หลาย ๆ คนคงกลัวที่จะทาน้ำมันลงบนใบหน้าเพราะคิดว่าผิวเรามันอยู่แล้ว ถ้าทาน้ำมันลงไปอีกน่าจะทำให้เหนียวเหนอะหนะ แถมยังเคยได้ยินมาอีกว่าถ้าหน้ามันมาก ๆ จะทำให้เกิดสิว จริงเหรอ ? วันนี้เรามาลองดูกันดีกว่าว่าน้ำมันทำให้หน้าเราดีขึ้นได้จริงหรือเปล่า แล้วน้ำมันแบบไหนเหมาะกับผิวแบบไหนกันแน่ ผิวหน้าของคนเรานั้นประกอบด้วย 'น้ำมัน' สองส่วน ซึ่งถ้าน้ำมันส่วนไหนไม่สมดุลกันอาจจะทำให้เกิดสิวตามมาได้นั่นเอง เช่น ถ้าเราล้างหน้าบ่อยเกินไปจะทำให้น้ำมันที่ปกคลุมผิวหน้าหายไป และร่างกายจะคิดว่าเรามีน้ำมันไม่เพียงพอและผลิตเพิ่มขึ้นอีกทำให้หน้ายิ่งมันขึ้นกว่าเดิมและเกิดการอุดตันทำให้เกิดสิวตามมา ส่วนแรกก็คือ 'Sebum' ซึ่งถูกผลิตมาจากต่อมไขมันบนใบหน้าเราและเป็นสาเหตุการเกิดหน้ามันนั่นเอง ถ้าผิวเราผลิต sebum มากเกินไปจะทำให้รูขุมขนอุดตันได้ แต่ถ้าได้ปริมาณการผลิตอยู่ในระดับที่พอดีจะทำให้หน้าเราชุ่มชื้นและปลอดภัยจากมลภาวะนั่นเอง sebum นั้นประกอบไปด้วยกรดสำคัญสองตัวนั่นก็คือ 'Linoleic acid' และ 'Oleic acid' ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้เราเลือกได้ว่าควรใช้น้ำมันชนิดไหนนั่นเอง สำหรับคนผิวมัน ผิวแพ้ง่าย และผิวที่เป็นสิวง่าย การเลือกใช้น้ำมันนั้นต้องเลือกน้ำมันที่มี Linoleic acid มากกว่า Oleic acid เพราะหน้าเราขาด Linoleic acid หน้าจึงเหนียวและเยิ้ม แต่คนผิวแห้งควรเลือกใช้น้ำมันที่มี Oleic acid มากกว่า เพราะหน้าเราต้องการความชุ่มชื้นมากกว่าคนหน้ามันนั่นเอง แต่ถ้าคนผิวผสม ควรเลือกใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมของทั้งสองอย่างใกล้เคียงกัน ส่วนที่สองซึ่งอยู่ลึกกว่า Sebum ก็คือไขมันเคลือบระหว่างเซลล์ (Skin Barrier Lipids) ซึ่งจะทำหน้าที่ยึดเหนี่ยวเซลล์ผิวไว้ด้วยกันและทำให้ผิวหนังแข็งแรงป้องกันมลภาวะแถมยังกักเก็บความชุ่มชื้นได้อีกด้วย ไขมันส่วนนี้จะประกอบไปด้วย Ceramides, Fatty acid และ Cholesterol เพราะฉะนั้นแล้ว การใช้น้ำมันจากภายนอกเข้ามาช่วยจะทำให้ผิวหนังของเราคิดว่าเรามีน้ำมันบนหน้าพอแล้ว และลดการเกิดสิวได้นั่นเองเพราะหน้าเราจะไม่อุดตันจากน้ำมันส่วนเกิน แต่ ๆ ๆ เราไม่สามารถเอาน้ำมันอะไรก็ได้มาทาหน้านะเพื่อน ๆ ไม่อย่างนั้นแล้วจากผิวสวยจะกลายเป็นผิวเสียเอาได้ มาดูกันดีกว่าว่าน้ำมันที่เราแนะนำมีอะไรบ้าง 1. Jojoba oil น้ำมันชนิดนี้เป็นน้ำมันที่แทบจะเหมือนกับน้ำมันบนผิวเราหรือ Sebum ทุกอย่าง