จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว [แล้วเราเป็นอะไร]

จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว [แล้วเราเป็นอะไร]

ถ้าคำที่ว่า [จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว] เป็นจริง [ทำไมช้านจึงอ้วน]

คงมีใครบางคนแอบถามอย่างนี้อย่างลับ ๆ อยากพูดในใจแต่มันไม่ได้อารมณ์ พูดในห้องน้ำก็กลัวเสียงก้อง จึงเก็บไปพูดในความฝันเสียเลย และหวังว่าเพื่อนผู้ผอมบางจะไม่แอบเข้าฝันมาลักลอบฟังแล้วเอาไปโพทะนา

มีความเป็นไปได้ว่าคำนี้เป็นแค่คำกล่าวสวย ๆ ของคนโลกสวย ๆ พูดแบบเหมือนจะเท่ เหมือนเข้าใจโลกเข้าใจชีวิต หรือไม่ก็พวกที่เข้าใจผิดคิดว่าตนบรรลุอะไรสักอย่าง โดยไม่รู้เลยว่า [จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว] มันไม่มีจริง

[จิต] หมายถึงภาวะภายใน มองไม่เห็นจับต้องไม่ได้ ส่วนใหญ่เราจะใช้มันเป็นผู้ช่วยเรา แต่ก็มีบ้างที่มันบังอาจบังคับบัญชาเราช่วงที่เราสติไม่สมประกอบ เช่น ยามเราแข็งแกร่งกล้าหาญดีเราก็จะใช้มันเพื่อเพิ่มความห้าวหาญในการจัดการกับอะไรสักอย่าง และเมื่อทำสำเร็จ เราก็รู้ว่า [จิต] มีส่วนอย่างมากในชัยชนะ

เอ๊ะ หรือใช่ [จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว] จิตควบคุมกาย บัญชากาย ช่วยเหลือกาย จิตทำทุกอย่างกับกายเพราะคิดว่ากายเป็นบ่าว

อืม ก็น่าจะใช่ เพราะ [จิต] ก็ช่วยเราให้เขียนบทความจนเสร็จทั้งที่หาวแล้วหาวอีก เดี๋ยว! แล้วเรื่องที่เราอ้วนนี่ล่ะ ทำไมจิตไม่ทำให้เราผอม ทั้งที่เราบอกจิตมาตลอดว่าเราอยากผอม ปากเราก็แค่กิน แต่จิตก็ต้องทำให้เราไม่อ้วนสิ หน้าที่ใครก็หน้าที่มันสิ หา อะไรนะ! [นายสั่งให้ผอมแล้วแต่บ่าวทรยศ!] อ้าว! แล้วความซวยตกกับใคร! ว่าแล้วเราก็ลุกขึ้นชี้หน้า [จิต] แล้วตะโกนบอกให้ไปยึดอำนาจคืนมาจาก [กาย] เดี๋ยวนี้!

ขอบคุณรูปจาก Pixabay

รูปปก / รูป 1 / รูป 2 / รูป 3 / รูป 4

บทความอื่นของf i l e b y N o r