อยากทานแคลเซียม แต่ละเลือกซื้อตัวไหนดี ????? เครดิตภาพจาก https://www.pexels.com/ ประโยคนี้มักสร้างความปวดหัวกังวลใจให้หลาย ๆ คนเป็นอย่างมากครับ เพราะที่มีขายตามท้องตลาดทั่วไปนั้นมันมีเยอะมากมายเหลือเกิน หลาย ๆ คนส่วนใหญ่มักจะซื้อที่เค้าว่ากันว่าตัวนี้ดี หรือว่า มีคนบอกปากต่อปากแนะนำต่อกันมาว่าตัวนี้ทานแล้วดี หรือที่มีโฆษณาบ่อย ๆ หรือซื้อมากจากต่างประเทศน่าจะดีไปจนถึงขั้นว่าของแพงคือของดี วันนี้มีวิธีง่าย ๆ มาบอกต่อครับ ว่าจะเลือกยังไงให้ดีและเหมาะกับเรา เพราะของพวกนี้มันไม่ได้วัดกันด้วยคววามรู้สึกว่าดีหรือไม่ดี สิ่งแรกเลยที่ต้องดูคือดูว่าแคลเซียมที่เป็นส่วนประกอบนั้นเป็นแบบไหน แนะนำให้ดูตัวที่เป็น Calcium carbonte (CaCO3) หรือแคลเซียมคาร์บอเนตนั่นเอง ตัวนี้ถือว่าดูดซึมได้ดีที่สุดแล้วครับ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราทานที่ 1000 mg ปริมาณแคลเซียมที่ร่างกายเราจะได้รับอยู่ที่ประมาณ 400 mg แล้วถึงดูดซึมเข้าร่างกายอีกจำนวนหนึ่ง รองลงมาคือ Calcium citrate ซึ่งตัวนี้เราพบว่าสามารถดูดซึมผ่านลำไส้ได้ดีกว่าตัวแรก แต่ใน 1000 mg จะได้แคลเซียมน้อยกว่า รวม ๆ แล้วเลยไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ แต่สังเกตดูว่าถ้าข้างขวดเขียนบอกปริมาณแคลเซีมที่จะได้เท่ากัน แน่นอนว่า Citrate ดูดซึมได้ดีกว่า นอกจาก 2 ตัวนี้แล้ว ไม่ค่อยแนะนำครับอย่างพวก กลูโคเนต พวกนี้ดูดซึมได้น้อยไม่ค่อยคุ้มค่า ส่วนใหญ่ตัวนี้มักจะเป็นยาฉีดมากกว่า ข้อต่อมาที่ต้องดูเลยคือ วิตามินD ที่ผสมอยู่ แน่นอนเลยว่าว่าถ้าเป็นเป็นนตัวที่เบิกตามสิทธิ์ต่าง ๆ จะไม่มีไม่มีตรงนี้ แต่ถ้าเราจะซื้อทานเอง พยายามดูตัวที่มีจะดีกว่าครับเพราะวิตามินD เป็นตัวที่ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมทางลำไส้ให้ดีขึ้น โดยปกติวิตามินDที่ได้จากที่เราทานอาหารนั้นจะเป็นตัวตั้งต้น ร่างกายจะยังนำส่วนนี้ไปใช้อะไรไม่ได้ เราเรียกส่วนนี้ว่า D1ต่อมา ร่างกายจะเปลี่ยน D1 ให้เป็น D2 ที่ผิวหนังด้วยแสงแดด แบบที่เราพูดหรือได้ยินกันเป็นประจำว่า ตากแดดเพื่อรับวิตามินDนั่นเอง(ตามจริงแล้วเราทานมันเข้าไปก่อนแล้วต่างหาก) แต่D2 ร่างกายก็ยังนำไปใช้ไม่ได้นะครับ มันยังไม่เสร็จสินกระบวนการ ขั้นตอนต่อไป ร่างกายจะนำ D2 ไปสังเคราะห์ต่อที่ไต เพื่อเปลี่ยนเป็น D3 จึงจะเสร็จสิ้นกระบวนการ ตอนนี้ล่ะครับร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ตรงนี้สำคัญยังไง มันสำคัญที่แคลเซียมที่เราจะซื้อทานนั้นมันมีผสมอยู่ทั้ง D2 D2 และ D3 (D1 อาจหายากหน่อย) ส่วนราคานั้นก็จะเรียงกันตามลำดับเลยครับ แล้วเราจะเลือกแบบไหนดีล่ะ เครดิตภาพจาก https://www.pexels.com/ ข้อนี้ก็มาดูกันที่พฤติรรมและโรคประจำตัวของเราเองครับ ถ้าเราโดนแดดสม่ำเสมอทุกวัน ร่างกายแข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัว ให้ใช้แค่ D1 ก็พอ....ถ้าเราทำงานในอาคารเป็นหลัก ไม่ค่อยโดนแดดเลยหรือร่างกายขาดครีมกันแดดไม่ได้เลย ควรใช้เป็นตัว D2 ครับ แต่ถ้าเรามีโรคประจำตัวที่ทำให้ไดไม่ค่อยจะดี เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง แนะนำให้ใช้ ตัว D3 ไปเลยครับ....แต่มีหลายครั้งเหมือนกันครับที่ราคากับคุณภาพมักจะสวนทางกัน เช่น รูปแบบแคลเซีมก็ไม่ใช่ แถมยังมีแค่D1 แต่ราคากลับแพงมาก ก็ไม่รู้ว่าแพงเพราะอะไร (หรืออาจจะเป็นค่าของคำว่า่ "ทานแล้วดี ก็ได้ครับ" 555) เครดิตภาพจาก https://www.pexels.com/ ช่วงนี้ขอทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านี้ครับ เดี๋ยวมาเล่าสู่กันฟังใหม่ในบทความต่อไปครับ จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรนั้นฝากติดตามในบทความต่อไปด้วยนะครับ ช่วงนี้ สถานการณ์ Covid-19 กำลังระบาดหนัก ยังไงก็อย่าลืมป้องกันตัวเองด้วยนะครับ "กินร้อน ช้อนกลาง อยู่ห่างกัน 2 เมตร ตามที่ CDC แนะนำนะครับ" อ้อ อย่าลืม Lockdown กันด้วยล่ะครับ เพื่อตัวเราเองครับ หนูแดงแกงไก่ 06/04/63