เพราะฉะนั้นเราจะไม่เกิดอาการแพ้แน่นอน โดยน้ำมันชนิดนี้มีปริมาณ Oleic acid มากกว่า Linoleic acid นิดหน่อย ทำให้สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว โดยน้ำมันตัวนี้จะทำให้ผิวเราชุ่มชื้นขึ้นขึ้นและยังป้องกันการเกิด Oxidation ที่จะทำให้ผิวหนังของเราหมองคล้ำและเหี่ยวย่น รวมถึงทำให้ผิวหน้าดูแก่กว่าวัยอีกด้วย และแน่นอนว่าเพราะ Jojoba oil มีลักษณะเหมือนผิวเราทุกอย่างจึงไม่ทำให้เกิดการอุดตันอย่างแน่นอน 2. Hemp seed oil สำหรับตัวนี้จะมี Linoleic acid มากกว่า Oleic acid ซึ่งแน่นอนว่าเหมาะกับคนผิวมันมากกว่า และตัวน้ำมันเองไม่ค่อยมีความเหนียวหนืดเท่าน้ำมันตัวอื่น ๆ โดยน้ำมันตัวนี้จะช่วยเข้าไปชำระล้างสิ่งอุดตันในผิวเราได้ดี ทำให้เหมาะกับการใช้รักษาสิวอุดตัน และเจ้าน้ำมันตัวนี้ยังมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบอีกด้วยทำให้มั่นใจได้ว่าจะช่วยรักษาสิวประเภทอื่น ๆ ได้เช่นกัน แถมยังไม่ต้องห่วงเรื่องความชุ่มชื้นเพราะเจ้าตัวนี้จะทำให้ผิวหน้าเราชุ่มชื้นขึ้นโดยไม่ทำให้เกิดความมันวาวแน่นอน 3. Rosehip oil น้ำมันตัวนี้ก็มีส่วนประกอบของ Linoleic acid มากกว่า Oleic acid เช่นกัน แต่ตัวนี้จะมีโอกาสทำให้เกิดการอุดตันมากกว่าสองตัวแรกเพียงนิดเดียวเท่านั้น โดยตัวนี้มีส่วนประกอบของ Trans - retinoic acid ซึ่งเป็น Vitamin A จากธรรมชาติที่ปลอดภัย ไม่เหมือน Retinol ที่เกิดจากการสังเคราะห์และก่อให้เกิดอันตรายมากกว่า แถมตัว Rosehip oil ยังมี Vitamin C และ E สูง ทำให้ผิวหน้ากระจ่างใสมากขึ้นและต่อต้าน Oxidation ได้อีกด้วย และที่สำคัญเลยคือเหมาะกับคนที่มีรอยสิว รอยดำ รอยแดงต่าง ๆ 4. Tamanu oil ตัวนี้จะมี Linoleic acid มากกว่า Oleic acid เพียงเล็กน้อย แต่มีโอกาสเกิดการอุดตันค่อนข้างเยอะแต่ยังอยู่ในระดับที่ปลอดภัยอยู่ อย่างไรก็ตามน้ำมันตัวนี้มีคุณสมบัติรักษาการอักเสบได้ดีมาก ๆ และยังทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวได้ดี ทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส และที่สำคัญที่สุด Tamanu oil นั้นขึ้นชื่อเรื่องการรักษารอยแผลเป็น รอยแดง รอยดำ รอยสิว ต่าง ๆ ได้อย่างดี การใช้น้ำมันตัวนี้ควรใช้แต้มเป็นจุด ๆ มากกว่าการทาทั้งหน้า เพราะการเกิดการอุดตันนั้นอยู่ค่อนข้างสูง ดังนั้นจึงเหมาะแก่การแต้มลงบนจุดที่เป็นรอยนั่นเอง Credit Pixabay : Cover / Cover / Pic 1 / Pic 2 / Pic 3