ภาพประกอบปกจาก https://pixabay.com/photos/thermometer-headache-pain-pills-1539191/ และ https://pixabay.com/photos/woman-baby-mother-pregnant-lady-1284353/ การตั้งครรภ์ในมนุษย์โดยทั่วไปใช้ระยะเวลาทั้งหมด 9 เดือนหรือ 40 สัปดาห์หรือ 280 วัน แต่อาจยาวนานถึง 42 สัปดาห์หรือ 294 วัน ช่วงระหว่างตั้งครรภ์แม่และเด็กอาจเกิดการเจ็บป่วยจำเป็นต้องใช้ยาในการรักษา บทความนี้จะอธิบายถึงหลักการการเลือกใช้ยาอย่างไรให้ปลอดภัยต่อแม่และเด็กทารกในครรภ์ หลักการใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ให้ปลอดภัย 1. ใช้ยาให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น ตัวอย่างกรณี การใช้ยาแก้ปวดที่มีกลไกการออกฤทธิ์เหมือนกันหลายชนิดร่วมกัน เช่นยาแก้ปวด Ibuprofen ร่วมกับ Naproxen นอกจากไม่ช่วยบรรเทาอการปวดได้ดีขึ้นแล้วอาจเพิ่มผลข้างเคียงจากการใช้ยาเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นควรใช้ยารักษาโรคเฉพาะเพียงชนิดเดียวจะมีความปลอดภัยมากกว่าการใช้ยาหลายชนิดร่วมกัน 2. ใช้ยาในขนาดต่ำที่สุดที่ยังมีประสิทธิภาพในการรักษาและใช้ยาในระยะเวลาที่น้อยที่สุด โดยทั่วไปการตอบสนองต่อการรักษาจะขึ้นอยู่กับชนิด ขนาด และระยะเวลาในการรักษา การใช้ยาในขนาดที่มีประสิทธิภาพ ในระยะเวลาที่สั้นสุดจึงมีความปลอดภัยมากกว่า เช่นยาแก้ไอ แก้แพ้ ยาเหล่านี้เป็นยาใช้รักษาตามอาการหากอาการดีขึ้นแล้วสามารถหยุดยาได้เลย 3. เลือกรูปแบบยาที่ให้ผลข้างเคียงน้อยที่สุด เช่น เลือกยารูปแบบยาทา หรือยาสูดพ่นแทนยารับประทานหรือเลือกยารับประทานแทนยาฉีด ตัวอย่างกรณีมีอาการปวดเมื่อยตามร่างกายทั่วไปไม่รุนแรง แนะนำให้ใช้ยาทาแก้ปวดเป็นอันดับแรกในการช่วยบรรเทาอาการปวดจะมีความปลอดภัยมากกว่ายารับประทานแก้ปวด เนื่องจากยาทาสามารถบรรเทาอาการปวดเฉพาะที่ได้ดี และดูดซึมออกฤทธิ์มีผลข้างเคียงต่อร่างกายน้อยกว่า 4. เลือกใช้ยากลุ่มเก่าดีกว่ายากลุ่มใหม่ๆ ข้อมูลการใช้ยังมีจำกัด เนื่องจากข้อมูลความปลอดภัยในการใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์ มาจากการศึกษาทดลองในสัตว์และในมนุษย์มาใช้ในการกำหนดความเสี่ยงของการเกิดความผิดปกติในทารก ซึ่งยากลุ่มเก่าส่วนใหญ่จะมีข้อมูลการศึกษาที่มากกว่ายากลุ่มใหม่ จึงมีความปลอดภัยมากกว่า แต่ทั้งนี้การใช้ยาแต่ละชนิดควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือเภสัชกร 5. หลีกเลี่ยงการใช้ยาหลายๆ ชนิดร่วมกัน ปัจจุบันยาในท้องตลาดมักเป็นยาผสม และยาเกือบทุกชนิดที่มีฤทธิ์ในการรักษามักจะมีผลข้างเคียงอาการไม่พึงประสงค์ด้วย เช่น ยาแก้หวัด ลดไข้ คัดจมูก มักมียาผสมระหว่าง Paracetamol (แก้ปวด ลดไข้) + Phenylephrine (คัดจมูก) + Chlorpheniramine (ลดน้ำมูก แก้แพ้) อาจมีผลข้างเคียงทำให้ ง่วงซึม ปากแห้ง คอแห้ง ได้ ดังนั้นหากเจ็บป่วยควรรับประทานยาเพื่อรักษาอาการนั้นโดยเฉพาะ การใช้ยารักษาอาการหลายชนิดอาจส่งผลข้างเคียงต่อแม่และเด็กทารกในครรภ์ได้ ****** ทั้งนี้ยาทุกชนิดมีผลข้างเคียง การใช้ยาทุกครั้งควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนทุกครั้ง ******* อ้างอิงแหล่งข้อมูล งานพัฒนาบริการและเภสัชสนเทศ (DIS) กลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลพัทลุง http://www.kohc.moph.go.th/web/index.php/download/category/10-dis?download=31:2018-08-20-04-49-13