Pixabay ภาวะสมองเสื่อมมักพบได้ในผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุในครอบครัวเราก็กำลังประสบกับภาวะนี้ อาการที่สังเกตได้ก่อนจะพาไปพบแพทย์คือ หลงลืมว่าวางของที่ใช้ไว้ตรงไหน ซึ่งเป็นบ่อยจนน่าตกใจ และมักจะถามเรื่องเดิมซ้ำ ๆ ทั้ง ๆ ที่เพิ่งพูดคุยกันไป เราพาท่านไปพบแพทย์ ซึ่งแพทย์ก็วินิจฉัยว่ามีภาวะสมองเสื่อมจริง ๆ แนวทางการรักษาคือ คนรอบข้างต้องช่วยกันชะลออาการด้วยการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ช่วยกระตุ้นสมอง ควบคู่ไปกับการรับประทานยา และมาทำกายภาพบำบัดสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ในระหว่างที่พาท่านไปทำกายภาพบำบัด เราได้พบเจ้าหน้าที่ ซึ่งช่วยแนะนำวิธีต่าง ๆ ที่ญาติควรนำไปปฏิบัติต่อที่บ้านเพื่อชะลอภาวะสมองเสื่อมให้นานที่สุด ในขณะเดียวกันเราก็หาข้อมูลวิธีการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อมจากสื่อต่าง ๆ ไปด้วย ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้ พยายามพูดคุยกับผู้ป่วยบ่อย ๆ เพราะการพูดคุยถือเป็นการกระตุ้นสมองอย่างหนึ่ง จะสังเกตว่าคนสูงอายุที่มีเพื่อนฝูงให้พบปะพูดคุยด้วย หรือมีกลุ่มให้ทำกิจกรรมร่วมกัน อย่างเช่นจับกลุ่มรำมวยจีนหรือร้องเพลงตามสวนสาธารณะ มักจะเกิดความกระปรี้กระเปร่าและสดชื่น ซึ่งช่วยป้องกันภาวะสมองเสื่อมได้ ต้องยอมรับว่าผู้สูงอายุที่บ้านเราไม่ค่อยมีสังคมมากนัก และไม่ได้ชอบกิจกรรมสังสรรค์เฮฮา ดังนั้นสิ่งที่คนในครอบครัวทำได้คือ พูดคุยกับท่านบ่อย ๆ พาไปเดินเล่นเปิดหูเปิดตา หากมีเวลาว่าง ญาติควรพาผู้ป่วยไปเดินเล่นตามห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ ฯลฯ เพื่อให้ผู้ป่วยได้ออกกำลังกายและเพลิดเพลินกับสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ที่ต่างจากสิ่งเดิม ๆ รอบตัว ในกรณีของครอบครัวเรา เราจะพาผู้สูงอายุที่บ้านไปเดินเล่นและรับประทานอาหารที่ห้างใกล้บ้านสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง บางครั้งก็พาไปช็อปปิ้งบ้างตามสมควร เพราะคิดว่าการได้เดินดูโน่นดูนี่ทำให้ท่านไม่รู้สึกเบื่อ ในขณะเดียวกันก็ได้รับประทานอาหารที่รสชาติต่างจากปกติด้วย ให้เล่นเกมเชาว์ของเด็ก เกมเชาว์ง่าย ๆ ของเด็กช่วยกระตุ้นสมองของผู้สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมได้เป็นอย่างดี เราจะเอาเกมเชาว์ของลูกให้ผู้สูงอายุที่บ้านเล่น โดยค่อย ๆ เพิ่มระดับความยากขึ้นทีละนิด เพื่อให้ท่านมีกำลังใจ นอกจากเกมเชาว์แล้ว เรายังเขียนโจทย์เลขบวกลบให้ลองทำด้วย โดยค่อย ๆ เพิ่มระดับความยากขึ้นทีละนิดเช่นกัน (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ผู้สูงอายุที่บ้านเล่นต่อจิ๊กซอว์ (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) จิ๊กซอว์สำหรับเด็กเล็กที่ให้ผู้สูงอายุที่บ้านเล่นเพื่อกระตุ้นสมอง (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) โจทย์เลขที่ให้ผู้สูงอายุที่บ้านฝึกทำ ให้วาดรูป กิจกรรมวาดรูปทำได้ง่ายมาก เพียงแต่เราต้องให้กำลังใจผู้สูงอายุว่า ท่านสามารถวาดได้ และอยากจะวาดอะไรก็ได้ เพราะช่วงแรก ๆ ที่ขอให้วาด ผู้สูงอายุที่บ้านจะบอกว่าวาดไม่ได้ แต่เมื่อให้กำลังใจและกระตุ้นให้วาด ท่านก็วาดได้และวาดได้ดีด้วย (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ผู้สูงอายุที่บ้านทำกิจกรรมวาดรูประบายสี หาหนังสือให้อ่าน การอ่านหนังสือก็ช่วยกระตุ้นสมองด้วยเช่นกัน แต่ควรเลือกเล่มนี้อ่านง่าย ตัวหนังสือไม่เล็กจนเกินไป ครอบครัวเรามักจะเลือกเป็นพวกนิทานหรือหนังสือธรรมะให้ผู้สูงอายุที่บ้านอ่าน เพราะเข้าใจง่ายและขนาดตัวหนังสือก็กำลังดี (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ตัวอย่างหนังสือนิทานที่จัดให้ผู้สูงอายุที่บ้านอ่าน ถ้ามีเด็ก ให้ผู้ป่วยได้เล่นกับเด็กบ้าง การได้เล่นกับเด็กทำให้ผู้ป่วยร่าเริงแจ่มใสขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดในครอบครัวเรา ดูเหมือนว่าผู้สูงอายุจะกลายเป็นเด็กอีกครั้ง และหัวเราะบ่อยขึ้น สัตว์เลี้ยงช่วยคลายเหงาได้ วิธีนี้เหมาะมากหากผู้สูงอายุอยู่บ้านคนเดียว เพราะการเลี้ยงและดูแลสัตว์ทำให้ผู้สูงอายุมีกิจกรรมทำยามว่าง ครอบครัวเราเลือกเลี้ยงแมว เพราะเป็นสัตว์ที่ดูแลง่าย เท่าที่สังเกต ผู้สูงอายุที่บ้านเมื่อว่างก็จะง่วนอยู่กับแมวและดูมีความสุขขึ้น ภาพโดย Pixabay การเลี้ยงสัตว์ทำให้ผู้ป่วยสูงอายุร่าเริงขึ้นได้ ภาวะสมองเสื่อมเป็นอาการที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทำได้เพียงชะลออาการให้นานที่สุด ซึ่งขั้นตอนนี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากคนรอบข้าง วิธีที่แนะนำข้างต้นเป็นวิธีที่ปฏิบัติได้ง่ายไม่ยุ่งยาก เพียงแต่แนะนำให้ทำอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ผู้ป่วยก็จะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติและมีความสุขตามวัย